เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (3ธ.ค.) พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) เป็นประธานการประชุมครส. ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการศูนย์สร้างความรู้ ความเข้าใจในการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ช่วงแรก พล.อ.สนธิ กล่าวถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ทรงให้เน้นในเรื่องวิบากกรรม เคราะห์กรรมของประเทศชาติ ขอให้ช่วยกันสมานสามัคคี ซึ่ง พล.อ.สนธิ ต้องการให้นำเรื่องนี้มาใช้ในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ กกต. กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการทุกกรรมการ
นายไชยา กล่าวว่า พล.อ.สนธิ พอใจที่ผลของการรณรงค์การประชาสัมพันธ์ของ ครส. ทำให้ประชาชนมีความรู้มากขึ้น มีจำนวนผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตจังหวัด ซึ่งจะมีการเลือกตั้งวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ กว่า 2 ล้านคน และผู้ที่มาขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เกือบ 8 หมื่นคน เทียบกับปี 43 ซึ่งมาใช้สิทธิเพียง 2 หมื่นกว่าคนเท่านั้น
ส่วนเรื่องของผลโพลต่างๆ พล.อ.สนธิไม่ค่อยสบายใจโดยเฉพาะที่ระบุว่า ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีส่วนในการซื้อสิทธิ ขายเสียง ร้อยละ13.7 โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
"สำหรับผลสำรวจที่พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ไม่เป็นกลางทางการเมืองนั้น เป็นผลการประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งของหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งที่ทำการสำรวจทั่วประเทศ และ ทาง พล.อ.สนธิ ได้รับผลสำรวจพบว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีส่วนในการซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ13 - 17 ข้าราชการท้องถิ่น ร้อยละ 8.6 กำนันผู้ใหญ่บ้านร้อยละ 6.8 ข้าราชการฝ่ายปกครองร้อยละ2.8 ตำรวจร้อยละ 2.0 ทหารร้อยละ 1.5 นอกจากนี้ ในผลการประเมินยังระบุว่า จากการได้ติดต่อสอบถามประชาชนในกลุ่มตัวอย่างในการซื้อสิทธิขายเสียงมีร้อยละ10.7 ได้รับการติดต่อการซื้อเสียงแล้ว " นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวอีกว่า ครส. จะมีป้ายรณรงค์ต่างๆ และสื่อในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมากขึ้น หลังจากวันที่ 11 ธ.ค. เป็นต้นไป เพื่อให้ความรู้กับประชาชน เรื่อง ส.ส.แบบแบ่งเขต และสัดส่วนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร จะกาบัตรอย่างไรในวันที่ 23 ธ.ค. นี้
เรื่องสุดท้ายพูดถึงการประเมินจากกระทรวงมหาดไทย ที่ตนไม่อยากให้เรียกว่าโพล ซึ่งจากผู้ที่มีใช้สิทธิเลือกตั้ง 40 กว่าล้านคน มีจำนวน 86.03 % ที่ทราบว่าวันที่ 23ธ.ค. จะมีการเลือกตั้ง และการประเมินระบุด้วยว่า จะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 71% ซึ่งเป็นไปตามคาด สูงกว่าประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งในส่วนของจำนวนบัญชีที่มีตัวตนอยู่จริงมี 85%
เมื่อถามว่าได้มีการพูดถึงการซื้อสิทธิขายเสียงในรูปแบบอื่นหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า มีการพูดถึงในเรื่องความกังวลเรื่องนี้ ส่วนมาตรการที่จะทำไม่ได้มีการพูดถึง แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ ตนได้ถูกสอบถามมากเรื่องบทบาท ครส. ว่า ก้าวก่าย กกต.หรือไม่หรือถูก พล.อ.สนธิ กระซิบให้ทำการประชาสัมพันธ์ในการสกัดพรรคการเมืองหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้รับการกระซิบจากพล.อ.สนธิ ใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้นำผลการประเมินผลการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งส.ส. เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ข้อมูลเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 50 สรุปผลว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40,853,345 คน มีประชาชนร้อยละ 86.3 ที่รับทราบว่าวันที่ 23 ธ.ค. เป็นวันเลือกตั้ง จังหวัดที่มีผลประเมินสูงสุดเต็มร้อยละร้อย คือ จ.ตาก ส่วนจังหวัดที่มีผลการประเมินต่ำสุด คือ จ.ร้อยเอ็ด คิดเป็นร้อยละ 55.03 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ จ.ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดที่มีผลการประเมินต่ำกว่าร้อยละ 70
รายงานระบุอีกว่า จากการประเมินประชาชนในเขตเลือกตั้งที่จะออกมาใช้สิทธิ จำนวน 29,310,024 คน คิดเป็นร้อยละ 71.74 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จังหวัดที่มีการประเมินสูงสุดคือ จ.ลำพูน คิดเป็นร้อยละ 85 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่ง จ.น่าน มีผลประเมินต่ำสุด คิดเป็นร้อยละ 63.93 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ มีจังหวัดที่ผลประเมินต่ำกว่าร้อยละ 70 ได้แก่ จ.นครนายก เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ หนองคาย เชียงราย นครราชสีมา พิจิตร สมุทรปราการ อำนาจเจริญ สุรินทร์ ขอนแก่น และน่าน
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งปรากฎว่า ผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง จำนวน 34,733,238 คน คิดเป็นร้อยละ 85.02 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจังหวัดที่ประเมินสูงสุด ร้อยละร้อย คือ จ.สระแก้ว ส่วนจังหวัดที่มีการประเมินต่ำสุด คือ จ.ศรีสะเกษ คิดเป็นร้อยละ 63.27 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
นอกจากนี้จังหวัดที่มีผลการประเมินต่ำกว่าร้อยละ 70 จำนวน 4 จังหวัด คือ จ.มุกดาหาร นครราชสีมา สุรินทร์ และศรีสะเกษ ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ในจังหวัดที่มีผลประเมินผู้มาใช้สิทธิออกเสียงต่ำกว่าร้อยละ 70 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้ว
นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการศูนย์สร้างความรู้ ความเข้าใจในการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ช่วงแรก พล.อ.สนธิ กล่าวถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ทรงให้เน้นในเรื่องวิบากกรรม เคราะห์กรรมของประเทศชาติ ขอให้ช่วยกันสมานสามัคคี ซึ่ง พล.อ.สนธิ ต้องการให้นำเรื่องนี้มาใช้ในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ กกต. กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการทุกกรรมการ
นายไชยา กล่าวว่า พล.อ.สนธิ พอใจที่ผลของการรณรงค์การประชาสัมพันธ์ของ ครส. ทำให้ประชาชนมีความรู้มากขึ้น มีจำนวนผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตจังหวัด ซึ่งจะมีการเลือกตั้งวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ กว่า 2 ล้านคน และผู้ที่มาขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เกือบ 8 หมื่นคน เทียบกับปี 43 ซึ่งมาใช้สิทธิเพียง 2 หมื่นกว่าคนเท่านั้น
ส่วนเรื่องของผลโพลต่างๆ พล.อ.สนธิไม่ค่อยสบายใจโดยเฉพาะที่ระบุว่า ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีส่วนในการซื้อสิทธิ ขายเสียง ร้อยละ13.7 โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
"สำหรับผลสำรวจที่พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ไม่เป็นกลางทางการเมืองนั้น เป็นผลการประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งของหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งที่ทำการสำรวจทั่วประเทศ และ ทาง พล.อ.สนธิ ได้รับผลสำรวจพบว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีส่วนในการซื้อสิทธิขายเสียง ร้อยละ13 - 17 ข้าราชการท้องถิ่น ร้อยละ 8.6 กำนันผู้ใหญ่บ้านร้อยละ 6.8 ข้าราชการฝ่ายปกครองร้อยละ2.8 ตำรวจร้อยละ 2.0 ทหารร้อยละ 1.5 นอกจากนี้ ในผลการประเมินยังระบุว่า จากการได้ติดต่อสอบถามประชาชนในกลุ่มตัวอย่างในการซื้อสิทธิขายเสียงมีร้อยละ10.7 ได้รับการติดต่อการซื้อเสียงแล้ว " นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวอีกว่า ครส. จะมีป้ายรณรงค์ต่างๆ และสื่อในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบมากขึ้น หลังจากวันที่ 11 ธ.ค. เป็นต้นไป เพื่อให้ความรู้กับประชาชน เรื่อง ส.ส.แบบแบ่งเขต และสัดส่วนว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร จะกาบัตรอย่างไรในวันที่ 23 ธ.ค. นี้
เรื่องสุดท้ายพูดถึงการประเมินจากกระทรวงมหาดไทย ที่ตนไม่อยากให้เรียกว่าโพล ซึ่งจากผู้ที่มีใช้สิทธิเลือกตั้ง 40 กว่าล้านคน มีจำนวน 86.03 % ที่ทราบว่าวันที่ 23ธ.ค. จะมีการเลือกตั้ง และการประเมินระบุด้วยว่า จะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 71% ซึ่งเป็นไปตามคาด สูงกว่าประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งในส่วนของจำนวนบัญชีที่มีตัวตนอยู่จริงมี 85%
เมื่อถามว่าได้มีการพูดถึงการซื้อสิทธิขายเสียงในรูปแบบอื่นหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า มีการพูดถึงในเรื่องความกังวลเรื่องนี้ ส่วนมาตรการที่จะทำไม่ได้มีการพูดถึง แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ ตนได้ถูกสอบถามมากเรื่องบทบาท ครส. ว่า ก้าวก่าย กกต.หรือไม่หรือถูก พล.อ.สนธิ กระซิบให้ทำการประชาสัมพันธ์ในการสกัดพรรคการเมืองหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าไม่ได้รับการกระซิบจากพล.อ.สนธิ ใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้นำผลการประเมินผลการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งส.ส. เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ข้อมูลเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 50 สรุปผลว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40,853,345 คน มีประชาชนร้อยละ 86.3 ที่รับทราบว่าวันที่ 23 ธ.ค. เป็นวันเลือกตั้ง จังหวัดที่มีผลประเมินสูงสุดเต็มร้อยละร้อย คือ จ.ตาก ส่วนจังหวัดที่มีผลการประเมินต่ำสุด คือ จ.ร้อยเอ็ด คิดเป็นร้อยละ 55.03 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ จ.ร้อยเอ็ด เป็นจังหวัดที่มีผลการประเมินต่ำกว่าร้อยละ 70
รายงานระบุอีกว่า จากการประเมินประชาชนในเขตเลือกตั้งที่จะออกมาใช้สิทธิ จำนวน 29,310,024 คน คิดเป็นร้อยละ 71.74 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จังหวัดที่มีการประเมินสูงสุดคือ จ.ลำพูน คิดเป็นร้อยละ 85 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่ง จ.น่าน มีผลประเมินต่ำสุด คิดเป็นร้อยละ 63.93 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ มีจังหวัดที่ผลประเมินต่ำกว่าร้อยละ 70 ได้แก่ จ.นครนายก เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ หนองคาย เชียงราย นครราชสีมา พิจิตร สมุทรปราการ อำนาจเจริญ สุรินทร์ ขอนแก่น และน่าน
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งปรากฎว่า ผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง จำนวน 34,733,238 คน คิดเป็นร้อยละ 85.02 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจังหวัดที่ประเมินสูงสุด ร้อยละร้อย คือ จ.สระแก้ว ส่วนจังหวัดที่มีการประเมินต่ำสุด คือ จ.ศรีสะเกษ คิดเป็นร้อยละ 63.27 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
นอกจากนี้จังหวัดที่มีผลการประเมินต่ำกว่าร้อยละ 70 จำนวน 4 จังหวัด คือ จ.มุกดาหาร นครราชสีมา สุรินทร์ และศรีสะเกษ ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้เร่งรัดรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ในจังหวัดที่มีผลประเมินผู้มาใช้สิทธิออกเสียงต่ำกว่าร้อยละ 70 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้ว