ผู้จัดการรายวัน - เคทีซีชี้ตลาดบัตรเครดิตยังโตได้ แต่ต้องเป็นไปแบบระมัดระวัง รุกกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแทนการใช้เงินสด ส่วนสินเชื่อบุคคลปีหน้ายังโตได้อีกมากหลังปรับสกอริ่งใหม่เลิกจับลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า ตลาดบัตรเครดิตในปีหน้ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นการเติบโตด้วยความระมัดระวัง โดยในแง่ของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังคงมีการขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันยอดใช้จ่ายทั้งหมดของประเทศมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพียงแค่ 9% ที่เหลือ 91% ใช้เงินสด
ทั้งนี้ ในส่วนของเคทีซีเองคาดว่าธุรกิจจะมีการขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปีหน้าบริษัทจะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น เบื้องต้นมองว่าจะขยายธุรกิจเข้าไปในมหกรรมขายสินค้า(แฟร์) มากขึ้น และจะเน้นทำการส่งเสริมทางการตลาดผ่านร้านค้าที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้ามากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนจับจ่ายด้วยบัตรเครดิตแทนเงินสดมากขึ้น อีกทั้งยังจะมีการขยายธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมอีกด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทจะขยายจุดรับชำระเงินอีก โดยจะขยายเข้าไปในทุกๆธนาคาร ซึ่งในช่วงทีเหลือของปีคาดว่าสามารถเปิดจุดรับชำระเงินจะมีเพิ่มอีก 1 แห่งโดยเป็นธนาคารขนาดใหญ่
"เราจะไม่ขอเป็นบัตรใบแรก แต่จะเป็นใบที่ 2 ในกระเป๋า ปีหน้าจะเป็นเป็นที่เคทีซีให้อะไรจริง เป็นเคทีซีของแท้ และการรับบัตรจะเป็นระบบใหม่ จะมีการเพิ่มช่องสัญญาณ ส่วนบัตรที่ทำร่วมกับเจซีบีจะเริ่มมีออกมาให้เห็นในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ และปลายปียังจะมีบัตรโฟโต กราฟเฟอร์ ออกมาให้บริการอีกด้วย โดยลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตของเรา 60% ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย ดังนั้นเราเลยต้องทำโปรแกรมต่าง ๆ ให้ดี" นายนิวัตต์ กล่าว
นายนิวัตต์ กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อบุคคลของเคทีซีปีหน้านั้นจะมีการเติบโตค่อนข้างมาก หลังจากปีนี้ที่ค่อนข้างจะทรงตัว เนื่องจากมีการปรับเครดิตสกอริ่งของลูกค้า โดยจะรับลูกค้าที่มีรายได้เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีการปรับใช้แล้วระยะหนึ่งโดยผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะอัตราการผิดนัดชำระจะแตกต่างจากเดิมที่รับลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน แต่ในส่วนของสินเชื่อเจ้าของกิจการนั้นจะต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจที่อาจจะทรงตัวหรือลดลงอาจส่งผลกระทบได้
สำหรับเศรษฐกิจในปีหน้าโดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะดีกว่าปีนี้ แม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เนื่องจากจะยังคงมีปัจจัยลบอื่น ๆ เข้ามากระทบ เช่น ปัญหาราคาน้ำมันที่จะทำให้ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาซับไพรม์ ทำให้การทำแผนธุรกิจของเคทีซีค่อนข้างจะมีความระมัดระวัง
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า ตลาดบัตรเครดิตในปีหน้ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นการเติบโตด้วยความระมัดระวัง โดยในแง่ของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังคงมีการขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันยอดใช้จ่ายทั้งหมดของประเทศมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพียงแค่ 9% ที่เหลือ 91% ใช้เงินสด
ทั้งนี้ ในส่วนของเคทีซีเองคาดว่าธุรกิจจะมีการขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปีหน้าบริษัทจะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น เบื้องต้นมองว่าจะขยายธุรกิจเข้าไปในมหกรรมขายสินค้า(แฟร์) มากขึ้น และจะเน้นทำการส่งเสริมทางการตลาดผ่านร้านค้าที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้ามากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนจับจ่ายด้วยบัตรเครดิตแทนเงินสดมากขึ้น อีกทั้งยังจะมีการขยายธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมอีกด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทจะขยายจุดรับชำระเงินอีก โดยจะขยายเข้าไปในทุกๆธนาคาร ซึ่งในช่วงทีเหลือของปีคาดว่าสามารถเปิดจุดรับชำระเงินจะมีเพิ่มอีก 1 แห่งโดยเป็นธนาคารขนาดใหญ่
"เราจะไม่ขอเป็นบัตรใบแรก แต่จะเป็นใบที่ 2 ในกระเป๋า ปีหน้าจะเป็นเป็นที่เคทีซีให้อะไรจริง เป็นเคทีซีของแท้ และการรับบัตรจะเป็นระบบใหม่ จะมีการเพิ่มช่องสัญญาณ ส่วนบัตรที่ทำร่วมกับเจซีบีจะเริ่มมีออกมาให้เห็นในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ และปลายปียังจะมีบัตรโฟโต กราฟเฟอร์ ออกมาให้บริการอีกด้วย โดยลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตของเรา 60% ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย ดังนั้นเราเลยต้องทำโปรแกรมต่าง ๆ ให้ดี" นายนิวัตต์ กล่าว
นายนิวัตต์ กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อบุคคลของเคทีซีปีหน้านั้นจะมีการเติบโตค่อนข้างมาก หลังจากปีนี้ที่ค่อนข้างจะทรงตัว เนื่องจากมีการปรับเครดิตสกอริ่งของลูกค้า โดยจะรับลูกค้าที่มีรายได้เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีการปรับใช้แล้วระยะหนึ่งโดยผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะอัตราการผิดนัดชำระจะแตกต่างจากเดิมที่รับลูกค้ารายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน แต่ในส่วนของสินเชื่อเจ้าของกิจการนั้นจะต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจที่อาจจะทรงตัวหรือลดลงอาจส่งผลกระทบได้
สำหรับเศรษฐกิจในปีหน้าโดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะดีกว่าปีนี้ แม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เนื่องจากจะยังคงมีปัจจัยลบอื่น ๆ เข้ามากระทบ เช่น ปัญหาราคาน้ำมันที่จะทำให้ทุกธุรกิจได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาซับไพรม์ ทำให้การทำแผนธุรกิจของเคทีซีค่อนข้างจะมีความระมัดระวัง