xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯเปิดแผนรุกสินเชื่อบ้านปีหน้า ชูเครดิตสกอริ่ง"ลดความเสี่ยง-อนุมัติเร็ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แม้ว่าภาพสินเชื่อโดยรวมของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้จะดูไม่ค่อยสวยงาม มีการชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด แต่หากเจาะดูเป็นรายกลุ่มแล้ว "สินเชื่อที่อยู่อาศัย"นับว่าเป็นกลุ่มที่โดดเด่นและยังมีการขยายตัวอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทำให้หลายธนาคารหันมาช่วงชิงตลาดมาเก็ตแชร์ในตลาดนี้กันอย่างคึกคัก แต่ในปีหน้าหนทางของสินเชื่อที่อยู่อาศัยส่อแววไม่สดใสนัก จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มขยับไปทางขาขึ้น ดังนั้น "ผู้จัดการรายวัน" สัมภาษณ์พิเศษ "ชาติชาย พยุหนาวีชัย" ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อพูดคุยถึงแนวทางบุกตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีหน้าที่ยังต้องฝ่าฟันกับหลายปัจจัยลบ

-แผนปีหน้าจะมุ่งเดินตามแบบของ K NOW

จริง ๆ แล้วการแข่งขันของสินเชื่อบ้านนั้น ขณะนี้ถือว่าแข่งกันจนถึงยุคที่ตันๆกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าธนาคารกสิกรไทยจะเดินในแบบที่เราเป็นอยู่ในแบบของ K NOW (เค นาว) ที่จะมุ่งไปเรื่องของการให้บริการ ให้ข้อมูลความรู้ให้ลูกค้าตั้งแต่ก่อนไปจนถึงหลังการขายให้มากขึ้น คิดว่าจะผูกลูกค้าได้ตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์กับดีเวลลอปเปอร์ คือไม่ใช่ว่าจะเอาสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ(พรีไฟแนนซ์)ไปให้ หรือจะเอาสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อลูกค้ารายย่อย(โพสไฟแนนซ์)ไปให้เท่านั้น แต่ต้องเอาข้อมูลความรู้ไปให้ด้วย ก็จะจัดให้เป็นกิจกรรมและสร้างความสัมพันธ์ให้มากขึ้นกับดีเวลลอปเปอร์ ก็มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น โดยไม่ต้องให้สินเชื่อพรีไฟแนนซ์ แต่ยินดีจะให้ลูกค้าที่เป็นโพสไฟแนนซ์กับเรา แล้วก็เรื่องความรวดเร็วเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องเร่ง ถ้าอนุมัติเร็วตอบก่อน ลูกค้าก็จะเลือกก่อน แต่หากทำเรื่องช้า ตอบช้า ก็จะถูกฉกลูกค้าไป พวกนั้นเป็นสิ่งที่ต้องปรับให้เพื่อให้แข่งขันได้

ส่วนของลูกค้ารายย่อยทั่วไปยังคงเน้นเรื่องของการจะมีแผนการส่งเสริมการขายเป็นช่วงๆ และจะมีการกระจายไปภูมิภาคมากขึ้น เพราะเท่าที่รู้ข้อมูลมาตลาดในบางจังหวัดมีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก แต่ธนาคารส่วนใหญ่จะมุ่งแข่งขันเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก แต่คนที่ประสบความสำเร็จในต่างจังหวัดอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และธนาคารออมสินนั้นได้ลูกค้าจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการขยายตัวได้เร็วกว่าธนาคารพาณิชย์ ซึ่งธนาคารพาณิชย์จะเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพในหมู่บ้านที่เป็นการทำร่วมมือกับดีเวลลอปเปอร์หรือเป็นบ้านใหม่ที่ดีเวลลอปเปอร์สร้าง ซึ่งอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลทำให้อัตราการขยายตัวจึงค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดของธนาคารกสิกรไทยมีอยู่ 30% และอีก 70% เป็นสินเชื่อในกรุงเทพและปริมณฑล แต่คิดว่าสัดส่วนต่างจังหวัดน่าจะดีขึ้นเป็น 35% ก็เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในส่วนของต่างจังหวัดได้

-อัตราดอกเบี้ยยังแข่งขันรุนแรง

การแข่งขันในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าคงยังมีความรุนแรงต่อเนื่องจากปลายปีนี้ โดยปลายปีดอกเบี้ยจะเป็นแนวโน้มทรงตัวเพื่อเตรียมตัวจะขึ้น แต่ปรากฏว่าตอนนี้สวนกระแสตรงที่ว่าเงินฝากตอนนี้ขยับขึ้นบ้างเล็กน้อยประมาณ 2.6-2.75% แต่สินเชื่อบ้านกับลดลง เช่น บางธนาคารออกดอกเบี้ยถูกอีกทั้งยังแถมค่าจำนองให้ด้วย และธนาคารขนาดกลาง-ขนาดเล็ก เริ่มมาเล่นเรื่อง Pricing เนื่องจากสูญเสียมาร์เก็ตแชร์ให้กับธนาคารขนาดใหญ่ไป ส่วนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยในปีก่อนปล่อยได้อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ปีนี้เราปล่อย 30,000 ล้านบาท ตอนนี้ 10 เดือนปล่อยได้แล้ว 25,000 ล้านบาท จากเป้า 18,000 ล้านบาท ก็โตจากเป้าหมาย 12,000 ล้านบาท หรือ ประมาณ 60-70% ส่วนปีหน้าเป้าหมาย 30,000 ล้านบาท เท่ากับที่ทำได้ในปีนี้หรือเติบโตสุทธิประมาณ 16-17%

"จากเป้าที่ตั้งไว้ ก็ต้องเหนื่อยหน่อยเพราะตัวเลขค่อนข้างสูง และปีนี้ที่ทำได้เพราะคนอื่นเผลอๆก็ทำได้เหมือนกัน เพราะลงมาแข่งกันมาก แต่โดยตลาดรวมแล้วจะเติบโตประมาณ 12% ของธนาคารจะเติบโตกว่าของระบบ"นายชาติชายกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้อัตราดอกเบี้ยจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นแต่ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะยังทรงไปเรื่อยๆ โดยดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำแค่ 6-7% ซึ่งเป็นระดับที่ยังจูงใจให้คนกู้ได้ดี และผลดีของดอกเบี้ยทรงและแนวโน้มขึ้นในขณะนี้คือ หากอัตราดอกเบี้ยขึ้น 1% ทำให้อัตราการผ่อนเพิ่ม 6% เท่ากับหากกู้ตอนนี้มีเงินเดือน 20,000 บาทต่อเดือนจะกู้ซื้อบ้านได้ 1 ล้านบาท แต่ถ้าปีหน้าดอกเบี้ยขึ้น 1% จะไม่สามารถกู้ในระดับ 1 ล้านบาทได้แล้ว จะกู้ได้แค่ประมาณ 940,000 บาท เพราะดอกเบี้ยขึ้นทำค่างวดขึ้น ดังนั้น ถ้าตัดสินใจกู้วันนี้โอกาสจะกู้ผ่านจะมีมากกว่าจะไปกู้ปีหน้า

ส่วนอัตราดอกเบี้ย Fix Rate จะยังคงมีให้เห็นอยู่ เพราะแนวโน้มของดอกเบี้ยครึ่งปีแรกยังทรง ในครึ่งปีหลังดอกเบี้ยขาขึ้นจริง แต่เป้นขาขึ้นอ่อนๆ ไม่ขึ้นแรง อย่างมากก็ขึ้นแต่ 0.25% เพราะฉะนั้นตอนนี้ยังสามารถควบคุมต้นทุนได้อยู่ จึงยังไม่ขึ้นแรง และถึงแม้มีรัฐบาลใหม่ นโยบายดอกเบี้ยคงจะไม่อยากให้ขึ้นสูงนัก เพราะอยากกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า โดยรวมแล้วถ้าไม่มีปัจจัยลบที่รุนแรง คงไม่ทำให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปรวดเร็วนัก แล้วก็ามีปัจจัยเดียวคือเรื่องน้ำมันที่ทำให้มีปัญหาเพราะจะทำให้เงินเฟ้อขึ้นไปมาก สังเกตได้ว่าตอนนี้ราคาสินค้าก็เริ่มมีการขึ้นแบบไม่มีเหตุผลแล้ว

-เน้นวิเคราะห์คุณภาพหนี้ด้วย Credit Bureau Score

นอกจากนี้ ธนาคารจะใช้การวิเคราะห์คุณภาพหนี้ด้วยวิธีการ Credit Bureau Score ซึ่งก็ได้เริ่มใช้แล้วในส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี แต่ในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัยตอนนี้อยู่ในช่วงทดสอบ และจะสามารถนำมาใช้อย่างเต็มที่ประมาณช่วงกลางปีหน้า โดย Credit Bureau Score เป็นเครื่องมือในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิต ซึ่งจะช่วยให้ผู้อนุมัติเครดิตสามารถอนุมัติเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยใช้ข้อมูลในเครดิตบูโรในการระบุลักษณะ และประเมินพฤติกรรมการชำระเงินของลูกค้า อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธนาคารเข้าใจประวัติด้านเครดิตของลูกค้าได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้วิเคราะห์สามารถให้เหตุผลว่าประวัติการชำระหนี้ของผู้สมัครจะมีผลกระทบต่อความเสี่ยงในการตัดสินใจมากน้อยเพียงใด

"ประโยชน์ของ Credit Bureau Score คือ ทำให้การอนุมัติมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งส่งผลโดยตรงให้ผลกำไรดีขึ้น ผลการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านเครดิตมีความน่าเชื่อถือและแม่นยำกว่าเดิม การประเมินด้านความเสี่ยงด้านเครดิตมีมาตรฐานเดียวกัน กระบวนการวิเคราะห์เครดิตมีความรวดเร็วและกระชับมากขึ้น และสามารถควบคุมคุณภาพหนี้ใน Portfolios ของธนาคารได้"นายชาติชายกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น