xs
xsm
sm
md
lg

7 วิธี “หลอกฟัน” ของนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

สัปดาห์นี้เห็นปฏิกิริยาของนักการเมืองหลายพรรคที่แสดงออกจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสนมากขึ้นทุกวัน ว่าทำไมประเทศไทยจึงมีกลุ่มบุคคลเหล่านี้มาเป็นคนบริหารบ้านเมืองได้ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ลองคิดดูเอาเถิด! นักการเมืองอาศัยตำแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนในการทุจริตคอร์รัปชันทุกยุคทุกสมัยและเกิดขึ้นในแทบทุกพรรคการเมืองต่างยังคงวนเวียนอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ มีคนนับหน้าถือตาในสังคมโดยไม่เคยเกิดความละอายและเกรงกลัวต่อบาปแม้แต่น้อย

การทุจริตคอร์รัปชัน, การละเมิดสิทธิมนุษยชน, การแทรกแซงองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ, การปิดกั้นการนำเสนอของสื่อสารมวลชน, ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นมาแล้วโดยนักการเมืองทั้งหลายที่อยู่ในรัฐบาลหลายยุคไม่เคยลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง

ขนาดคณะกรรมการอิสระตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์นโยบายปราบปรามยาเสพติดและการนำนโยบายไปปฏิบัติจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.) สรุปออกมาว่ามีประชาชนเสียชีวิตจำนวนถึง 1,400 ศพถูกฆ่าตัดตอนไปทั้งๆที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถึงขั้นนี้แล้วก็ยังไม่มีนักการเมืองหน้าไหนในรัฐบาลชุดที่แล้วโผล่ศีรษะออกมาแสดงความสำนึกผิด หรือเกิดความละอายอันเนื่องมาจากความผิดพลาดเหล่านั้นแม้แต่น้อย

แต่นักการเมืองเหล่านี้ยังมีหน้าทำตัวเป็นนักสิทธิมนุษยชนเรียกร้องสิทธิทางการเมืองส่วนตัวกับองค์กรนานาชาติจากกรณีการถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดยดูถูกประชาชนว่าจะจำไม่ได้กับเรื่องราวในอดีตที่นักการเมืองเหล่านี้ไม่เคยออกมาปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานแม้กระทั่งสิทธิการมีชีวิตของประชาชนจากการถูกฆ่าตัดตอนไปเป็นจำนวนมาก

นักการเมืองจำพวกนี้ไม่เคยรู้จักคำว่าสำนึกผิด ไม่รู้จักคำว่ารับผิดชอบ และไม่รู้จักคำว่าขอโทษต่อประชาชนในการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดแม้แต่ครั้งเดียว

เราจึงเห็นนักการเมืองบางจำพวก ไม่แสดงความรับผิดชอบ ตระบัดสัตย์ต่อคำพูดในการที่จะยอมรับคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคไทยรักไทยและการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารทั้ง 111 คน

เราจึงเห็นนักการเมืองจำพวกนี้ ไม่เคยออกมาคัดค้านการกระทำชั่วร้ายของรัฐบาล ไม่เคยออกมาต่อต้านการกระทำที่เป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ไม่เคยออกมาท้วงติงการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง หนำซ้ำยังทำตัวเป็นเครื่องมือรับใช้พรรคพวกตัวเองในการยกมือรับรองคะแนนเสียงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกครั้งโดยไม่สนใจข้อเท็จจริงและความรู้สึกนึกคิดของประชาชน

หรือว่าความไม่เกรงกลัวและละอายต่อบาป กลายเป็นส่วนหนึ่งในกมลสันดานของนักการเมืองเหล่านั้นไปแล้วใช่หรือไม่?

จึงไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มมีความรู้สึกเบื่อหน่ายทางการเมือง และไม่เห็นความหวังการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปในทางที่ดีเมื่อนักการเมืองจำนวนมากยังคงทำตัวสามานย์และล้าหลังในเรื่องศีลธรรม

วันนี้จะขอเติมบรรยากาศความน่าเบื่อทางการเมืองของนักการเมืองไทยอีกจำนวนหนึ่ง ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวทุกรูปแบบ โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองนี้จะมีวิกฤตการณ์มากน้อยเพียงใด ไม่มีอุดมการณ์ มีแต่ “อุดมเงิน” เป็นเป้าหมายในชีวิต

จากการสำรวจและติดตามพฤติกรรมของนักการเมืองในช่วงเวลานี้ พบว่ากลยุทธ์ “ลับ-ลวง-พราง” กำลังเป็นที่นิยมมาก และสามารถใช้กลยุทธ์นี้ในการหลอกกันไปมาระหว่างพวกนักการเมืองด้วยกันเอง หลอกประชาชน และถึงขั้นหลอกกันได้แม้แต่ตัวเองอีกด้วย

ที่หลอกกันจนมั่วกันไปหมดจนเกิดความสับสนกันในทุกวันนี้ก็เพื่อสิ่งเดียวก็คือ “ผลประโยชน์ในเรื่องของเงิน” และยุทธการหลอกเอาเงินนั้นเกิดขึ้นไปทุกหย่อมหญ้าในบ้านเมืองในเวลานี้ โดยสามารถจำแนกประเภทของการหลอกฟันเอาเงินของนักการเมืองได้ดังต่อไปนี้

หลอกฟันวิธีที่ 1 ตั้งกลุ่มหรือพรรคของตัวเองขึ้นมา นักการเมืองหรือทหารทำตัวเป็นนายหน้าเรี่ยไรระดมทุนโดยเฉพาะจากกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เกษตร, และโทรคมนาคม นายหน้าที่เรี่ยไรระดมทุนมุบมิบเอาเข้ากระเป๋าตัวเองไม่เอาเข้าพรรคการเมือง วิธีนี้เกิดขึ้นในยุคนี้ทั้งในส่วนของฝ่ายทหาร และ นักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ส่วนนายทุนได้จ่ายเงินให้ทั้งตัวจริงและตัวปลอมไปหลายสาย

หลอกฟันวิธีที่ 2 ตั้งกลุ่มเพื่อสร้างราคา วิ่งเข้าหาพรรคการเมืองที่มีเงิน หลอกให้จ่ายเงินเดือนและค่าหาเสียงผ่านนายหน้าของกลุ่ม หัวหน้ากลุ่มรับเงินหลายทาง บางครั้งรับงานจากพรรคการเมืองอื่นเพื่อทำลายพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ในเวลาเดียวกัน วิธีนี้จะสังเกตเห็นกลุ่มประเภทนี้ย้ายไปมามากกว่า 2 พรรคในเวลาใกล้เคียงกัน ไม่มีอุดมการณ์และไม่มีความศรัทธาต่อพรรคการเมืองใด จะย้ายพรรคก็ต่อเมื่อนายทุนพรรคฉลาดขึ้นไม่ได้จ่ายเงินให้กับหัวหน้ากลุ่ม วิธีการประเภทนี้ได้ทำสำเร็จกันไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง

หลอกฟันวิธีที่ 3 ขายผู้สมัครส.ส.ตัวจริงในกลุ่มให้พรรคการเมืองอื่นเบิกเงินก้อนใหญ่ได้ทางหนึ่ง ได้เงินทางที่สองด้วยการสร้างผู้สมัคร ส.ส. ตัวอ่อนมาเบิกเงินกับนายทุนในพรรคที่ตัวเองสังกัด ได้เงินทางที่สามด้วยการรับเงินจากท่อน้ำเลี้ยงอำนาจเก่าเพื่อทำลายพรรคการเมืองที่ตัวเองสังกัด วิธีนี้จะเหมาะมากเมื่อนายทุนพรรคไม่รู้เรื่องของผู้สมัครนักการเมืองมากนัก

อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ค่อนข้างโหดเหี้ยม เพราะนอกจากจะได้เงินหลายชั้นแล้วยังทำให้นายทุนของพรรคที่ตัวเองสังกัดต้องสูญเสียเสบียงไปเป็นจำนวนมากแถมยังได้จำนวน ส.ส.น้อยกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย

ที่สำคัญ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่า ส.ส.ตัวอ่อนจะไม่ได้เป็น ส.ส.หัวหน้ากลุ่มจึงเบิกเงินใส่กระเป๋าจนอิ่มหมีพลีมัน และพร้อมหักหลังได้เสมอเมื่อกลุ่มลูกน้องตัวเองได้เข้าไปเป็น ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร

อย่างไรก็ตามได้ทราบข่าวมาว่านายทุนพรรคการเมืองดังกล่าว เพิ่งจะไหวตัวทัน หูตาสว่างได้ประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารในพรรคการเมืองนั้นไปเป็นที่เรียบร้อย

หลอกฟันวิธีที่ 4 ทำตัวเป็นพรรคการเมืองขั้วกลาง หรือไม่มีขั้ว แล้วหลอกรับประทานนายทุนทั้ง 2 ขั้ว วิธีการนี้ต้องมีความแนบเนียนจะให้จับได้ว่าเข้าข้างอำนาจเก่าก็ไม่ได้ จะให้จับได้ว่าเป็นศัตรูกับอำนาจเก่าก็ไม่ดี

พรรคการเมืองประเภทนี้จะอ่านยาก ไม่มีความชัดเจนว่าจะอยู่ขั้วไหน เวลาจะเบิกเงินกับอำนาจเก่าก็จะบอกว่าอยู่พวกเดียวกัน เดี๋ยวมาจัดตั้งเป็นรัฐบาลผสม ในทางตรงกันข้ามเวลาจะเบิกเงินกับกลุ่มต่อต้านอำนาจเก่าหรือขอแรงสนับสนุนการตรวจสอบการเลือกตั้งก็จะอ้างว่าโจมตีอำนาจเก่าไม่ได้จะเสียฐานเสียงแล้วจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลต่อต้านอำนาจเก่า

พรรคการเมืองทำตัวเป็นขั้วกลางนี้ยังมีการจัดฉากแบ่งบทบาทหน้าที่หลายหน้าในการไปเบิกเงิน หนำซ้ำบางคนยังทำตัวล้ำเส้นไปติดต่อเองโดยที่พรรคไม่รู้เรื่อง เหมือนกับกรณีเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ที่มีนักการเมืองไปติดต่อท่อน้ำเลี้ยงที่ฮ่องกงจนไม่รู้ว่าพรรคการเมืองนี้หลอกฝ่ายไหนรับประทานกันแน่

หลอกฟันวิธีที่ 5 จัดโพลหลอกรับประทาน สร้างโพลขึ้นมาแบบไม่มีที่ไปที่มา หาแหล่งต้นตอไม่ได้ ทำเอกสารส่งต่อไปยังสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ ด้านหนึ่งเพื่อเป็นการหลอกประชาชนให้หลงเชื่อว่าพรรคตัวเองกระแสมาแรงจะเป็นรัฐบาล อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเป็นการหลอกท่อน้ำเลี้ยงให้หลงเชื่อว่าชนะแน่ให้จ่ายเงินมาเพิ่ม

หลอกฟันวิธีที่ 6 ผู้สมัครหลอกรับประทานเสียเอง ผู้สมัครบางคนเห็นพรรคไม่มีกระแสและไม่มีทางชนะ หรือ ผู้สมัครบางคนเห็นว่าจะมีความเสี่ยงถูกยุบพรรคสูง เงินที่ได้มาจึงถูกนำมาออมเข้ากระเป๋าส่วนตัว ลดจำนวนป้ายโฆษณาหาเสียงลง และใช้เงินน้อยลงจนถึงขั้นเกือบไม่ใช้เลย ยังไม่นับการทุจริตในพรรคการเมืองกันเอง ที่จำนวนการผลิตสื่อโฆษณาต่างๆไม่เป็นไปตามที่จ้างเพราะกำลังเกิดความชุลมุนจนไม่มีใครมาตรวจสอบ

หลอกฟันวิธีที่ 7 กกต. หลอกฟัน โดยปล่อยให้ใช้เงินกันไปเรื่อยๆลดเสบียงของพรรคการเมืองขี้ฉ้อ ถึงเวลาจะแจกใบเหลืองให้ได้หลายๆรอบพรรคการเมืองจะได้นำเงินและเสบียงมาจ่ายซื้อเสียงให้มากที่สุด แล้วจึงให้ใบแดงเกลื่อนทิ้งท้ายเป็นของขวัญปีใหม่ ดีไม่ดี กกต. อาจจะปล่อยให้พรรคการเมืองได้ใช้เงิน และอาจถึงขั้นใช้อำนาจของกกต.ก่อนวันเลือกตั้งยุบพรรคการเมืองใหญ่ที่ขี้ฉ้อก่อนวันเลือกตั้งก็ได้

7 วิธี “หลอกฟัน” ในการเลือกตั้งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ยังไม่เท่ากับการหลอกให้มีการเลือกตั้งแล้วมารัฐประหารอีกรอบในภายหลัง รับรองได้ว่า เจ็บแสบและวุ่นวายจนยากที่จะคะเนได้จริงๆ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น