เมื่อเช้าวานนี้ (3 ธ.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางไปเป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานพรรคในเขตสายไหม กทม. พร้อมทั้งปราศรัยย่อยช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 โดยระบุช่วงหนึ่งว่า เวลานี้บ้านเมืองเกิดความประหลาด กำหนดให้พรรคนั้นพรรคนี้ได้ไปเป็นรัฐบาล รวมถึงยังมีการกำหนดว่า ให้คนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี
ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็บริหารบ้านเมืองมาดีๆ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งอิจฉาไม่มีน้ำอดน้ำทน ไม่ชอบอดีตนายกฯ ก็ก่อการยึดอำนาจอย่างไม่มีเหตุผล ตัวคนที่อิจฉาไม่เก่งจริง เลยใช้คนอื่นปลุกระดมตามข้างถนนจนเกิดเหตุยึดอำนาจขึ้น และนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเหยีบย่ำพรรคการเมือง
"พระราชดำรัสของในหลวงอยู่เหนือเกล้าฯ อยู่ในใจไทยทุกคน แต่คนที่อยู่ใกล้ชิด มาพูดจากระแทกแดกดัน ตอนที่เขากำลังจะเลือกตั้ง ผมก็ต้องไปกระแทกกลับบ้าง ขนาดผมไม่ได้เอ่ยชื่อ คนที่สงขลา ก็ แหม เข้าใจเหลือเกิน ออกมาพูดกันยกใหญ่ ตัวเองจะยกย่องสรรเสริญก็ยกย่องไป แต่คนที่เขาไม่ยกย่อง เป็นคนเลวหรือ ผมเป็นคนอย่างนี้ไม่ใช่คนดัดจริต ดีดสะดิ้ง" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ จ.สิงห์บุรี มีการแจกจ่ายใบปลิวโจมตีตนว่าไปรวมกับอดีตคอมมิวนิสต์ ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ 14 คน ล้มล้างสถาบัน แต่ตนเป็นพวกขวาสุดขอบ การเมืองไม่ควรจะเล่นกันอย่างนี้ ตนอาสามาด้วยความสุจริตใจ มีความสามารถ จึงกล้าอาสามา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชวนตนมาทันเวลา การเมืองอย่างนี้กลัวไม่ได้ ความกลัวเป็นที่มาแห่งความเสื่อม
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร กล่าวพาดพิงถึงพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ได้หยิบยกกระแสพระราชดำรัสเตือนสติคนไทยให้เลือกคนดี ว่า นายสมัคร ควรยอมรับความจริง เพราะการหยิบยกนำเอากระแสพระราชดำรัสที่คนไทยทุกคนเทิดทูนไว้เหนือเกล้า ถือว่าเป็นการเตือนสติคนไทยทุกคนในชาติ ไม่ให้สนับสนุนคนเลวมาปกครองบ้านเมืองและสังคม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
"ถ้านายสมัครจะรู้สึกเดือดร้อน กับการนำแนวพระราชดำรัสมาเตือนสติบุคคลทั่วไป ว่าเป็นการย่ำยีบุคคลอื่นนั้น ก็เป็นสิทธิที่นายสมัคร จะคิดร้อนตัวไปได้ เพราะในสังคมก็ย่อมมีทั้งคนดี และคนเลว ซึ่งอาจจะแบ่งแยกไม่ได้อย่างชัดเจน เหมือนกับคนที่มีพวกสัมพเวสี และผีเปรต สิงสถิตอยู่ในตัว เมื่อเจอน้ำมนต์ก็อาจจะแสดงอาการกระวนกระวาย ให้บุคคลทั่วไปเห็นได้ ในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นคนดี ไม่ได้ประพฤติชั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับแนวพระราชดำรัสแต่ประการใด แต่สิ่งที่นายสมัคร ออกมาโวยวาย พาดพิงถึง พล.อ.เปรมนั้น ก็เป็นเรื่องปกติที่ นายสมัคร ประพฤติปฏิบัติมาโดยตลอด โดยได้จองล้างจองผลาญ พล.อ.เปรม มาตั้งแต่ยุคที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมีอำนาจ ที่พยายามกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ในทางเสียหาย และอยากให้สังคมรู้จักที่ สูงที่ต่ำ รู้จักการมีสัมมาคารวะในสังคม การยกพระราชดำรัสขึ้นมากล่าวนั้น คนดีไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไร เว้นแต่คนเลวเท่านั้นที่รู้สึกเดือดร้อนไปเอง เหมือนกับวัวสันหลังหวะ หรือพวกที่กินปูนร้อนท้อง ที่หวาดระแวงแม้กระทั้งเงาของตัวเอง" นายเทพไท กล่าว
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ชมพู่เน่าอย่างนายสมัคร เคยถูกศาลสั่งจำคุกในคดีใส่ความอันเป็นเท็จมาหลายคดีแล้ว และขณะนี้ยังมีคดีทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถ และเรือดับเพลิงของ กทม. ที่อยู่ในขั้นที่ คตส. จะส่งให้อัยการฟ้องศาล และโครงการจัดซื้อจัดจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยไปฝังกลบ 3 โครงการของ กทม. มูลค่า 9,589 ล้านบาท ที่มีความไม่โปร่งใส อยู่ในขั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช. จ่อเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกอาญาของนักการเมือง ขอให้ ป.ป.ช. เร่งพิจารณาโครงการนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้นายสมัคร ที่อยู่ในวัยชรากลับตัวทำงานเพื่อชาติ และขอให้ระมัดระวังคำพูด อย่าคิดว่านายใหญ่จะช่วยได้
ในวันเดียวกันนี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้เดินทางไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครใน จ.เชียงราย โดยทันทีที่นายบรรหาร เดินทางไปถึง ก็ได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด ได้แก่ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย ท้าวมหาพรหม สวนตุง และโคม อ.เมือง และพระตำหนักศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเจ้าแม่กวนอิม อ.แม่สรวย
การเดินทางไปครั้งนี้ นายบรรหารได้เดินทางไปปราศรัย ที่ดอยวาวี ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ด้วย โดยจัดเวทีปราศรัยกลางหุบเขา ซึ่งไม่มีพรรคการเมืองใดมาจัดเวทีปราศรัยที่นี่มาก่อน ทั้งนี้ ประชากรในตำบลดังกล่าวเป็นคนไทยภูเขา ซึ่งมี 7 ชนเผ่าหลัก ประกอบด้วย คนจีนยูนนาน, อาข่า, ไทยใหญ่ ,กระเหรี่ยง , มูเซอ ,เมี่ยน , และ ลีซู โดยตัวแทนของแต่ละชนเผ่า ได้มอบเสื้อประจำเผ่าต่างๆให้นายบรรหาร และแกนนำพรรคด้วย
นายบรรหาร กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเป็นนักการเมืองมา 32 ปี เพิ่งเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก เพื่อหาเสียงกับชนเผ่าต่างๆ และถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีก ทั้งนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหา สิ่งที่จะทำให้ท้องถิ่นเจริญรุ่งเรือง ประเทศชาติมั่นคงทัดเทียมกับนานาประเทศก็ขึ้นอยู่กับความสามัคคี หากวันใดบ้านเมืองขาดความสามัคคี ก็จะไปไม่รอด ซึ่งทุกคนคงจะได้ฟังพระราชดำรัสของในหลวง ที่ว่าบ้านเมืองไม่น่าไว้วางใจ หากทุกคนขาดจิตสำนึกสามัคคีก็จะประสบเคราะห์กรรมทั้งชาติ ดังนั้นถ้าอยากให้ประเทศชาติมั่นคง ก็ต้องมีความสามัคคี มีความรัก ซื่อสัตย์และสุจริต ซึ่งจะพรรคชาติไทยจะขอน้อมรับพระราชดำรัสและนำมาปฎิบัติให้จงได้
นายบรรหาร กล่าวว่า ปัญหาบนพื้นที่ราบสูงมีปัญหาเยอะเช่น เรื่องไร้สัญชาติ ที่ทำกิน ยาเสพติด ซึ่งพรรคชาติไทยได้เข้าไปเป็นรัฐบาล พรรคมีสโลแกนว่า เปลี่ยนความคิดให้เป็นความจริง พรรคชาติไทยจะช่วยเหลือคนไร้สัญชาติ ให้เป็นคนมีสัญชาติ ส่วนเรื่องที่ดินทำกินก็จะมีการออก สปก.พิเศษ ให้มีการถือครองที่ดิน แต่ไม่สามารถจำหน่ายจ่ายโอน หรือเปลี่ยนแปลงได้
จากนั้นนายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ถึงโพลเลือกตั้ง ที่ระบุว่า พรรคชาติไทย ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ว่า ตนไม่เชื่อ เพราะโพลก็ไปสอบถามผู้สื่อข่าวจากจังหวัดต่างๆ เท่านั้น ตนเชื่อถือโพลของตนมากกว่า โพลบรรหารดีที่สุด ซึ่งตอนนี้คาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 30 ที่นั่ง และยังคงอยู่อันดับที่ 4 แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายกดดันให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งประธาน ครส. นายบรรหาร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “อย่างนี้แหล่ะ ยังไม่ทันไรก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ อย่างนี้ก็คืออย่างนี้ ไม่รู้รักสามัคคี จะทิ่มให้ตายไปข้างหนึ่ง โกรธแค้นใช่ไหมที่เขามาปฏิวัติ เอาอย่างนี้ดีกว่า ไอ้คนที่ออกมาเรียกร้องควรจะน้อมรับกระแสพระราชดำรัส”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน นายบรรหาร กล่าวว่า ขอน้อมรับพระราชดำรัส เพราะในขณะนี้บ้านเมืองไม่น่าไว้วางใจ ขอให้ทุกคนได้พึงตระหนักในจิตสำนึก เนื่องจากยังขาดความสามัคคี เมื่อขาดตรงนี้ไปแล้ววิกฤติ ก็ย่อมเกิดต่อประเทศชาติ ดังนั้นถ้าอยากให้ประเทศชาติมั่นคงยืนยาวไปตลอด ต้องมีการรักสามัคคี และซื้อสัตย์สุจริต
“สิ่งเหล่านี้สะท้อนใจว่า แสดงว่าพระองค์ท่านมองเห็นชะตาบ้านเมืองว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงเป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องน้อมรับมาปฏิบัติทุกคน แม้ว่าจะเป็นช่วงเลือกตั้งก็ตาม ส่วนการเลือกตั้งก็ว่ากันไป แต่เมื่อหลังเลือกตั้งทุกคนต้องยึดพระราชดำรัส ของพระองค์ท่าน อย่าถือเขาถือเรา ถ้าหากใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เอากันถึงเป็นถึงตายเลยมันก็ไม่ไหว ขอให้นึกถึงประเทศชาติ เพราะมันจะทำให้เกิดความเสียหายกันทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม ผมจะยึดพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน เพราะแม้อยู่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ผมก็ไม่เคยโจมตีใคร แต่บางคนก็อย่างว่า เวลาปราศรัยก็พูดมากเกินไป กระทบโน่นกระทบนี่" นายบรรหาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.คืนวันที่ 2 ธ.ค. ได้เกิดเหตุรถกระบะทีมงานหาเสียงของพรรคชาติไทยได้เดินทางไปติดป้ายหาเสียงที่เวทีปราศรัย ต.วาวี อ. แม่สรวย เส้นทางระหว่างบ้านวาวีไปยังบ้านเลาวี ซึ่งเป็นทางเขาลาดชัน ทำให้รถตกเขา มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 3 คน ซึ่ง นายมณฑล สุทธาธนโชติ เปิดเผยว่า รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถของคณะทำงานของพรรคชาติไทย ที่ได้ออกเดินทางไปเพื่อติดป้ายหาเสียง ก่อนที่นายบรรหาร และแกนนำพรรค จะเดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยในวันที่ 3 ธ.ค.
ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็บริหารบ้านเมืองมาดีๆ แต่มีคนกลุ่มหนึ่งอิจฉาไม่มีน้ำอดน้ำทน ไม่ชอบอดีตนายกฯ ก็ก่อการยึดอำนาจอย่างไม่มีเหตุผล ตัวคนที่อิจฉาไม่เก่งจริง เลยใช้คนอื่นปลุกระดมตามข้างถนนจนเกิดเหตุยึดอำนาจขึ้น และนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเหยีบย่ำพรรคการเมือง
"พระราชดำรัสของในหลวงอยู่เหนือเกล้าฯ อยู่ในใจไทยทุกคน แต่คนที่อยู่ใกล้ชิด มาพูดจากระแทกแดกดัน ตอนที่เขากำลังจะเลือกตั้ง ผมก็ต้องไปกระแทกกลับบ้าง ขนาดผมไม่ได้เอ่ยชื่อ คนที่สงขลา ก็ แหม เข้าใจเหลือเกิน ออกมาพูดกันยกใหญ่ ตัวเองจะยกย่องสรรเสริญก็ยกย่องไป แต่คนที่เขาไม่ยกย่อง เป็นคนเลวหรือ ผมเป็นคนอย่างนี้ไม่ใช่คนดัดจริต ดีดสะดิ้ง" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ จ.สิงห์บุรี มีการแจกจ่ายใบปลิวโจมตีตนว่าไปรวมกับอดีตคอมมิวนิสต์ ที่เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ 14 คน ล้มล้างสถาบัน แต่ตนเป็นพวกขวาสุดขอบ การเมืองไม่ควรจะเล่นกันอย่างนี้ ตนอาสามาด้วยความสุจริตใจ มีความสามารถ จึงกล้าอาสามา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ชวนตนมาทันเวลา การเมืองอย่างนี้กลัวไม่ได้ ความกลัวเป็นที่มาแห่งความเสื่อม
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร กล่าวพาดพิงถึงพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ได้หยิบยกกระแสพระราชดำรัสเตือนสติคนไทยให้เลือกคนดี ว่า นายสมัคร ควรยอมรับความจริง เพราะการหยิบยกนำเอากระแสพระราชดำรัสที่คนไทยทุกคนเทิดทูนไว้เหนือเกล้า ถือว่าเป็นการเตือนสติคนไทยทุกคนในชาติ ไม่ให้สนับสนุนคนเลวมาปกครองบ้านเมืองและสังคม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
"ถ้านายสมัครจะรู้สึกเดือดร้อน กับการนำแนวพระราชดำรัสมาเตือนสติบุคคลทั่วไป ว่าเป็นการย่ำยีบุคคลอื่นนั้น ก็เป็นสิทธิที่นายสมัคร จะคิดร้อนตัวไปได้ เพราะในสังคมก็ย่อมมีทั้งคนดี และคนเลว ซึ่งอาจจะแบ่งแยกไม่ได้อย่างชัดเจน เหมือนกับคนที่มีพวกสัมพเวสี และผีเปรต สิงสถิตอยู่ในตัว เมื่อเจอน้ำมนต์ก็อาจจะแสดงอาการกระวนกระวาย ให้บุคคลทั่วไปเห็นได้ ในกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นคนดี ไม่ได้ประพฤติชั่ว ก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับแนวพระราชดำรัสแต่ประการใด แต่สิ่งที่นายสมัคร ออกมาโวยวาย พาดพิงถึง พล.อ.เปรมนั้น ก็เป็นเรื่องปกติที่ นายสมัคร ประพฤติปฏิบัติมาโดยตลอด โดยได้จองล้างจองผลาญ พล.อ.เปรม มาตั้งแต่ยุคที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมีอำนาจ ที่พยายามกล่าวพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ในทางเสียหาย และอยากให้สังคมรู้จักที่ สูงที่ต่ำ รู้จักการมีสัมมาคารวะในสังคม การยกพระราชดำรัสขึ้นมากล่าวนั้น คนดีไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไร เว้นแต่คนเลวเท่านั้นที่รู้สึกเดือดร้อนไปเอง เหมือนกับวัวสันหลังหวะ หรือพวกที่กินปูนร้อนท้อง ที่หวาดระแวงแม้กระทั้งเงาของตัวเอง" นายเทพไท กล่าว
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ชมพู่เน่าอย่างนายสมัคร เคยถูกศาลสั่งจำคุกในคดีใส่ความอันเป็นเท็จมาหลายคดีแล้ว และขณะนี้ยังมีคดีทุจริตโครงการจัดซื้อจัดจ้างรถ และเรือดับเพลิงของ กทม. ที่อยู่ในขั้นที่ คตส. จะส่งให้อัยการฟ้องศาล และโครงการจัดซื้อจัดจ้างเหมาเอกชนขนมูลฝอยไปฝังกลบ 3 โครงการของ กทม. มูลค่า 9,589 ล้านบาท ที่มีความไม่โปร่งใส อยู่ในขั้นการพิจารณาของ ป.ป.ช. จ่อเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแผนกอาญาของนักการเมือง ขอให้ ป.ป.ช. เร่งพิจารณาโครงการนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ขอให้นายสมัคร ที่อยู่ในวัยชรากลับตัวทำงานเพื่อชาติ และขอให้ระมัดระวังคำพูด อย่าคิดว่านายใหญ่จะช่วยได้
ในวันเดียวกันนี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้เดินทางไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครใน จ.เชียงราย โดยทันทีที่นายบรรหาร เดินทางไปถึง ก็ได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด ได้แก่ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย ท้าวมหาพรหม สวนตุง และโคม อ.เมือง และพระตำหนักศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเจ้าแม่กวนอิม อ.แม่สรวย
การเดินทางไปครั้งนี้ นายบรรหารได้เดินทางไปปราศรัย ที่ดอยวาวี ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ด้วย โดยจัดเวทีปราศรัยกลางหุบเขา ซึ่งไม่มีพรรคการเมืองใดมาจัดเวทีปราศรัยที่นี่มาก่อน ทั้งนี้ ประชากรในตำบลดังกล่าวเป็นคนไทยภูเขา ซึ่งมี 7 ชนเผ่าหลัก ประกอบด้วย คนจีนยูนนาน, อาข่า, ไทยใหญ่ ,กระเหรี่ยง , มูเซอ ,เมี่ยน , และ ลีซู โดยตัวแทนของแต่ละชนเผ่า ได้มอบเสื้อประจำเผ่าต่างๆให้นายบรรหาร และแกนนำพรรคด้วย
นายบรรหาร กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเป็นนักการเมืองมา 32 ปี เพิ่งเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรก เพื่อหาเสียงกับชนเผ่าต่างๆ และถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีก ทั้งนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหา สิ่งที่จะทำให้ท้องถิ่นเจริญรุ่งเรือง ประเทศชาติมั่นคงทัดเทียมกับนานาประเทศก็ขึ้นอยู่กับความสามัคคี หากวันใดบ้านเมืองขาดความสามัคคี ก็จะไปไม่รอด ซึ่งทุกคนคงจะได้ฟังพระราชดำรัสของในหลวง ที่ว่าบ้านเมืองไม่น่าไว้วางใจ หากทุกคนขาดจิตสำนึกสามัคคีก็จะประสบเคราะห์กรรมทั้งชาติ ดังนั้นถ้าอยากให้ประเทศชาติมั่นคง ก็ต้องมีความสามัคคี มีความรัก ซื่อสัตย์และสุจริต ซึ่งจะพรรคชาติไทยจะขอน้อมรับพระราชดำรัสและนำมาปฎิบัติให้จงได้
นายบรรหาร กล่าวว่า ปัญหาบนพื้นที่ราบสูงมีปัญหาเยอะเช่น เรื่องไร้สัญชาติ ที่ทำกิน ยาเสพติด ซึ่งพรรคชาติไทยได้เข้าไปเป็นรัฐบาล พรรคมีสโลแกนว่า เปลี่ยนความคิดให้เป็นความจริง พรรคชาติไทยจะช่วยเหลือคนไร้สัญชาติ ให้เป็นคนมีสัญชาติ ส่วนเรื่องที่ดินทำกินก็จะมีการออก สปก.พิเศษ ให้มีการถือครองที่ดิน แต่ไม่สามารถจำหน่ายจ่ายโอน หรือเปลี่ยนแปลงได้
จากนั้นนายบรรหาร ให้สัมภาษณ์ถึงโพลเลือกตั้ง ที่ระบุว่า พรรคชาติไทย ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ว่า ตนไม่เชื่อ เพราะโพลก็ไปสอบถามผู้สื่อข่าวจากจังหวัดต่างๆ เท่านั้น ตนเชื่อถือโพลของตนมากกว่า โพลบรรหารดีที่สุด ซึ่งตอนนี้คาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 30 ที่นั่ง และยังคงอยู่อันดับที่ 4 แค่นี้ก็พอใจแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายกดดันให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่งประธาน ครส. นายบรรหาร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “อย่างนี้แหล่ะ ยังไม่ทันไรก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ อย่างนี้ก็คืออย่างนี้ ไม่รู้รักสามัคคี จะทิ่มให้ตายไปข้างหนึ่ง โกรธแค้นใช่ไหมที่เขามาปฏิวัติ เอาอย่างนี้ดีกว่า ไอ้คนที่ออกมาเรียกร้องควรจะน้อมรับกระแสพระราชดำรัส”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน นายบรรหาร กล่าวว่า ขอน้อมรับพระราชดำรัส เพราะในขณะนี้บ้านเมืองไม่น่าไว้วางใจ ขอให้ทุกคนได้พึงตระหนักในจิตสำนึก เนื่องจากยังขาดความสามัคคี เมื่อขาดตรงนี้ไปแล้ววิกฤติ ก็ย่อมเกิดต่อประเทศชาติ ดังนั้นถ้าอยากให้ประเทศชาติมั่นคงยืนยาวไปตลอด ต้องมีการรักสามัคคี และซื้อสัตย์สุจริต
“สิ่งเหล่านี้สะท้อนใจว่า แสดงว่าพระองค์ท่านมองเห็นชะตาบ้านเมืองว่าเป็นอย่างไรบ้าง จึงเป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องน้อมรับมาปฏิบัติทุกคน แม้ว่าจะเป็นช่วงเลือกตั้งก็ตาม ส่วนการเลือกตั้งก็ว่ากันไป แต่เมื่อหลังเลือกตั้งทุกคนต้องยึดพระราชดำรัส ของพระองค์ท่าน อย่าถือเขาถือเรา ถ้าหากใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เอากันถึงเป็นถึงตายเลยมันก็ไม่ไหว ขอให้นึกถึงประเทศชาติ เพราะมันจะทำให้เกิดความเสียหายกันทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม ผมจะยึดพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน เพราะแม้อยู่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ผมก็ไม่เคยโจมตีใคร แต่บางคนก็อย่างว่า เวลาปราศรัยก็พูดมากเกินไป กระทบโน่นกระทบนี่" นายบรรหาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.คืนวันที่ 2 ธ.ค. ได้เกิดเหตุรถกระบะทีมงานหาเสียงของพรรคชาติไทยได้เดินทางไปติดป้ายหาเสียงที่เวทีปราศรัย ต.วาวี อ. แม่สรวย เส้นทางระหว่างบ้านวาวีไปยังบ้านเลาวี ซึ่งเป็นทางเขาลาดชัน ทำให้รถตกเขา มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 3 คน ซึ่ง นายมณฑล สุทธาธนโชติ เปิดเผยว่า รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถของคณะทำงานของพรรคชาติไทย ที่ได้ออกเดินทางไปเพื่อติดป้ายหาเสียง ก่อนที่นายบรรหาร และแกนนำพรรค จะเดินทางมาเปิดเวทีปราศรัยในวันที่ 3 ธ.ค.