สังคมไหนโชคดี..คนดีครองเมือง..สังคมก็ร่มเย็นมีสุข!
แน่นอน-สังคมไหนคนชั่วบริหารบ้านเมือง ความฉ้อฉล-ความแตกแยกไม่สงบย่อมเกิดขึ้น!!
สังคมไทยต้องถือว่า..โชคร้าย 2 ต่อ และกำลังจะโชคร้ายอีกครั้งหลังวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ครับ
ไม่อยากเขียนหรือเบื่อจะเขียนถึงคน 2 กลุ่ม ที่กำลังทำบ้านเมืองให้ยุ่งเหยิงอยู่ในวันนี้และวันหน้า นั่นคือ กลุ่มอำนาจเก่าที่ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น แต่เมื่อได้บริหารประเทศนี้อย่างเบ็ดเสร็จ กลับดันละโมบโลภมากเห็นแก่ตัวกับพวกพ้อง จึงฉ้อฉลด้วยกลยุทธ์คอร์รัปชันเชิงนโยบาย สารพัด เป็นผลให้ทหารกลุ่มหนึ่งนำไปอ้าง จนทำการรัฐประหารสำเร็จเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ส่วนนายทหารใหญ่ไม่กี่คนกลุ่มนี้ หลังโค่นล้มอำนาจเก่าได้แล้ว กลับไม่ทำตามเหตุผล 4 ข้อ ที่ใช้อ้างกับประชาชนเพื่อทำการรัฐประหาร แถมแต่งตั้งคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่สนใจแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
ความอ่อนแอของตัวนายกฯและครม. ทำให้คนยากคนจนและชนชั้นกลางทั้งเมืองและชนบท หวนคิดถึงผู้นำอำนาจเก่าอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง
ประชาชนบางส่วนคิดถึงขนาดว่า ทักษิณแม้จะโกงกิน แต่ประชาชนก็ได้ผลประโยชน์ดีกว่ารัฐบาลของคณะรัฐประหารอย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่แทบจะไม่ทำอะไรให้ชาติและประชาชนเลย นั่นเป็นความคิดที่น่าตกใจยิ่งของสภาพคนในสังคมไทย ที่คิดเอาแต่ได้โดยไม่สนใจความถูกผิด หรือคุณธรรมจริยธรรมกันอีกแล้ว..น่าใจหายจริงๆครับ
เมื่อรัฐบาลจากคณะรัฐประหารอ่อนแอหรือเป็นง่อย ในการบริหารประเทศเช่นนี้ เงินที่มีในมืออย่างมหาศาลของกลุ่มอำนาจเก่า ก็ถูกใช้ออกมาเพื่อยึดอำนาจรัฐคืนมีประสิทธิภาพยิ่งนัก
เริ่มด้วยการใช้เงินจ้างคนกลุ่มหนึ่ง ให้โจมตีกลุ่มนายทหารที่กระทำการรัฐประหาร อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และพรรคพวก โดยเฉพาะประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถูกเดินขบวนขับไล่อย่างหยาบคาย ฯลฯ
จากนั้นก็ดึง นายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นหัวหน้าพรรคนอมินี ตามด้วยการส่งพลพรรคลงสมัครรับการเลือกตั้ง แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับการแอบแจกจ่ายเงินอย่างลับๆ ให้พรรคการเมืองบางพรรคเตรียมสนับสนุนแผนลับบางประการอีกด้วย
แผนลับนี้..เป็นข่าวแพลมไปแพลมมา แต่ผมขอเปิดเผยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะครับ
สามี-ภริยาที่มีเงินมหาศาลในอำนาจเก่า ได้แอบ (แต่ถูกเปิดโปงแล้ว) พบปะกับผู้นำพรรคการเมืองหลายคน ที่เดินทางไปประเทศอังกฤษทั้งลับและเปิดเผย มีการให้เงินแก่คนเหล่านั้นนำมาใช้ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 อย่างมหาศาล
เป้าหมายการใช้เงินไม่อั้นครั้งนี้ หวังผลหลักๆเพียงแค่..ทำยังไงก็ได้ ขอเพียงมิให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อ้อ..แน่นอน..“มิสเตอร์มาร์ค” หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องวื้ด..แห้ว..หรืออดเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปไงล่ะครับ
คำถามตามมาว่า..แล้วกลุ่มอำนาจเก่า อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนต่อไปล่ะ?
ตอบแบบฟันธงไว้ตรงนี้ได้เลยว่า มิใช่นายสมัคร สุนทรเวช แน่นอน เพราะคนที่กลุ่มอำนาจเก่าอยากให้เป็นนายกฯมากที่สุด ชื่อ..บรรหาร ศิลปอาชา บุรุษร่างเล็ก “แซ่เบ๊” ที่มีลูกเล่นทางการเมืองแพรวพราวไงล่ะครับ หาก “ผู้เฒ่าแซ่เบ๊” เรื่องมาก กลุ่มอำนาจรัฐเก่าก็อาจโยนส้มลูกโต หล่นไปทับเท้านายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินก็ได้..ใครจะไปรู้..
ทั้งหมดเป็นผลที่คอการเมืองเชื่อว่า พรรคพลังประชาชนที่ว่ามาแรงแล้วแรงอีกน่ะ ยังไงๆก็ไม่มีวันจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งในสภา ดังนั้นหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 รัฐบาลไทยในอนาคตหนีไม่พ้น..รัฐบาลผสมครับ
ส่วนจะผสมพันธุ์..เอ้ย..ผสมกันกี่พรรคและพรรคไหนบ้างนั้น ต้องรอผลการเลือกตั้งที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง!
“มังกรเติ้ง” หรือนายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นเชี่ยวทางการเมืองที่สุด ยิ่งมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ มาผสมครบสูตร “ขนมจีน-น้ำยา” เข้าไปอีกคน พรรคชาติไทยก็มีราคาราศีเพิ่มขึ้น จน “มังกรเติ้ง”เริ่มพูดจาวางก้าม ประกาศตัวเป็นไท..ไม่จับขั้วกับประชาธิปัตย์อีกต่อไป แถมตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบยอกย้อนวกวน อื้อๆ อ้าๆ อึกๆ อักๆ ยึกๆ ยักๆ เหมือนมีก้อนเงินก้อนทองติดคออย่างฉับพลันชนิดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทำไมจะต้องไม่ให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ และทำไมต้องให้นายบรรหารหรือนายสุวิทย์เป็นนายกฯ เท่านั้น? คำตอบไม่ซับซ้อนเลย..เพราะหากนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ทักษิณจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงอีกครั้งในชีวิตครับ แค่ข้อหาคอร์รัปชันเรื่องเดียว หากถูกปล่อยให้ดำเนินการตามครรลองของกระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยความจริงไม่ถูกกระทำให้บิดเบี้ยวหรือบิดเบือนล่ะก็..
เชื่อขนมกินได้เลยว่า การกระทำความผิดมากมายในอดีต คราครั้งทักษิณได้บริหารประเทศไทยกว่า 5 ปี บุรุษ “หน้าเหลี่ยม” ก็มีโอกาสจะถูกยึดทรัพย์จนเหลือแต่กางเกงใน และในที่สุดทักษิณและครอบครัวอาจถูกจับติดคุกติดตะรางก็ได้ แบบนี้..เป็นใครก็คงไม่อยากเสี่ยง..จริงไหมท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้ยิ่งใหญ่ที่รักและเคารพยิ่ง?
แต่หาก “มังกรเติ้ง” เป็นนายกฯ คนอย่างนายบรรหาร..หากคิดจะช่วยทักษิณและครอบครัวแล้วล่ะก็ ประสบการณ์ทางการเมืองที่มีอย่างเหลือเฟือ “มังกรสุพรรณ” ย่อมมีวิธีอุ้มหรือช่วยทักษิณได้อย่างแยบยล
ที่สำคัญ “มังกรเติ้ง” นี่..ในวงการเมืองเชื่อว่า หากผลประโยชน์ถึง..ย้ำ..ต้องถึงจริงๆ (อย่าขี้เหนียวล่ะ) นะ เติ้ง-ถือเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่พูดคำไหนคำนั้นเหมือนกันนะครับ
เรียกว่า..ทักษิณฉลาดพอที่จะรู้ว่า อภิสิทธิ์ คือ นายกฯที่เป็นโทษมหันต์ แต่บรรหาร คือนายกฯที่เป็นคุณอนันต์!
เมืองไทยนี่แปลก..ส่วนใหญ่ “ข่าวลือ” มักเป็นข่าวจริง ส่วนข่าวที่บอกว่า “จริง” ก็มักเป็นข่าวลือเสมอ ข่าวลือที่ทักษิณกับคุณหญิงอ้อจะทุ่มเงินประดามี ดันก้น “มังกรเติ้ง” ให้โด่งจนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้นั้น ดูจะเป็นเรื่อง..ไม่มีควันจะมีไฟหรือ?
พิเคราะห์ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังครบถ้วน สำหรับทักษิณและครอบครัวแล้ว สมเหตุสมผลยิ่งต่อการจะจ่ายทรัพย์ศฤงคาร ให้ “เติ้งเสี่ยวหาร” เป็นนายกฯในครั้งนี้ครับ
ส่วนการกระทำของกลุ่มอำนาจเก่า ตั้งแต่ทุ่มเงินซื้อเสียงให้บรรดาพรรคนอมินีทั้งหลายเพื่อจะให้ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาฯหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ตามด้วยการซื้อมือสส.เพื่อยกให้กับคนที่ทักษิณอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี จะก่อให้เกิดปัญหาอันเลวร้ายต่อการเมือง และประเทศไทยสักปานใด ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าและเป็นโชคร้ายของประเทศไทยครับ
เฮ้อ..เงินกับคนนี่จะโทษใครดี? เงินน่ะเป็นกลางใช้หนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ยามใดที่เงินตกไปอยู่ในมือคนชั่ว คนก็ชั่วย่อมใช้เงินไปทำเรื่องชั่วๆ ทำให้เงินดีๆ และเป็นกลางมัวหมองเสียหาย ถูกกล่าวหาว่าเงินทำร้ายชาติบ้านเมืองและประชาชน
ผมว่า..อย่าโทษหรือโยนความผิดให้เงินเลย คนครับ..คนชั่วต่างหากที่ผิด..ทำให้ชาติไทยเดินสู่องศาเดือด เดือดจนเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองอีกครั้ง..หลังวันที่ 23 ธันวาคม 2550!
แน่นอน-สังคมไหนคนชั่วบริหารบ้านเมือง ความฉ้อฉล-ความแตกแยกไม่สงบย่อมเกิดขึ้น!!
สังคมไทยต้องถือว่า..โชคร้าย 2 ต่อ และกำลังจะโชคร้ายอีกครั้งหลังวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ครับ
ไม่อยากเขียนหรือเบื่อจะเขียนถึงคน 2 กลุ่ม ที่กำลังทำบ้านเมืองให้ยุ่งเหยิงอยู่ในวันนี้และวันหน้า นั่นคือ กลุ่มอำนาจเก่าที่ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้น แต่เมื่อได้บริหารประเทศนี้อย่างเบ็ดเสร็จ กลับดันละโมบโลภมากเห็นแก่ตัวกับพวกพ้อง จึงฉ้อฉลด้วยกลยุทธ์คอร์รัปชันเชิงนโยบาย สารพัด เป็นผลให้ทหารกลุ่มหนึ่งนำไปอ้าง จนทำการรัฐประหารสำเร็จเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ส่วนนายทหารใหญ่ไม่กี่คนกลุ่มนี้ หลังโค่นล้มอำนาจเก่าได้แล้ว กลับไม่ทำตามเหตุผล 4 ข้อ ที่ใช้อ้างกับประชาชนเพื่อทำการรัฐประหาร แถมแต่งตั้งคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่สนใจแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
ความอ่อนแอของตัวนายกฯและครม. ทำให้คนยากคนจนและชนชั้นกลางทั้งเมืองและชนบท หวนคิดถึงผู้นำอำนาจเก่าอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง
ประชาชนบางส่วนคิดถึงขนาดว่า ทักษิณแม้จะโกงกิน แต่ประชาชนก็ได้ผลประโยชน์ดีกว่ารัฐบาลของคณะรัฐประหารอย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่แทบจะไม่ทำอะไรให้ชาติและประชาชนเลย นั่นเป็นความคิดที่น่าตกใจยิ่งของสภาพคนในสังคมไทย ที่คิดเอาแต่ได้โดยไม่สนใจความถูกผิด หรือคุณธรรมจริยธรรมกันอีกแล้ว..น่าใจหายจริงๆครับ
เมื่อรัฐบาลจากคณะรัฐประหารอ่อนแอหรือเป็นง่อย ในการบริหารประเทศเช่นนี้ เงินที่มีในมืออย่างมหาศาลของกลุ่มอำนาจเก่า ก็ถูกใช้ออกมาเพื่อยึดอำนาจรัฐคืนมีประสิทธิภาพยิ่งนัก
เริ่มด้วยการใช้เงินจ้างคนกลุ่มหนึ่ง ให้โจมตีกลุ่มนายทหารที่กระทำการรัฐประหาร อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และพรรคพวก โดยเฉพาะประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ถูกเดินขบวนขับไล่อย่างหยาบคาย ฯลฯ
จากนั้นก็ดึง นายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นหัวหน้าพรรคนอมินี ตามด้วยการส่งพลพรรคลงสมัครรับการเลือกตั้ง แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับการแอบแจกจ่ายเงินอย่างลับๆ ให้พรรคการเมืองบางพรรคเตรียมสนับสนุนแผนลับบางประการอีกด้วย
แผนลับนี้..เป็นข่าวแพลมไปแพลมมา แต่ผมขอเปิดเผยให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะครับ
สามี-ภริยาที่มีเงินมหาศาลในอำนาจเก่า ได้แอบ (แต่ถูกเปิดโปงแล้ว) พบปะกับผู้นำพรรคการเมืองหลายคน ที่เดินทางไปประเทศอังกฤษทั้งลับและเปิดเผย มีการให้เงินแก่คนเหล่านั้นนำมาใช้ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 อย่างมหาศาล
เป้าหมายการใช้เงินไม่อั้นครั้งนี้ หวังผลหลักๆเพียงแค่..ทำยังไงก็ได้ ขอเพียงมิให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อ้อ..แน่นอน..“มิสเตอร์มาร์ค” หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องวื้ด..แห้ว..หรืออดเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปไงล่ะครับ
คำถามตามมาว่า..แล้วกลุ่มอำนาจเก่า อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนต่อไปล่ะ?
ตอบแบบฟันธงไว้ตรงนี้ได้เลยว่า มิใช่นายสมัคร สุนทรเวช แน่นอน เพราะคนที่กลุ่มอำนาจเก่าอยากให้เป็นนายกฯมากที่สุด ชื่อ..บรรหาร ศิลปอาชา บุรุษร่างเล็ก “แซ่เบ๊” ที่มีลูกเล่นทางการเมืองแพรวพราวไงล่ะครับ หาก “ผู้เฒ่าแซ่เบ๊” เรื่องมาก กลุ่มอำนาจรัฐเก่าก็อาจโยนส้มลูกโต หล่นไปทับเท้านายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินก็ได้..ใครจะไปรู้..
ทั้งหมดเป็นผลที่คอการเมืองเชื่อว่า พรรคพลังประชาชนที่ว่ามาแรงแล้วแรงอีกน่ะ ยังไงๆก็ไม่มีวันจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งในสภา ดังนั้นหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 รัฐบาลไทยในอนาคตหนีไม่พ้น..รัฐบาลผสมครับ
ส่วนจะผสมพันธุ์..เอ้ย..ผสมกันกี่พรรคและพรรคไหนบ้างนั้น ต้องรอผลการเลือกตั้งที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง!
“มังกรเติ้ง” หรือนายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นเชี่ยวทางการเมืองที่สุด ยิ่งมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ มาผสมครบสูตร “ขนมจีน-น้ำยา” เข้าไปอีกคน พรรคชาติไทยก็มีราคาราศีเพิ่มขึ้น จน “มังกรเติ้ง”เริ่มพูดจาวางก้าม ประกาศตัวเป็นไท..ไม่จับขั้วกับประชาธิปัตย์อีกต่อไป แถมตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบยอกย้อนวกวน อื้อๆ อ้าๆ อึกๆ อักๆ ยึกๆ ยักๆ เหมือนมีก้อนเงินก้อนทองติดคออย่างฉับพลันชนิดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทำไมจะต้องไม่ให้อภิสิทธิ์เป็นนายกฯ และทำไมต้องให้นายบรรหารหรือนายสุวิทย์เป็นนายกฯ เท่านั้น? คำตอบไม่ซับซ้อนเลย..เพราะหากนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ทักษิณจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงอีกครั้งในชีวิตครับ แค่ข้อหาคอร์รัปชันเรื่องเดียว หากถูกปล่อยให้ดำเนินการตามครรลองของกระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยความจริงไม่ถูกกระทำให้บิดเบี้ยวหรือบิดเบือนล่ะก็..
เชื่อขนมกินได้เลยว่า การกระทำความผิดมากมายในอดีต คราครั้งทักษิณได้บริหารประเทศไทยกว่า 5 ปี บุรุษ “หน้าเหลี่ยม” ก็มีโอกาสจะถูกยึดทรัพย์จนเหลือแต่กางเกงใน และในที่สุดทักษิณและครอบครัวอาจถูกจับติดคุกติดตะรางก็ได้ แบบนี้..เป็นใครก็คงไม่อยากเสี่ยง..จริงไหมท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้ยิ่งใหญ่ที่รักและเคารพยิ่ง?
แต่หาก “มังกรเติ้ง” เป็นนายกฯ คนอย่างนายบรรหาร..หากคิดจะช่วยทักษิณและครอบครัวแล้วล่ะก็ ประสบการณ์ทางการเมืองที่มีอย่างเหลือเฟือ “มังกรสุพรรณ” ย่อมมีวิธีอุ้มหรือช่วยทักษิณได้อย่างแยบยล
ที่สำคัญ “มังกรเติ้ง” นี่..ในวงการเมืองเชื่อว่า หากผลประโยชน์ถึง..ย้ำ..ต้องถึงจริงๆ (อย่าขี้เหนียวล่ะ) นะ เติ้ง-ถือเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่พูดคำไหนคำนั้นเหมือนกันนะครับ
เรียกว่า..ทักษิณฉลาดพอที่จะรู้ว่า อภิสิทธิ์ คือ นายกฯที่เป็นโทษมหันต์ แต่บรรหาร คือนายกฯที่เป็นคุณอนันต์!
เมืองไทยนี่แปลก..ส่วนใหญ่ “ข่าวลือ” มักเป็นข่าวจริง ส่วนข่าวที่บอกว่า “จริง” ก็มักเป็นข่าวลือเสมอ ข่าวลือที่ทักษิณกับคุณหญิงอ้อจะทุ่มเงินประดามี ดันก้น “มังกรเติ้ง” ให้โด่งจนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้นั้น ดูจะเป็นเรื่อง..ไม่มีควันจะมีไฟหรือ?
พิเคราะห์ทั้งซ้ายขวาหน้าหลังครบถ้วน สำหรับทักษิณและครอบครัวแล้ว สมเหตุสมผลยิ่งต่อการจะจ่ายทรัพย์ศฤงคาร ให้ “เติ้งเสี่ยวหาร” เป็นนายกฯในครั้งนี้ครับ
ส่วนการกระทำของกลุ่มอำนาจเก่า ตั้งแต่ทุ่มเงินซื้อเสียงให้บรรดาพรรคนอมินีทั้งหลายเพื่อจะให้ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาฯหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ตามด้วยการซื้อมือสส.เพื่อยกให้กับคนที่ทักษิณอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี จะก่อให้เกิดปัญหาอันเลวร้ายต่อการเมือง และประเทศไทยสักปานใด ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าและเป็นโชคร้ายของประเทศไทยครับ
เฮ้อ..เงินกับคนนี่จะโทษใครดี? เงินน่ะเป็นกลางใช้หนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ยามใดที่เงินตกไปอยู่ในมือคนชั่ว คนก็ชั่วย่อมใช้เงินไปทำเรื่องชั่วๆ ทำให้เงินดีๆ และเป็นกลางมัวหมองเสียหาย ถูกกล่าวหาว่าเงินทำร้ายชาติบ้านเมืองและประชาชน
ผมว่า..อย่าโทษหรือโยนความผิดให้เงินเลย คนครับ..คนชั่วต่างหากที่ผิด..ทำให้ชาติไทยเดินสู่องศาเดือด เดือดจนเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองอีกครั้ง..หลังวันที่ 23 ธันวาคม 2550!