“สนธิ-บุญรอด” ถก คมช.หลัง พปช.โจมตีกองทัพหนัก ด้าน “สมเจตน์” ยันลงพื้นที่เพื่อเตือนชาวบ้านอย่าเลือกคนเลวมาทำลายชาติ สงสัย “ยงยุทธ” กล้วเงาตัวเอง ลั่นถ้ามีหลักฐานเข้าไปคุกคามให้นำออกมาดำเนินการได้ พร้อมเตือนความทรงจำ “น้องยุทธ” ก่อนเดินทางไปต่างประเทศหลังยึดอำนาจเป็นคนน่ารัก พูดจาไพเราะ ให้สัญญาจะเลิกเล่นการเมือง ทำไมวันนี้เปลี่ยนไป ถามคดีเมียไปถึงไหน คดี “ยุทธ ตู้เย็น” เป็นอย่างไร ด้านผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พปช.โวยอีกหัวคะแนนถูกทหารตรวจค้น
วานนี้ (27 พ.ย.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ได้นัดหารือ และร่วมรับประทานอาหารเช้ากับสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประกอบด้วย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทบ. และรักษาการประธาน คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการร่วมหารือครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง เนื่องจาก พล.อ.สนธิ และพล.อ.บุญรอด จะต้องเดินทางไปประชุม ครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นจึงได้มีการประชุม คมช.ประจำสัปดาห์ต่อ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวภายหลังการประชุมว่าที่ประชุม คมช. ติดตามข้อมูลและสถานการณ์ทั่วไป ทั้งนี้ไม่อยากชี้แจงในประเด็นทางการเมือง เพราะอาจโยงกับเรื่องการเมือง
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนระบุว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (หน.สนง.ลธ.คมช.) ลงไปในพื้นที่ จ.เชียงรายเพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนนั้น พล.อ.สมเจตน์ชี้แจงว่า เดินทางไปในฐานะหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. ที่เป็นเจ้าของโครงการประชาธิปไตยสีขาว โครงการนี้เน้นการใช้สิทธิเลือกตั้ง รวมถึงการป้องกันการซื้อสิทธิ ขายเสียง โดยเฉพาะกำลังพล ครอบครัวหน่วยทหาร และประชาชนที่อยู่ใกล้หน่วยทหาร ทั้งนี้ พล.อ.สมเจตน์ ไม่ได้เดินทางไปเฉพาะภาคเหนืออย่างเดียว ไม่อยากให้มองว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.ท.สำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 ชี้แจงกรณีที่ พรรคพลังประชาชนระบุว่า มีทหารบุกตรวจค้นบ้านหัวคะแนน ว่าเป็นแผนงานของ ตำรวจ ที่นำโดยตำรวจภูธร จ.เชียงราย ซึ่งเป็นโครงการของตำรวจภูธร จ.เชียงราย ที่มีแผนการตรวจค้นป้องปรามใน 3 เรื่องคือ ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมือง และกลุ่มมือปืนต่างๆ โดยร้องขอกำลังจาก ตชด. หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน และ ปปส. ซึ่งเป็นการดำเนินการในทุกอำเภอ และขอหมายศาลถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการทำตามหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ใกล้เลือกตั้งมีการปล่อยข่าว โจมตีทหารบ่อยขึ้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มติ คมช.ระบุว่า เรื่องใดที่มีส่วนพาดพิง หรือ เกี่ยวกันกับการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องการเมือง ขออนุญาตไม่ตอบคำถาม เพราะวันนี้เราวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง เราปฏิบัติด้วยการลดการให้ข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ไม่มีมาตรการที่จะออกมาป้องกันเรื่องเหล่านี้ จะปล่อยให้พรรคการเมืองโจมตี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรานิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว แม้กองทัพจะเกิดความเสียหายก็ไม่เป็นไร เราชี้แจงเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบ
ส่วนผลโพลที่ระบุว่าพรรคพลังประชาชน มีคะแนนนำโด่ง และจะเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ผบ.ทบ. ระบุว่าให้เป็นการตกลงใจของประชาชน เพราะโพลเป็นการสำรวจความคิดเห็น ส่วนการเลือกตั้งผลออกมาอย่างไร ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นความต้องการของประชาชน
“หากพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นรัฐบาล คมช.ไม่วิตกกังวลใจ เพราะสิ่งที่ คมช. ทำมาในช่วง 1 ปี ถือเป็นหน้าที่ที่มีความจำเป็น และอยู่ในกรอบกติกา อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ คมช.ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย ดังนั้น คงไม่วิตกกังวลว่าจะมีการเช็คบิล”
“สมเจตน์”ย้อนความทรงจำ“น้องยุทธ”
ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์ระบุว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอย่าทำตัวเหมือนหมาข้างถนน ระแวงไปหมด เป็นการรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อนของสื่อ เพราะตนระบุว่าไม่ต้องกลัวจะไปกลั่นแกล้งอะไร แต่ตนไปบอกกับชาวเชียงรายว่าอย่าเลือกคนซื้อเสียง เพราะเป็นการทำลายชาติ และอย่าเลือกคนที่มีอำนาจและบ้าอำนาจ กดขี่ ข่มเหง ข้าราชการที่ไม่ใช่ฝ่ายตนเอง รังแกชาวบ้านตาดำๆ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนคนไทยจะฆ่ากันเองก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 คนที่เวลาหมดอำนาจแล้วทำตัวเหมือนสุนัขข้างถนน เห็นอะไรผ่านมา ก็หางจุกตูดระแวงไปหมดอย่าไปเลือกคนเหล่านี้ไปเป็นผู้แทนฯ มันอับอายศักดิ์ศรีคนเชียงราย ที่พูดตรงนี้ไม่ได้พูดถึง นายยงยุทธ เลย
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุม คมช. ว่า ตนไม่ได้ไปแค่ จ.เชียงรายแต่ไปที่ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี ชลบุรี ระยอง โดยไปในภารกิจของ คมช. ที่ไปสัมมนาเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญ ต่อมาก็รณรงค์ประชามติ และ ช่วงหลังเป็นการรณรงค์ประชาธิปไตยสีขาว ซึ่งการดำเนินการก็ทำในทางเปิด ไปแต่ละครั้งก็มีคำสั่งรองรับถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลเหตุใดนายยงยุทธ จึงพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.สมเจตน์ และน้องชาย พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เพราะนายยงยุทธ กลัวเงาตัวเองหรือเปล่า ในอดีตเคยทำอะไรไว้หรือไม่ และขณะนี้กำลังกลัวหรือไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ จะถูกย้อนกลับ เหมือนกับที่ออกมาบอกว่า อยากให้มีการหาผู้สังเกตุการณ์การเก็บคะแนนการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคนอื่นเขาไม่ได้ให้ความสนใจเลย พรรคพลังประชานพุ่งเป้ามาเลยว่าอยากเข้าไปสังเกตุการณ์ดูแลตรงนี้ ก็ถามต่อไปว่า ในอดีตใครเคยทำอะไรกันตรงนี้หรือเปล่า อันนี้เป็นแค่การตั้งข้อสังเกต เพราะพรรคการเมืองไม่เห็นมีใครออกมาเลย
“ถ้ามีหลักฐานว่าผมไปทำอะไรไว้ ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็เอามาว่ากัน แต่ตอนนี้ พี่เจตน์อยากถามน้องยุทธว่าน้องยุทธกลัวพี่เหรอ อยากถามยงยุทธว่าวันก่อนที่จะไปแคนนาดาโทรศัพท์มาคุยกับพี่ไว้ว่าอย่างไร บอกว่าผมจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะไปเรียนต่อที่แคนนาดา ไม่มายุ่งเกี่ยว ยงยุทธตอนนั้นเป็นยงยุทธที่น่ารักมาก พูดเพราะ แต่พอปีเดียว ยงยุทธ เปลี่ยนไปแล้ว พี่เจตน์ฝากไปถามน้องยุทธด้วยว่า จำได้หรือเปล่า วันนั้นยังให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับนพดล ไว้ด้วย ยงยุทธให้ผมไว้เอง พี่เจตน์ฝากถามหน่อย วันนั้นน้องยุทธน่ารักมาก แต่ตอนนีน้องยุทธเปลี่ยนแปลง ไปมากนะ” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว และว่าถามหน่อย คดีเมียนายยงยุทธ์ กล่าวร้ายป้ายสี ในการหาเสียงไปถึงไหนแล้ว ศาลชั้นตนพิพากษา 3 ปี 9 เดือน หรือคดี “ยุทธ ตู้เย็น” มันเป็นเรื่องรังแกประชาชนที่ไม่มีทางสู้หรือเปล่า แต่ยืนยันว่าพวกเราไม่ทำอะไรอย่างที่ทำกันหรอก
พปช.เชียงรายโวยหัวคะแนนถูกค้นบ้าน
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัครส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคพลังประชาชน ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ภาคเหนือ แถลงว่าเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.ของวันที่ 27 พ.ย. ได้มีกำลังทหารพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15นาย พร้อมอาวุธครบมือ นำหมายศาลไปปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 376 ม.9 บ้านทุ่งหลวง ต.แม่ยาว จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายอุทัย ต๊ะวิโล ผู้ช่วยของตน โดยระบุว่า นายอุทัยมีอาวุธปืนในครอบครองและยังมีการกระจายกำลังไปรอบบ้าน โดยอ้างว่าป้องกันการต่อสู้ สร้างความตกใจให้กับครอบครัวของนายอุทัย และชาวบ้านในละแวกนั้นมาก แต่การตรวจค้นไม่พบอะไร นอกจากโพยหวย ที่ภรรยา นายอุทัยได้ซื้อไว้ซึ่งมีจำนวนไม่มาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.ต.แม่ยาว และส่งฟ้องศาลวันเดียวกัน
นายสมมารถ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าเห็นใจตำรวจ เพราะจาการสอบถามตำรวจระบุว่าเขาเองไม่ทราบเรื่อง อยู่ๆ ก็มีกำลังทหารจากส่วนกลาง แสดงหมายศาลพร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังไปตรวจค้นบ้านพักนายอุทัย สำหรับนายอุทัยและภรรยาเป็นคนที่ไม่มีพิษภัยอะไร เป็นเกษตรกรธรรมดา ที่ตนใช้เป็นผู้สนับสนุนและประสานงานในพื้นที่ เช่นแจกโปสเตอร์หาเสียง เรื่องนี้หากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพจะปฏิเสธตนก็ขอท้าให้ไปตรวจสอบบันทึกประจำวันที่ สภ.ต.แม่ยาวได้
“ผมขอฝากไปยังฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐว่าการทำเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ ประชาชน ไม่ได้หวาดกลัว หดหัวให้ท่าน แต่เขาจะต่อสู้ และการกระทำของทหารเพียงกลุ่มเดียว จะทำให้ประชาชนเกลียดทหารทั้งกองทัพ ยิ่งทำอย่างนี้วันที่ 23 ธ.ค.ก็จะได้เห็นกันเพราะถือเป็นวันที่ประชาชนได้แสดงออกเต็มที่”
กกต.ชี้“ยงยุทธ์”โจมตีกองทัพผิดอาญา
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกรณี พล.อ. สมเจตต์ จะขอหารือกับ กกต.กรณีนายยงยุทธ ปราศรัยพาดพิงกองทัพเข้าข่ายเป็นความผิด หรือไม่ว่า เรื่องนี้จะนำเข้าที่ประชุมของคณะทำงานเพื่อพิจารณาและติดตามข่าว เพราะมีการโต้กันไปมาผ่านทางสื่อ ซึ่งหาก พล.อ.สมเจตต์ ทำหนังสือขอหารือมา กกต. ก็ต้องตอบ เพราะตามระเบียบของ กกต.นั้น กกต.มีหน้าที่ต้องตอบข้อหารือ แม้จะเป็นเรื่องในอนาคตก็ต้องตอบ
ส่วนประเด็นที่ว่าเมื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.กล่าวใส่ร้ายกองทัพ ที่ไม่ใช่การ ใส่ร้ายผู้สมัครด้วยกันเอง จะมีความผิดหรือไม่นั้นคิดว่าต้องแยกระหว่างคดีอาญากับความผิดกฎหมายเลือกตั้ง
“กกต.จะควบคุมเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง เช่น การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ควบคุมผู้สมัคร และควบคุมพรรคการเมือง แต่สำหรับกองทัพ หากไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่เป็นการพูดใส่ร้าย จูงใจ เพื่อหวังผลต่อคะแนนนิยม เรื่องพวกนี้จะก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง หากเป็นเรื่องทะเลาะกันก็เป็นกฎหมายอาญาเท่านั้น”
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า การที่นายยงยุทธ กล่าวพาดพิงกองทัพ ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามากกว่า แต่หากการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบกับพรรคการเมือง หรือเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่ไปกระทบต่อความมั่นคงและเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ก็อาจเข้าข่ายความผิด ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ส่วนที่นายยงยุทธ อ้างว่า การที่ทหารเข้ามาค้นโดยอ้างเรื่องความมั่นคง แต่ข้อเท็จจริงกลับเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งนั้น นายสมชัย กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ ผู้สมัครก็โวยวายกันไปมาแต่ไม่มีการร้องเรียนมาที่ กกต. แสดงว่าก็ไม่อยาก ร้องเรียนจริง
วานนี้ (27 พ.ย.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ได้นัดหารือ และร่วมรับประทานอาหารเช้ากับสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ประกอบด้วย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทบ. และรักษาการประธาน คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการร่วมหารือครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง เนื่องจาก พล.อ.สนธิ และพล.อ.บุญรอด จะต้องเดินทางไปประชุม ครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นจึงได้มีการประชุม คมช.ประจำสัปดาห์ต่อ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวภายหลังการประชุมว่าที่ประชุม คมช. ติดตามข้อมูลและสถานการณ์ทั่วไป ทั้งนี้ไม่อยากชี้แจงในประเด็นทางการเมือง เพราะอาจโยงกับเรื่องการเมือง
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนระบุว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (หน.สนง.ลธ.คมช.) ลงไปในพื้นที่ จ.เชียงรายเพื่อสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนนั้น พล.อ.สมเจตน์ชี้แจงว่า เดินทางไปในฐานะหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. ที่เป็นเจ้าของโครงการประชาธิปไตยสีขาว โครงการนี้เน้นการใช้สิทธิเลือกตั้ง รวมถึงการป้องกันการซื้อสิทธิ ขายเสียง โดยเฉพาะกำลังพล ครอบครัวหน่วยทหาร และประชาชนที่อยู่ใกล้หน่วยทหาร ทั้งนี้ พล.อ.สมเจตน์ ไม่ได้เดินทางไปเฉพาะภาคเหนืออย่างเดียว ไม่อยากให้มองว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.ท.สำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 ชี้แจงกรณีที่ พรรคพลังประชาชนระบุว่า มีทหารบุกตรวจค้นบ้านหัวคะแนน ว่าเป็นแผนงานของ ตำรวจ ที่นำโดยตำรวจภูธร จ.เชียงราย ซึ่งเป็นโครงการของตำรวจภูธร จ.เชียงราย ที่มีแผนการตรวจค้นป้องปรามใน 3 เรื่องคือ ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมือง และกลุ่มมือปืนต่างๆ โดยร้องขอกำลังจาก ตชด. หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน และ ปปส. ซึ่งเป็นการดำเนินการในทุกอำเภอ และขอหมายศาลถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการทำตามหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ใกล้เลือกตั้งมีการปล่อยข่าว โจมตีทหารบ่อยขึ้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มติ คมช.ระบุว่า เรื่องใดที่มีส่วนพาดพิง หรือ เกี่ยวกันกับการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องการเมือง ขออนุญาตไม่ตอบคำถาม เพราะวันนี้เราวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง เราปฏิบัติด้วยการลดการให้ข่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.ไม่มีมาตรการที่จะออกมาป้องกันเรื่องเหล่านี้ จะปล่อยให้พรรคการเมืองโจมตี พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เรานิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว แม้กองทัพจะเกิดความเสียหายก็ไม่เป็นไร เราชี้แจงเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบ
ส่วนผลโพลที่ระบุว่าพรรคพลังประชาชน มีคะแนนนำโด่ง และจะเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลนั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ผบ.ทบ. ระบุว่าให้เป็นการตกลงใจของประชาชน เพราะโพลเป็นการสำรวจความคิดเห็น ส่วนการเลือกตั้งผลออกมาอย่างไร ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นความต้องการของประชาชน
“หากพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นรัฐบาล คมช.ไม่วิตกกังวลใจ เพราะสิ่งที่ คมช. ทำมาในช่วง 1 ปี ถือเป็นหน้าที่ที่มีความจำเป็น และอยู่ในกรอบกติกา อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ คมช.ไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย ดังนั้น คงไม่วิตกกังวลว่าจะมีการเช็คบิล”
“สมเจตน์”ย้อนความทรงจำ“น้องยุทธ”
ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม กล่าวว่า ตนไม่ได้ให้สัมภาษณ์ระบุว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอย่าทำตัวเหมือนหมาข้างถนน ระแวงไปหมด เป็นการรายงานข่าวที่คลาดเคลื่อนของสื่อ เพราะตนระบุว่าไม่ต้องกลัวจะไปกลั่นแกล้งอะไร แต่ตนไปบอกกับชาวเชียงรายว่าอย่าเลือกคนซื้อเสียง เพราะเป็นการทำลายชาติ และอย่าเลือกคนที่มีอำนาจและบ้าอำนาจ กดขี่ ข่มเหง ข้าราชการที่ไม่ใช่ฝ่ายตนเอง รังแกชาวบ้านตาดำๆ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนคนไทยจะฆ่ากันเองก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 คนที่เวลาหมดอำนาจแล้วทำตัวเหมือนสุนัขข้างถนน เห็นอะไรผ่านมา ก็หางจุกตูดระแวงไปหมดอย่าไปเลือกคนเหล่านี้ไปเป็นผู้แทนฯ มันอับอายศักดิ์ศรีคนเชียงราย ที่พูดตรงนี้ไม่ได้พูดถึง นายยงยุทธ เลย
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุม คมช. ว่า ตนไม่ได้ไปแค่ จ.เชียงรายแต่ไปที่ เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี ชลบุรี ระยอง โดยไปในภารกิจของ คมช. ที่ไปสัมมนาเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญ ต่อมาก็รณรงค์ประชามติ และ ช่วงหลังเป็นการรณรงค์ประชาธิปไตยสีขาว ซึ่งการดำเนินการก็ทำในทางเปิด ไปแต่ละครั้งก็มีคำสั่งรองรับถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลเหตุใดนายยงยุทธ จึงพุ่งเป้ามาที่ พล.อ.สมเจตน์ และน้องชาย พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เพราะนายยงยุทธ กลัวเงาตัวเองหรือเปล่า ในอดีตเคยทำอะไรไว้หรือไม่ และขณะนี้กำลังกลัวหรือไม่ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ จะถูกย้อนกลับ เหมือนกับที่ออกมาบอกว่า อยากให้มีการหาผู้สังเกตุการณ์การเก็บคะแนนการเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคนอื่นเขาไม่ได้ให้ความสนใจเลย พรรคพลังประชานพุ่งเป้ามาเลยว่าอยากเข้าไปสังเกตุการณ์ดูแลตรงนี้ ก็ถามต่อไปว่า ในอดีตใครเคยทำอะไรกันตรงนี้หรือเปล่า อันนี้เป็นแค่การตั้งข้อสังเกต เพราะพรรคการเมืองไม่เห็นมีใครออกมาเลย
“ถ้ามีหลักฐานว่าผมไปทำอะไรไว้ ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็เอามาว่ากัน แต่ตอนนี้ พี่เจตน์อยากถามน้องยุทธว่าน้องยุทธกลัวพี่เหรอ อยากถามยงยุทธว่าวันก่อนที่จะไปแคนนาดาโทรศัพท์มาคุยกับพี่ไว้ว่าอย่างไร บอกว่าผมจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะไปเรียนต่อที่แคนนาดา ไม่มายุ่งเกี่ยว ยงยุทธตอนนั้นเป็นยงยุทธที่น่ารักมาก พูดเพราะ แต่พอปีเดียว ยงยุทธ เปลี่ยนไปแล้ว พี่เจตน์ฝากไปถามน้องยุทธด้วยว่า จำได้หรือเปล่า วันนั้นยังให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับนพดล ไว้ด้วย ยงยุทธให้ผมไว้เอง พี่เจตน์ฝากถามหน่อย วันนั้นน้องยุทธน่ารักมาก แต่ตอนนีน้องยุทธเปลี่ยนแปลง ไปมากนะ” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว และว่าถามหน่อย คดีเมียนายยงยุทธ์ กล่าวร้ายป้ายสี ในการหาเสียงไปถึงไหนแล้ว ศาลชั้นตนพิพากษา 3 ปี 9 เดือน หรือคดี “ยุทธ ตู้เย็น” มันเป็นเรื่องรังแกประชาชนที่ไม่มีทางสู้หรือเปล่า แต่ยืนยันว่าพวกเราไม่ทำอะไรอย่างที่ทำกันหรอก
พปช.เชียงรายโวยหัวคะแนนถูกค้นบ้าน
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัครส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคพลังประชาชน ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ภาคเหนือ แถลงว่าเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.ของวันที่ 27 พ.ย. ได้มีกำลังทหารพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15นาย พร้อมอาวุธครบมือ นำหมายศาลไปปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 376 ม.9 บ้านทุ่งหลวง ต.แม่ยาว จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายอุทัย ต๊ะวิโล ผู้ช่วยของตน โดยระบุว่า นายอุทัยมีอาวุธปืนในครอบครองและยังมีการกระจายกำลังไปรอบบ้าน โดยอ้างว่าป้องกันการต่อสู้ สร้างความตกใจให้กับครอบครัวของนายอุทัย และชาวบ้านในละแวกนั้นมาก แต่การตรวจค้นไม่พบอะไร นอกจากโพยหวย ที่ภรรยา นายอุทัยได้ซื้อไว้ซึ่งมีจำนวนไม่มาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวส่งดำเนินคดีที่ สภ.ต.แม่ยาว และส่งฟ้องศาลวันเดียวกัน
นายสมมารถ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าเห็นใจตำรวจ เพราะจาการสอบถามตำรวจระบุว่าเขาเองไม่ทราบเรื่อง อยู่ๆ ก็มีกำลังทหารจากส่วนกลาง แสดงหมายศาลพร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังไปตรวจค้นบ้านพักนายอุทัย สำหรับนายอุทัยและภรรยาเป็นคนที่ไม่มีพิษภัยอะไร เป็นเกษตรกรธรรมดา ที่ตนใช้เป็นผู้สนับสนุนและประสานงานในพื้นที่ เช่นแจกโปสเตอร์หาเสียง เรื่องนี้หากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพจะปฏิเสธตนก็ขอท้าให้ไปตรวจสอบบันทึกประจำวันที่ สภ.ต.แม่ยาวได้
“ผมขอฝากไปยังฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐว่าการทำเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ ประชาชน ไม่ได้หวาดกลัว หดหัวให้ท่าน แต่เขาจะต่อสู้ และการกระทำของทหารเพียงกลุ่มเดียว จะทำให้ประชาชนเกลียดทหารทั้งกองทัพ ยิ่งทำอย่างนี้วันที่ 23 ธ.ค.ก็จะได้เห็นกันเพราะถือเป็นวันที่ประชาชนได้แสดงออกเต็มที่”
กกต.ชี้“ยงยุทธ์”โจมตีกองทัพผิดอาญา
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงกรณี พล.อ. สมเจตต์ จะขอหารือกับ กกต.กรณีนายยงยุทธ ปราศรัยพาดพิงกองทัพเข้าข่ายเป็นความผิด หรือไม่ว่า เรื่องนี้จะนำเข้าที่ประชุมของคณะทำงานเพื่อพิจารณาและติดตามข่าว เพราะมีการโต้กันไปมาผ่านทางสื่อ ซึ่งหาก พล.อ.สมเจตต์ ทำหนังสือขอหารือมา กกต. ก็ต้องตอบ เพราะตามระเบียบของ กกต.นั้น กกต.มีหน้าที่ต้องตอบข้อหารือ แม้จะเป็นเรื่องในอนาคตก็ต้องตอบ
ส่วนประเด็นที่ว่าเมื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.กล่าวใส่ร้ายกองทัพ ที่ไม่ใช่การ ใส่ร้ายผู้สมัครด้วยกันเอง จะมีความผิดหรือไม่นั้นคิดว่าต้องแยกระหว่างคดีอาญากับความผิดกฎหมายเลือกตั้ง
“กกต.จะควบคุมเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง เช่น การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ควบคุมผู้สมัคร และควบคุมพรรคการเมือง แต่สำหรับกองทัพ หากไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่เป็นการพูดใส่ร้าย จูงใจ เพื่อหวังผลต่อคะแนนนิยม เรื่องพวกนี้จะก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง หากเป็นเรื่องทะเลาะกันก็เป็นกฎหมายอาญาเท่านั้น”
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า การที่นายยงยุทธ กล่าวพาดพิงกองทัพ ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามากกว่า แต่หากการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบกับพรรคการเมือง หรือเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่ไปกระทบต่อความมั่นคงและเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ก็อาจเข้าข่ายความผิด ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ส่วนที่นายยงยุทธ อ้างว่า การที่ทหารเข้ามาค้นโดยอ้างเรื่องความมั่นคง แต่ข้อเท็จจริงกลับเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งนั้น นายสมชัย กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ ผู้สมัครก็โวยวายกันไปมาแต่ไม่มีการร้องเรียนมาที่ กกต. แสดงว่าก็ไม่อยาก ร้องเรียนจริง