เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (25 พ.ย. )ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี มูลนิธิสวนแก้ว ร่วมกับหนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน จัด
สัมมนา เรื่อง "การเมืองเรื่องศีลธรรม" มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้า
พรรคพลังประชาชน มาร่วมเสวนาโดยมีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้แบ่งเวลาเป็นภาคเช้า
เสวนากับนายอภิสิทธิ์ ส่วนภาคบ่าย เสวนากับ นายสมัครโดยไม่มีการเผชิญหน้า ซึ่งในช่วงเช้ามีประชาชนมาร่วมฟังการเสวนากว่า
1,000 คน
พระพยอม กล่าวเปิดเวทีเสวนาในช่วงเช้า ว่า มีหลายคนบ่นว่ายุคนี้การเมืองแย่ เป็นยุคการเมืองน้ำเน่า จึงอยากถามว่า
ควรเติมอากาศเข้าไปให้ดีขึ้นหรือไม่ และมีบางคนบอกว่าพระพยอมไม่ควรจัดงานนี้ เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่ถ้าจัดงานแล้วทำ
ให้ดีขึ้น จะเสียหายตรงไหน ซึ่งทางวัดสวนแก้วก็ได้ทำมานานกว่า 19 ปีแล้ว ความรู้การเมืองเป็นปัญหาชนิดหนึ่ง ถ้าชาวบ้านโง่
เลือกนักการเมืองแบบไม่มีถ่วงดุล เช่น พื้นที่ภาคเหนือ เป็นของพรรคไทยรักไทย ภาคใต้ เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนี้เวลา
เขาโกงลำไย เราไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ 10 ที่ เขาจะไปตรวจสอบได้อย่างไร การจัดงานครั้งนี้ก็เหมือนกับการเอาออกซิเจนมาเติม
เอาน้ำดีมาเติม เพื่อให้การเมืองดีขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่การเมืองในปัจจุบันต้องการมากที่สุดคือ เรื่องคุณธรรม ถ้าไม่ให้องค์กรทางศาสนาทำให้การ
เมืองมีคุณธรรม แล้วจะให้ใครทำ องค์กรทางศาสนาไม่สามารถกระตุ้นให้คุณธรรมเข้ามาสู่การเมือง หมายความว่า บ้านเมืองละเลย
เรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ตนขอย้ำว่า นโยบายวาระประชาชน เพราะเป็นนโยบายที่ทำขึ้นโดยประชาชนและเพื่อประชาชน และยึด
ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ การทำนโยบายใครก็ทำได้ แต่คนทำไม่มีคุณธรรม ไม่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ยึดแต่ผลประโยชน์พวงพ้อง สิ่งดีๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศ สำหรับวาระประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ
1.ฟื้นฟูประชาธิปไตย 2.แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 3. พัฒนาคน และ 4. แก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดย
ในเรื่องการการฟื้นฟูประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้หมายความแค่การเลือกตั้ง หยุดแค่การเลือกตั้ง การฟื้นฟูไม่ใช่เรื่องการเลือกตั้งเสียง
ข้างมากน้อย การเลือก ตั้งที่จะมาถึงต้องรณรงค์ไม่ให้ซื้อสิทธิ์ขายเสียง
พระพยอม ได้สอบถามว่า ที่ผ่านมามีกรณีพระประพฤติผิดเช่น เสพเมถุน ใช้กระดูกเด็กป่นทำจตุคาม จะคุ้มครองศาสนา
จากคนเหล่านั้นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หน้าที่ทำนุบำรุงศาสนา ต้องส่งเสริมให้เข้าใจ ถ้าคนที่มาอาศัยวงการศาสนาหากินทำ
ให้เสื่อมเสีย ซึ่งเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ต้องลงโทษทางอาญา มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง นอกจากพ้นผ้าเหลือง ต้องตามไปลงโทษ
ด้วย
**แนะสมัครเลิกหาเสียงใส่ร้ายป้ายสี
พระพยอมได้ถามอีกว่าหากจะมีการให้สัญญากับประชาชน จะให้สัญญาอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้สัญญา
ไม่ได้ เดี๋ยวกกต.จะมาเล่นงานเอา แต่สิ่งหนึ่งที่ทำการเมืองมีหลักคือ ไม่ต้อง สัญญาหรือท้าสาบาน ทุกคำพูดตนต้องรับผิดชอบ
พระพยอม ถามว่า หากเวทีนี้มีนักการเมืองมากันหลายพรรค และ มีนายสมัคร อยู่ด้วย อยากจะพูดอะไรสัก 2-3 คำหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องยกมือไหว้ท่าน เพราะเป็นผู้อาวุโส เมื่อถึงช่วงนี้มีประชาชนที่มาฟังตะโกนหยอกล้อว่า นายสมัคร
ไม่รับไหว้ พระพยอม พูดตัดบทว่า หากไม่รับไหว้ก็กองไว้ตรงนั้นแหละ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ได้แต่ยิ้มๆ ก่อนกล่าวอีกว่า แต่คราวที่
นายสมัครไม่รับไหว้เพราะบอกว่าไม่เห็น แต่คราวนี้ถ้าบอกไม่เห็นไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งควรเสนอทางเลือก
เสนออนาคตให้ประชาชนตัดสินใจ จากวันนี้ใกล้ถึงเลือกตั้ง มาตกลงกันว่า ควรทำการเมืองให้ถูกต้อง อย่าใส่ร้ายป้ายสี อย่าซื้อเสียง
มาแข่งกันบอกประชาชนว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนไม่ใช่ต่างคนต่างพูด มาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน วันนี้เหลือเวลาอีก 1 เดือน
ยังไม่สาย อยากจะชวนหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาพูดคุยกัน
จากนั้นพระพยอมได้สอบถามถึงแนวทางให้ประชาชนลดละอบายมุข ปัญหา เด็กเร่ร่อน ปัญหาเด็กขายบริการ ยาเสพติด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุด คือรณรงค์ค่านิยมที่ดีให้เด็กเยาวชน ที่ผ่านมาหลายฝ่ายคิด แต่สิ่งที่ไปทำไม่ตรง ไม่เข้าเป้า เช่น
เวลามีโฆษณาหนัง ก็เซ็นเซอร์ แต่คนดูก็ดูออก เพราะฉะนั้นควรณรงค์มากกว่านี้ รวมทั้ง ชักชวนเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรม อาทิ เล่น
กีฬา ทำกิจกรรมเพื่อสังคมส่วนรวม
ส่วนปัญหา เด็กเร่ร่อนและขายบริการปัญหาส่วนหนึ่งก็คือขาดผู้ปกครองดูแล แต่ส่วนหนึ่งก็โยงมากับเรื่องการศึกษา เรา
สร้างความกดดันให้กับเด็กในการเรียนรู้ ทำดีมากเกินไปทำให้เกิดการต่อต้าน เด็กต้องแสวงหาความสนุก คึกคะนอง เพราะฉะนั้น
ควรปรับหลักสูตรให้เด็กมีกิจกรรมเพื่อลดปัญหาดังกล่าว โรงเรียนเอาเหตุการณ์ปัจจุบันที่เป็นข่าวมาเป็นวิชา แทนที่จะเรียนในตำรา
อย่างน้อยทุกวันๆ ละครึ่งชั่วโมง ให้เด็กเอาข่าวที่สะท้อนให้เห็นสังคมแต่ละด้านมาเล่น และถกเถียง วิจารณ์ว่าข่าวดังกล่าวเกิดขึ้น
เพราะอะไร ทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวจะทำอย่างไรให้อยู่ได้
จากนั้นพระพยอม เสนอว่าจะมีทีวีให้พระนำเสนอช่วยบรรยายแก้ปัญหาให้เยาวชนสักช่องหรือไม่ รวมทั้งอาตมาขอ
เป็นที่ปรึกษาเรื่องอบายมุข นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ให้มาเป็นที่ปรึกษาประจำพรรค แต่จะให้เป็นที่ปรึกษาของแผ่นดิน ส่วนเรื่อง
สื่อต้องจัดสรรเวลาให้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว
ช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้ประชาชนส่งคำถาม ซึ่งก็มีคนถามถึงอนาคตว่าจะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
เรื่องนี้ต้องพูดไปถึงเรื่องนิติรัฐด้วย ซึ่งการปฏิวัติทุกครั้ง ที่นำมาเป็นเหตุคือ ข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น ยืนยันการป้องกันการปฏิวัติต้องมี
รัฐบาลที่ซื่อสัตย์ และเป็นประชาธิปไตย คือเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบ และรับรู้ทุกขั้นตอน อย่างโปร่งใส ซึ่งพรรคประชา
ธิปัตย์ ยืนยันว่า การทำงานทางการเมืองจะไม่สมานฉันท์กับความไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าทำผิดแล้วให้ลืมๆ กันไปแล้วมาอ้างความ
สมานฉันท์ ไม่ใช่โจรแล้วจะมาอ้างเป็นพระ ความสมานฉันท์ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่แนวทางนี้ รวมทั้งนักการเมืองต้องมี
คุณธรรม ถ้านักการเมืองไม่มีคุณธรรมก็จะทำให้การเมืองไม่พัฒนาและการฟื้นฟูประชาธิปไตยก็ไม่ก้าวหน้า
ต่อข้อถามเรื่องของหวย ที่มีบางพรรคการเมืองอ้างว่า เพื่อให้มีทุนการศึกษา การยกเลิกทำให้เด็กขาดทุนการศึดษา ซึ่งข้อ
เท็จจริง ทุนการศึกษารัฐบาลปัจจุบันได้จัดทุนให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น ที่อ้างเรื่องหวย ตนเกรงว่าจะไม่จบ เพราะบอกให้
รัฐทำเอง เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะเกิดพนันบอลตามมาอีก ไม่จบ
**ถามพปช.หนุน"สมัคร"เป็นนายกฯหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีโพลของสันติบาล ระบุ พรรคพลังประชาชนได้รับคะแนนเสียงมากกว่าพรรคประชา
ธิปัตย์ว่าโพลของสันติบาล เป็นเพียงการรายงานข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการสำรวจความคิดเห็น
ประชาชนอย่างแท้จริงและยังไม่สามารถที่จะนำโพลมาตัดสินทำอะไรได้ เพราะยังเหลือเวลาจากวันนี้ถึงวันเลือกตั้งอีก30วัน
ดังนั้นจุดยืนของพรรค คือ การเดินสายชี้แจงทำความเข้าใจนโยบายของพรรค โดยเฉพาะนโยบาย 99 วันกับนโยบายเร่ง
ด่วน เพราะนี่คือจุดยืนของพรรค หากประชาชนเห็นด้วยก็จะทำให้ตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น ดังนั้นใครจะได้เสียง
ข้างมาก ข้างน้อย ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการจับขั้วพรรคการเมืองต่างๆ จัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะมาจับขั้ว ต้องดูหลังวันที่ 23
ธ.ค. เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปโดยธรรมชาติของพรรคการเมืองอยู่แล้ว และขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด
พรรคไหนได้รับเลือกตั้งเข้ามามาก ก็ได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชน ขณะนี้ยังไกลเกินไป
ต้องรอผลเลือกตั้งก่อน
เมื่อถามว่ามองความเป็นไปได้ที่จะเกิด"ตาอยู่" ทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเมืองไทย ได้พัฒนาไปมากพรรค
ไหนได้รับเสียงข้างมากจากประชาชน ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาล การที่จะไปวิ่งต่อรองกับพรรคอื่น เพื่อจัดตั้งรัฐบาลตนไม่ทำอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอันดับ 2 จะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวว่า อย่าเพิ่งใช้คำว่าถ้า เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นทุกพรรคต้องออกมายืนยันจุดยืนให้ชัดเจนก่อนโดยเฉพาะพรรค
พลังประชาชนว่าจะสนับสนุนให้นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้พรรคเรายืนยันมาโดยตลอด และยืนยันว่า
พรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับขั้วกับพรรคพลังประชาชน เพราะอุดมการณ์ของเราแตกต่างกันมาก ถ้าแต่ละพรรคแสดงจุดยืนออกมา
อย่างชัดเจนก็ทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
**"หมัก"เปรียบตนเป็นอะแซหวุ่นกี้
สำหรับในช่วงบ่าย พระพยอม ได้ร่วมเสวนากับ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยมีผู้มาร่วมฟังกว่า
1 พันคนเช่นกัน
นายสมัคร กล่าวว่า การที่มีการท้าทายให้ตนออกดีเบตกับพรรคอื่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่มาต่อล้อต่อเถียงกัน แต่ต่างคน
ต่างพูดก็ได้ ที่ตนมาวันนี้เพราะมีคนต้องการตรวจสอบว่านายสมัคร จะเหมาะสมถือหางเสือประเทศนี้ได้หรือไม่ มีคนพวกหนึ่ง
บอกว่าไม่ได้ ซึ่งไม่มีเหตุผล บางคนบอกว่า คนที่เป็นนายกฯ ต้องมีศีลธรรม เป็นคนดี แต่ตนยืนยันว่า ตนเป็นคนดีอะไรไม่ได้ แม้ว่า
ตนจะเคยเป็นลูกศิษย์วัด บ้านอยู่บางลำพู อยู่ข้างวัด และอยู่กับวัดมาตลอด แต่ตนยังไม่ได้บวช เพราะไม่มีเวลาบวช เนื่องจากทำงาน
การเมืองมานานถึง 42 ปี จึงไม่มีเวลา แต่เสร็จภารกิจนี้แล้วถึงจะได้บวช ทีผ่านมาได้ศึกษาหลักของศาสนาพุทธมาพอสมควร คนไทย
สนใจศาสนาน้อยลง แต่คนต่างชาติสนใจมากขึ้น เพราะมีคนมาบวชและศึกษาพร้อมทั้งพิมพ์ คำสอนเป็นภาษาอังกฤษ ประเทศไทย
เป็นศาสนาพุธ แต่ไม่บรรจุพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ แถมออกมาด่าพระอีกต่างหาก ว่าไม่สอนประชาชนให้อยู่ในครรลอง
คลองธรรม ตนเป็นคน หนึ่งที่ต้องการให้มีการบรรจุศาสนาพุทธไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะมีประชาชนกว่า 95 % นับถือศาสนาพุทธ
"ช่วงที่ผมไม่พูดก็มีการออกมาด่า มีการออกมาพูดว่า ผมพูดจาสามหาว แค่คนหนังสือพิมพ์รุม เพราะมีคนสั่งให้ทำก็เท่านั้น
มันถามไม่หยุด เราก็ตอบให้หยุด แต่หลังจากนั้นก็ออกมารุมด่า โดยเฉพาะการ์ตูนของหนังพิมพ์ไทยรัฐ กับไทยโพสต์ ออกมารุมด่าผม
เอาให้รู้ เส้นเห็นสันดานกันไปเลย แต่คุณรู้หรือไม่ ทำไมถึงออกมาด่าผม เพราะรู้ว่าท่าทางจะสู้ไอ้ คนนี้ไม่ได้ ถึงออกมาด่า" นาย
สมัครกล่าว เมื่อพระพะยอมถามว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องพระนอกรีต อย่าง ไร นายสมัคร
กล่าวว่า ถ้าจับได้ว่าเล่นผู้หญิง เสพเมถุน ก็ต้องให้ติดตะราง 3 ปี หากพระเล่นหวย ถ้าเห็นว่าใบ้หวย หรือเขียนหวยจริง ต้องจำคุก 6
เดือน ส่วนคำว่า เสพเมถุน เป็นคำใน พุทธศาสนา มีการใช้คำนี้กันทั่วไป แต่พอตนเอามาใช้กับผู้สื่อข่าว ก็จะเอากันให้ตาย
พระพะยอมถามว่าหากนายสมัครได้ตั้งรัฐบาล จะดูแลเด็กที่หนีออกจากบ้านแล้วมาขายตัว ออกล่าแต้มอย่างไร นายสมัคร
กล่าวว่า เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะ การอบรมเลี้ยงดูคนในครอบครัวไม่ให้สูบบุรี เที่ยวผู้หญิง เล่นการพนัน พ่อแม่
ตนมีลูก 9 คน ก็สอนกันมาอย่างนี้ตลอด ตั้งแต่คุณปู่คุณย่าไม่มีใครสัมเลเทเมา "ผมเหล้าไม่กิน บุรีไม่สูบ ผู้หญิงไม่เที่ยว ไม่เล่นการ
พนัน แต่ชอบซื้อลอตเตอรี่งวดละใบสองใบ"
ในตอนท้ายพระพะยอม ถามว่าหากนายอภิสิทธิ์ อยู่บนเวทีนี้ด้วย อยากจะพูดอะไรบ้าง นายสมัคร กล่าวว่า การที่ตนไม่
อยากไปดีเบตเพราะพฤติกรรมคนเลือกตั้งแตกต่างกัน 19 เม.ย.49 ตนได้รับเลือกตั้งเป็นส.ว. แต่พอ ถึง 19 ก.ย.49 ถูกปฎิวัติด้วย
อำนาจทหาร การที่ไม่ อยากนั่งเวทีเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ เพราะเกรงว่าจะอดพูดกระทบกระทั่งกันไม่ได้ อาจดูไม่สุภาพ แต่ขอ
เสนอง่ายๆ ใครชอบปฏิวัติก็เลือกฝ่ายนั้นไป แต่ใครไม่ชอบปฏิวัติ ก็เลือกพรรคพลัง ประชาชน
"ผมเปรียบเหมือนอะแซหวุ่นกี้ ทำนายทายทักเจ้าพระยาจักรกรี ตอนที่นายอภิสิทธ์ ขึ้นอภิปรายในสภา ผมก็บอกว่าให้
รักษาตัวให้ดี จะได้เป็นผู้นำประเทศ แต่เขากลับมาว่าผมเป็นยาหมดอายุ ผมก็ตอกกลับไปว่า เขาเป็นมะม่วงจำบ่ม ชิงชุกก่อนห่าม ผมก็
เสียใจ แต่การเมือง เมื่อขึ้นเวทีแล้วก็ต้องแย็บกันคนละหมัด"
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า หากผลการเลือกตั้งออกมา พรรคพลังประชาชน ได้ 230 ที่นั่ง นายบรรหาร ศิลปาชาได้ 30 ที่นั่ง
ถ้านายบรรหารไปรวมกับทางโน้น เขาก็ไม่ให้เป็นนายกน มาทางพลังประชาชน ตนก็ไม่ให้เป็นนายฏน แต่ตนกับนาย บรรหาร ทำ
งานการเมืองด้วยกันมานาน ดังนั้นหากนายบรรหาร มาทำงานกับตน จะไม่สบาย กว่าหรือ และอยากรู้ว่าใครเป็นคนบอกว่า นาย
สมัครเป็นนายกฯไม่ได้ การเลือกตั้งผู้ชนะได้เป็นผู้บริหารบ้านเมือง หากพลังประชาชนจะมาแก้รัฐธรรมนูญที่ใช้ไม่ได้ เพราะรัฐ
ธรรมนูญฉบับเดิมทำไว้ดีแล้ว แต่มาปฏิวัติ และจะเอาให้เขาตายทั้งครอบครัว และบอกว่าคดี อยู่ในชั้นศาล ไม่มีทาง เพราะเป็นได้แค่
พวกแก๊งข้างถนนเท่านั้น
**ย้ำเรื่องศีลธรรมสำคัญไม่แพ้ศก.
จากนั้นพระพยอม ให้สัมภาษณ์ หลังการเสวนาว่า การจัดเสวนาครั้งนี้เพื่อเป็นการกดดันว่านักการเมืองต้องปฏิบัติตาม
ในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ โดนเฉพาะเรื่องศีลธรรม
เมื่อถามว่านักการเมืองในปัจจุบันมีศีลธรรมพอหรือยัง พระพยอม กล่าวว่า ยัง ต้องอบรม ฝึกฝนอีก เพราะบางพรรค ไม่
พูดเรื่องศีลธรรมเลย ชูนโยบายเฉพาะเรื่องการแก้ไปปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และทหาร จึงอยากให้นักการเมืองเห็นอันตรายที่เน้น
แต่เศรษฐกิจ แต่ไม่แตะศีลธรรม ทำให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ต่างชาติไม่พอใจ ตัดความช่วยเหลือ คนเดือดร้อนคือ ชาวไร่
ชาวนา ทั้งนี้ประชาชนต้องพึ่งตนเองให้มาก จะมัวคิดพึ่งแต่นักการเมือง 100 % ไม่ได้ เพราะนักการเมือง 1-2 ปี ก็ต้องมีการเลือกตั้ง
กันใหม่ เราประชาชน อย่าทำตัวเป็นเหมือนลูกนก ที่อ้าปากแดง หาอาหารไม่เป็น ต้องรอพวกนักการเมืองมา ป้อนอย่างเดียว
**"เหลิม"ปูดโพลเนชั่น พปช.ชนะขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ พรรคพลังประชาชน ได้มีการเปิดปราศรัยใหญ่ที่ หน้าห้างอิมพีเรียล
ลาดพร้าว โดยมีแกนนำมาร่วมจำนวนมาก และมีอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ รวมทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มา
ร่วมให้กำลังใจด้วย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครสส.ระบบสัดส่วน ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพรรคพลังประชาชนจ้าง
ทำโพลว่า ใครจะไปจ้าง เหมือนกับการปราศรัย ประชาชนชอบพรรคไหนก็ไปฟัง ถ้าพรรคขนคนมาฟังคงต้องพิมพ์แบงก์เอง ล่าสุด
ตยรู้มาว่า โพลของเนชั่น สำรจมาว่า พรรคพลังประชาชนชนะประชาธิปัตย์ขาดลอย มีรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน ตัวเลขห่างกัน 45
ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองการสลายขั้วของพรรคชาติไทย อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค
ชาติไทย ก็รู้ว่า พปช. จะได้ที่ 1 และเกินครึ่ง ชนะ ปชป. 40-50ที่นั่ง นายบรรหาร ก็เล่นการเมืองมานาน ถือว่าคิดถูกแล้ว การไปหา
เสียงที่อีสาน ถ้าใครด่าพ.ต.ท.ทักษิณ คนก็ไม่มาฟังแล้ว ดังนั้นทุกคนก็ต้องนับญาติกันทั้งนั้น
"พรรคพลังประชาชนมาที่ 1 แน่ ใครก็ขวางไม่อยู่ คุณทักษิณ กับคุณบรรหาร ก็สนิทสนมกันจริง ไปทางโน้นเขาเคยด่า
เสียผู้เสียคน มาทางนี้อบอุ่นกว่า" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช กล่าวปราศรัย ตอนหนึ่งว่า ตนอยากให้ ผบ.ทบ. เรียกทหารหน้าห้อง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล
ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ชื่อพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และตำรวจ ที่ชื่อ สมคิด บุญถนอม ที่เป็นน้องชาย กลับจาก จ.เชียงรายด่วน ไม่
รู้ไปทำงานทางลับ หรือไปทำงานให้กับพรรคการเมืองไหนกันแน่ แต่คนเชียงรายรู้ดี ถ้าปากพูดอย่าง ใจอีกอย่าง ทำอีกอย่าง ชาติจะ
ดีได้อย่างไร และวันที่ 23ธ.ค. นี้ ขอให้พี่น้องออกไปใช้อำนาจประชาชนสั่งสอนพวกเขาด้วย
ต่อมา นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีคนมาท้าเหยงๆให้ตนพูด
ถึงนโยบายเศรษฐกิจ ระวังให้ดี เดี๋ยวตนไปแกะสะเก็ดเข้าก็อย่ามาร้องก็แล้วกัน
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า มีคนซึ่งพ่อเป็นนายกฯ ลูกเป็นทหาร ปฏิวัติไม่สำเร็จ เรียกว่าเป็นกบฏ แต่แล้วพ่อก็เอาชื่อลูกเข้า
สภา ขอนิรโทษกรรม สภาก็นิรโทษกรรมให้ ทั้งๆ ที่กบฏ มีความผิดชัดๆ ก็ไม่เป็นไร แต่อดีต กรรมการบริหารพรรค 111 คน ซึ่งไม่ผิด
จะนิโทษกรรมให้ กลับไม่ยอม ตนต้องมีชีวิตอยู่จนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้บ้านเมือง แต่ก็มีการออกมาบอกว่า
ถ้านายสมัครเป็นนายกฯ ทหารจะปฏิวัติอีก แบบนี้จะบ้าหรือเปล่า เพราะทหารที่คิดปฏิวัติ มีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ผบ.ทบ.คนใหม่ ก็ทำไว้ดี
แบบนี้ต้องช่วยกันกอบกู้บ้านเมือง และต้องรีบสั่งการในเรื่องที่นายยงยุทธ์ ออกมาแฉด้วย
**ปชป.พิมพ์วาระประชาชน4 ล้านฉบับ
นาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคได้จัดทำสารพรรคประชาธิปัตย์ ฉบับพิเศษขึ้นมา 4
ล้านฉบับ เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วประเทศ โดยจะเริ่มแจกในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ซึ่งสารประชาธิปัตย์ จะเป็นการบรรจุเรื่องราวเกี่ยว
กับวาระประชาชน โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริง รวมทั้งข้อความ ระบุว่า "อภิสิทธิ์ ขอชาวไทยให้โอกาส ประ
ชาธิปัตย์นำชาติฝ่าวิกฤติ" "23ธันวา เลือกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล" "สัมผัสโฉม 80 ขุนพลผู้สมัครระบบสัดส่วนพร้อมรายชื่อผู้สมัคร
ส.ส.เขตทั่วประเทศ"
ทั้งนี้ เนื้อหาทั้งหมดในสารพรรคประชาธิปัตย์ จะตอบคำถามของประชาชนที่อยู่ในใจได้ทุกคำถาม ว่า วาระประชาชนที่
ประกาศไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริง เรื่องไหนที่สามารถทำได้ใน 99 วัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะมีระยะเวลารวม
ทั้งงบประมาณที่จะใช้ในการทำวาระประชาชนว่าเป็นเงินที่มาจากไหน เป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน หรือเงินกู้ส่วนไหนมาดำเนิน
การ นอกจากนี้สารประชาธิปัตย์ จะเป็นเครื่องยืนยันว่า ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ถ้าประชาชนมอบความไว้วางใจให้พรรคประชาธิปัตย์
ทางพรรคก็พร้อมที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล บริหารประเทศโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
**"พินิจ"ต่อสายแกนนำชาติไทย
รายงานข่าวจากพรรคชาติไทยแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีความพยายามจากนายพินิจ จารุสมบัติ อดีตกรรมการสภานโยบาย และ
ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อแผ่นดิน และอดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน โทรศัพท์ติดต่อมายังแกนนำของพรรคชาติไทย เพื่อขอ
เจรจาในความร่วมมือการหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน โดยให้เหตุผลว่า พื้นที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่พรรคชาติไทย กับพรรคเพื่อแผ่น
ดินไม่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในการส่งผู้สมัครในหลายๆ เขต และผู้สมัครบางคนก็เป็นอดีตสมาชิกพรรคชาติไทย ที่ได้ย้ายพรรคมา
อยู่พรรคเพื่อแผ่นดิน เช่นพื้นที่เขต 3 จ. ศรีสะเกษ ที่มีผู้สมัครของพรรคเพื่อแผ่นดินเบอร์ 1 นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ เบอร์ 2 นาย
ดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ เบอร์ 3 นายจรุงศักดิ์ อัศวเมธาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้สมัครที่มีฐานเสียงเดิมดี
ดังนั้นจึงจะช่วยกันหาเสียงและประสานนโยบายของทั้ง 2 พรรค ที่มีความคล้ายคลึงกันในการทำงานเพื่อพี่น้องชาวภาค
อีสาน อาทิโครงการระบบชลประทาน โครงการถนนลาดยาง แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร และการประกันราคาพืชผลการเกษตร
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องดังกล่าวผ่านความเห็นของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ
หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และสมาชิกพรรคทั้งสองก็จะมีการหารือกันอย่างเป็นทางการต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เดิมทีผู้สมัครของพรรคเพื่อแผ่นดินทั้ง 3 คน เคยมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยแล้ว และจะลง
สมัครในนามพรรคชาติไทย แต่ในระหว่างที่มีกระแสข่าวเรื่องการซื้อตัวส.ส.ให้ย้ายพรรคนั้น ก็ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคชาติไทย
และไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน ทำให้พรรคชาติไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครลงในเขตนี้ และเคยมีการรายงานข่าวด้วยว่า นายบรรหาร เอง
ถึงกับไม่พอใจในการย้ายพรรคของบุคคลดังกล่าว ถึงกับระบุว่าจะไปเปิดเวทีปราศรัยหน้าบ้านผู้สมัครในพื้นที่นี้ถึง 2 รอบด้วย
สัมมนา เรื่อง "การเมืองเรื่องศีลธรรม" มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้า
พรรคพลังประชาชน มาร่วมเสวนาโดยมีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้แบ่งเวลาเป็นภาคเช้า
เสวนากับนายอภิสิทธิ์ ส่วนภาคบ่าย เสวนากับ นายสมัครโดยไม่มีการเผชิญหน้า ซึ่งในช่วงเช้ามีประชาชนมาร่วมฟังการเสวนากว่า
1,000 คน
พระพยอม กล่าวเปิดเวทีเสวนาในช่วงเช้า ว่า มีหลายคนบ่นว่ายุคนี้การเมืองแย่ เป็นยุคการเมืองน้ำเน่า จึงอยากถามว่า
ควรเติมอากาศเข้าไปให้ดีขึ้นหรือไม่ และมีบางคนบอกว่าพระพยอมไม่ควรจัดงานนี้ เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่ถ้าจัดงานแล้วทำ
ให้ดีขึ้น จะเสียหายตรงไหน ซึ่งทางวัดสวนแก้วก็ได้ทำมานานกว่า 19 ปีแล้ว ความรู้การเมืองเป็นปัญหาชนิดหนึ่ง ถ้าชาวบ้านโง่
เลือกนักการเมืองแบบไม่มีถ่วงดุล เช่น พื้นที่ภาคเหนือ เป็นของพรรคไทยรักไทย ภาคใต้ เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนี้เวลา
เขาโกงลำไย เราไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ 10 ที่ เขาจะไปตรวจสอบได้อย่างไร การจัดงานครั้งนี้ก็เหมือนกับการเอาออกซิเจนมาเติม
เอาน้ำดีมาเติม เพื่อให้การเมืองดีขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่การเมืองในปัจจุบันต้องการมากที่สุดคือ เรื่องคุณธรรม ถ้าไม่ให้องค์กรทางศาสนาทำให้การ
เมืองมีคุณธรรม แล้วจะให้ใครทำ องค์กรทางศาสนาไม่สามารถกระตุ้นให้คุณธรรมเข้ามาสู่การเมือง หมายความว่า บ้านเมืองละเลย
เรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุด ตนขอย้ำว่า นโยบายวาระประชาชน เพราะเป็นนโยบายที่ทำขึ้นโดยประชาชนและเพื่อประชาชน และยึด
ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ การทำนโยบายใครก็ทำได้ แต่คนทำไม่มีคุณธรรม ไม่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ยึดแต่ผลประโยชน์พวงพ้อง สิ่งดีๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศ สำหรับวาระประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ
1.ฟื้นฟูประชาธิปไตย 2.แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 3. พัฒนาคน และ 4. แก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดย
ในเรื่องการการฟื้นฟูประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้หมายความแค่การเลือกตั้ง หยุดแค่การเลือกตั้ง การฟื้นฟูไม่ใช่เรื่องการเลือกตั้งเสียง
ข้างมากน้อย การเลือก ตั้งที่จะมาถึงต้องรณรงค์ไม่ให้ซื้อสิทธิ์ขายเสียง
พระพยอม ได้สอบถามว่า ที่ผ่านมามีกรณีพระประพฤติผิดเช่น เสพเมถุน ใช้กระดูกเด็กป่นทำจตุคาม จะคุ้มครองศาสนา
จากคนเหล่านั้นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หน้าที่ทำนุบำรุงศาสนา ต้องส่งเสริมให้เข้าใจ ถ้าคนที่มาอาศัยวงการศาสนาหากินทำ
ให้เสื่อมเสีย ซึ่งเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ต้องลงโทษทางอาญา มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง นอกจากพ้นผ้าเหลือง ต้องตามไปลงโทษ
ด้วย
**แนะสมัครเลิกหาเสียงใส่ร้ายป้ายสี
พระพยอมได้ถามอีกว่าหากจะมีการให้สัญญากับประชาชน จะให้สัญญาอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนให้สัญญา
ไม่ได้ เดี๋ยวกกต.จะมาเล่นงานเอา แต่สิ่งหนึ่งที่ทำการเมืองมีหลักคือ ไม่ต้อง สัญญาหรือท้าสาบาน ทุกคำพูดตนต้องรับผิดชอบ
พระพยอม ถามว่า หากเวทีนี้มีนักการเมืองมากันหลายพรรค และ มีนายสมัคร อยู่ด้วย อยากจะพูดอะไรสัก 2-3 คำหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องยกมือไหว้ท่าน เพราะเป็นผู้อาวุโส เมื่อถึงช่วงนี้มีประชาชนที่มาฟังตะโกนหยอกล้อว่า นายสมัคร
ไม่รับไหว้ พระพยอม พูดตัดบทว่า หากไม่รับไหว้ก็กองไว้ตรงนั้นแหละ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ได้แต่ยิ้มๆ ก่อนกล่าวอีกว่า แต่คราวที่
นายสมัครไม่รับไหว้เพราะบอกว่าไม่เห็น แต่คราวนี้ถ้าบอกไม่เห็นไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งควรเสนอทางเลือก
เสนออนาคตให้ประชาชนตัดสินใจ จากวันนี้ใกล้ถึงเลือกตั้ง มาตกลงกันว่า ควรทำการเมืองให้ถูกต้อง อย่าใส่ร้ายป้ายสี อย่าซื้อเสียง
มาแข่งกันบอกประชาชนว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนไม่ใช่ต่างคนต่างพูด มาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน วันนี้เหลือเวลาอีก 1 เดือน
ยังไม่สาย อยากจะชวนหัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาพูดคุยกัน
จากนั้นพระพยอมได้สอบถามถึงแนวทางให้ประชาชนลดละอบายมุข ปัญหา เด็กเร่ร่อน ปัญหาเด็กขายบริการ ยาเสพติด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุด คือรณรงค์ค่านิยมที่ดีให้เด็กเยาวชน ที่ผ่านมาหลายฝ่ายคิด แต่สิ่งที่ไปทำไม่ตรง ไม่เข้าเป้า เช่น
เวลามีโฆษณาหนัง ก็เซ็นเซอร์ แต่คนดูก็ดูออก เพราะฉะนั้นควรณรงค์มากกว่านี้ รวมทั้ง ชักชวนเยาวชนเข้ามาทำกิจกรรม อาทิ เล่น
กีฬา ทำกิจกรรมเพื่อสังคมส่วนรวม
ส่วนปัญหา เด็กเร่ร่อนและขายบริการปัญหาส่วนหนึ่งก็คือขาดผู้ปกครองดูแล แต่ส่วนหนึ่งก็โยงมากับเรื่องการศึกษา เรา
สร้างความกดดันให้กับเด็กในการเรียนรู้ ทำดีมากเกินไปทำให้เกิดการต่อต้าน เด็กต้องแสวงหาความสนุก คึกคะนอง เพราะฉะนั้น
ควรปรับหลักสูตรให้เด็กมีกิจกรรมเพื่อลดปัญหาดังกล่าว โรงเรียนเอาเหตุการณ์ปัจจุบันที่เป็นข่าวมาเป็นวิชา แทนที่จะเรียนในตำรา
อย่างน้อยทุกวันๆ ละครึ่งชั่วโมง ให้เด็กเอาข่าวที่สะท้อนให้เห็นสังคมแต่ละด้านมาเล่น และถกเถียง วิจารณ์ว่าข่าวดังกล่าวเกิดขึ้น
เพราะอะไร ทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้น และสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวจะทำอย่างไรให้อยู่ได้
จากนั้นพระพยอม เสนอว่าจะมีทีวีให้พระนำเสนอช่วยบรรยายแก้ปัญหาให้เยาวชนสักช่องหรือไม่ รวมทั้งอาตมาขอ
เป็นที่ปรึกษาเรื่องอบายมุข นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ให้มาเป็นที่ปรึกษาประจำพรรค แต่จะให้เป็นที่ปรึกษาของแผ่นดิน ส่วนเรื่อง
สื่อต้องจัดสรรเวลาให้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว
ช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้ประชาชนส่งคำถาม ซึ่งก็มีคนถามถึงอนาคตว่าจะมีการปฏิวัติอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
เรื่องนี้ต้องพูดไปถึงเรื่องนิติรัฐด้วย ซึ่งการปฏิวัติทุกครั้ง ที่นำมาเป็นเหตุคือ ข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น ยืนยันการป้องกันการปฏิวัติต้องมี
รัฐบาลที่ซื่อสัตย์ และเป็นประชาธิปไตย คือเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบ และรับรู้ทุกขั้นตอน อย่างโปร่งใส ซึ่งพรรคประชา
ธิปัตย์ ยืนยันว่า การทำงานทางการเมืองจะไม่สมานฉันท์กับความไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าทำผิดแล้วให้ลืมๆ กันไปแล้วมาอ้างความ
สมานฉันท์ ไม่ใช่โจรแล้วจะมาอ้างเป็นพระ ความสมานฉันท์ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่แนวทางนี้ รวมทั้งนักการเมืองต้องมี
คุณธรรม ถ้านักการเมืองไม่มีคุณธรรมก็จะทำให้การเมืองไม่พัฒนาและการฟื้นฟูประชาธิปไตยก็ไม่ก้าวหน้า
ต่อข้อถามเรื่องของหวย ที่มีบางพรรคการเมืองอ้างว่า เพื่อให้มีทุนการศึกษา การยกเลิกทำให้เด็กขาดทุนการศึดษา ซึ่งข้อ
เท็จจริง ทุนการศึกษารัฐบาลปัจจุบันได้จัดทุนให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น ที่อ้างเรื่องหวย ตนเกรงว่าจะไม่จบ เพราะบอกให้
รัฐทำเอง เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะเกิดพนันบอลตามมาอีก ไม่จบ
**ถามพปช.หนุน"สมัคร"เป็นนายกฯหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีโพลของสันติบาล ระบุ พรรคพลังประชาชนได้รับคะแนนเสียงมากกว่าพรรคประชา
ธิปัตย์ว่าโพลของสันติบาล เป็นเพียงการรายงานข้อเท็จจริงให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการสำรวจความคิดเห็น
ประชาชนอย่างแท้จริงและยังไม่สามารถที่จะนำโพลมาตัดสินทำอะไรได้ เพราะยังเหลือเวลาจากวันนี้ถึงวันเลือกตั้งอีก30วัน
ดังนั้นจุดยืนของพรรค คือ การเดินสายชี้แจงทำความเข้าใจนโยบายของพรรค โดยเฉพาะนโยบาย 99 วันกับนโยบายเร่ง
ด่วน เพราะนี่คือจุดยืนของพรรค หากประชาชนเห็นด้วยก็จะทำให้ตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น ดังนั้นใครจะได้เสียง
ข้างมาก ข้างน้อย ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการจับขั้วพรรคการเมืองต่างๆ จัดตั้งรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะมาจับขั้ว ต้องดูหลังวันที่ 23
ธ.ค. เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปโดยธรรมชาติของพรรคการเมืองอยู่แล้ว และขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกพรรคการเมืองใด
พรรคไหนได้รับเลือกตั้งเข้ามามาก ก็ได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชน ขณะนี้ยังไกลเกินไป
ต้องรอผลเลือกตั้งก่อน
เมื่อถามว่ามองความเป็นไปได้ที่จะเกิด"ตาอยู่" ทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเมืองไทย ได้พัฒนาไปมากพรรค
ไหนได้รับเสียงข้างมากจากประชาชน ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาล การที่จะไปวิ่งต่อรองกับพรรคอื่น เพื่อจัดตั้งรัฐบาลตนไม่ทำอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นอันดับ 2 จะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวว่า อย่าเพิ่งใช้คำว่าถ้า เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นทุกพรรคต้องออกมายืนยันจุดยืนให้ชัดเจนก่อนโดยเฉพาะพรรค
พลังประชาชนว่าจะสนับสนุนให้นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้พรรคเรายืนยันมาโดยตลอด และยืนยันว่า
พรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับขั้วกับพรรคพลังประชาชน เพราะอุดมการณ์ของเราแตกต่างกันมาก ถ้าแต่ละพรรคแสดงจุดยืนออกมา
อย่างชัดเจนก็ทำให้ประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
**"หมัก"เปรียบตนเป็นอะแซหวุ่นกี้
สำหรับในช่วงบ่าย พระพยอม ได้ร่วมเสวนากับ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยมีผู้มาร่วมฟังกว่า
1 พันคนเช่นกัน
นายสมัคร กล่าวว่า การที่มีการท้าทายให้ตนออกดีเบตกับพรรคอื่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่มาต่อล้อต่อเถียงกัน แต่ต่างคน
ต่างพูดก็ได้ ที่ตนมาวันนี้เพราะมีคนต้องการตรวจสอบว่านายสมัคร จะเหมาะสมถือหางเสือประเทศนี้ได้หรือไม่ มีคนพวกหนึ่ง
บอกว่าไม่ได้ ซึ่งไม่มีเหตุผล บางคนบอกว่า คนที่เป็นนายกฯ ต้องมีศีลธรรม เป็นคนดี แต่ตนยืนยันว่า ตนเป็นคนดีอะไรไม่ได้ แม้ว่า
ตนจะเคยเป็นลูกศิษย์วัด บ้านอยู่บางลำพู อยู่ข้างวัด และอยู่กับวัดมาตลอด แต่ตนยังไม่ได้บวช เพราะไม่มีเวลาบวช เนื่องจากทำงาน
การเมืองมานานถึง 42 ปี จึงไม่มีเวลา แต่เสร็จภารกิจนี้แล้วถึงจะได้บวช ทีผ่านมาได้ศึกษาหลักของศาสนาพุทธมาพอสมควร คนไทย
สนใจศาสนาน้อยลง แต่คนต่างชาติสนใจมากขึ้น เพราะมีคนมาบวชและศึกษาพร้อมทั้งพิมพ์ คำสอนเป็นภาษาอังกฤษ ประเทศไทย
เป็นศาสนาพุธ แต่ไม่บรรจุพุทธศาสนาไว้ในรัฐธรรมนูญ แถมออกมาด่าพระอีกต่างหาก ว่าไม่สอนประชาชนให้อยู่ในครรลอง
คลองธรรม ตนเป็นคน หนึ่งที่ต้องการให้มีการบรรจุศาสนาพุทธไว้ในรัฐธรรมนูญ เพราะมีประชาชนกว่า 95 % นับถือศาสนาพุทธ
"ช่วงที่ผมไม่พูดก็มีการออกมาด่า มีการออกมาพูดว่า ผมพูดจาสามหาว แค่คนหนังสือพิมพ์รุม เพราะมีคนสั่งให้ทำก็เท่านั้น
มันถามไม่หยุด เราก็ตอบให้หยุด แต่หลังจากนั้นก็ออกมารุมด่า โดยเฉพาะการ์ตูนของหนังพิมพ์ไทยรัฐ กับไทยโพสต์ ออกมารุมด่าผม
เอาให้รู้ เส้นเห็นสันดานกันไปเลย แต่คุณรู้หรือไม่ ทำไมถึงออกมาด่าผม เพราะรู้ว่าท่าทางจะสู้ไอ้ คนนี้ไม่ได้ ถึงออกมาด่า" นาย
สมัครกล่าว เมื่อพระพะยอมถามว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาเรื่องพระนอกรีต อย่าง ไร นายสมัคร
กล่าวว่า ถ้าจับได้ว่าเล่นผู้หญิง เสพเมถุน ก็ต้องให้ติดตะราง 3 ปี หากพระเล่นหวย ถ้าเห็นว่าใบ้หวย หรือเขียนหวยจริง ต้องจำคุก 6
เดือน ส่วนคำว่า เสพเมถุน เป็นคำใน พุทธศาสนา มีการใช้คำนี้กันทั่วไป แต่พอตนเอามาใช้กับผู้สื่อข่าว ก็จะเอากันให้ตาย
พระพะยอมถามว่าหากนายสมัครได้ตั้งรัฐบาล จะดูแลเด็กที่หนีออกจากบ้านแล้วมาขายตัว ออกล่าแต้มอย่างไร นายสมัคร
กล่าวว่า เรื่องในครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะ การอบรมเลี้ยงดูคนในครอบครัวไม่ให้สูบบุรี เที่ยวผู้หญิง เล่นการพนัน พ่อแม่
ตนมีลูก 9 คน ก็สอนกันมาอย่างนี้ตลอด ตั้งแต่คุณปู่คุณย่าไม่มีใครสัมเลเทเมา "ผมเหล้าไม่กิน บุรีไม่สูบ ผู้หญิงไม่เที่ยว ไม่เล่นการ
พนัน แต่ชอบซื้อลอตเตอรี่งวดละใบสองใบ"
ในตอนท้ายพระพะยอม ถามว่าหากนายอภิสิทธิ์ อยู่บนเวทีนี้ด้วย อยากจะพูดอะไรบ้าง นายสมัคร กล่าวว่า การที่ตนไม่
อยากไปดีเบตเพราะพฤติกรรมคนเลือกตั้งแตกต่างกัน 19 เม.ย.49 ตนได้รับเลือกตั้งเป็นส.ว. แต่พอ ถึง 19 ก.ย.49 ถูกปฎิวัติด้วย
อำนาจทหาร การที่ไม่ อยากนั่งเวทีเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ เพราะเกรงว่าจะอดพูดกระทบกระทั่งกันไม่ได้ อาจดูไม่สุภาพ แต่ขอ
เสนอง่ายๆ ใครชอบปฏิวัติก็เลือกฝ่ายนั้นไป แต่ใครไม่ชอบปฏิวัติ ก็เลือกพรรคพลัง ประชาชน
"ผมเปรียบเหมือนอะแซหวุ่นกี้ ทำนายทายทักเจ้าพระยาจักรกรี ตอนที่นายอภิสิทธ์ ขึ้นอภิปรายในสภา ผมก็บอกว่าให้
รักษาตัวให้ดี จะได้เป็นผู้นำประเทศ แต่เขากลับมาว่าผมเป็นยาหมดอายุ ผมก็ตอกกลับไปว่า เขาเป็นมะม่วงจำบ่ม ชิงชุกก่อนห่าม ผมก็
เสียใจ แต่การเมือง เมื่อขึ้นเวทีแล้วก็ต้องแย็บกันคนละหมัด"
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า หากผลการเลือกตั้งออกมา พรรคพลังประชาชน ได้ 230 ที่นั่ง นายบรรหาร ศิลปาชาได้ 30 ที่นั่ง
ถ้านายบรรหารไปรวมกับทางโน้น เขาก็ไม่ให้เป็นนายกน มาทางพลังประชาชน ตนก็ไม่ให้เป็นนายฏน แต่ตนกับนาย บรรหาร ทำ
งานการเมืองด้วยกันมานาน ดังนั้นหากนายบรรหาร มาทำงานกับตน จะไม่สบาย กว่าหรือ และอยากรู้ว่าใครเป็นคนบอกว่า นาย
สมัครเป็นนายกฯไม่ได้ การเลือกตั้งผู้ชนะได้เป็นผู้บริหารบ้านเมือง หากพลังประชาชนจะมาแก้รัฐธรรมนูญที่ใช้ไม่ได้ เพราะรัฐ
ธรรมนูญฉบับเดิมทำไว้ดีแล้ว แต่มาปฏิวัติ และจะเอาให้เขาตายทั้งครอบครัว และบอกว่าคดี อยู่ในชั้นศาล ไม่มีทาง เพราะเป็นได้แค่
พวกแก๊งข้างถนนเท่านั้น
**ย้ำเรื่องศีลธรรมสำคัญไม่แพ้ศก.
จากนั้นพระพยอม ให้สัมภาษณ์ หลังการเสวนาว่า การจัดเสวนาครั้งนี้เพื่อเป็นการกดดันว่านักการเมืองต้องปฏิบัติตาม
ในสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ โดนเฉพาะเรื่องศีลธรรม
เมื่อถามว่านักการเมืองในปัจจุบันมีศีลธรรมพอหรือยัง พระพยอม กล่าวว่า ยัง ต้องอบรม ฝึกฝนอีก เพราะบางพรรค ไม่
พูดเรื่องศีลธรรมเลย ชูนโยบายเฉพาะเรื่องการแก้ไปปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และทหาร จึงอยากให้นักการเมืองเห็นอันตรายที่เน้น
แต่เศรษฐกิจ แต่ไม่แตะศีลธรรม ทำให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ต่างชาติไม่พอใจ ตัดความช่วยเหลือ คนเดือดร้อนคือ ชาวไร่
ชาวนา ทั้งนี้ประชาชนต้องพึ่งตนเองให้มาก จะมัวคิดพึ่งแต่นักการเมือง 100 % ไม่ได้ เพราะนักการเมือง 1-2 ปี ก็ต้องมีการเลือกตั้ง
กันใหม่ เราประชาชน อย่าทำตัวเป็นเหมือนลูกนก ที่อ้าปากแดง หาอาหารไม่เป็น ต้องรอพวกนักการเมืองมา ป้อนอย่างเดียว
**"เหลิม"ปูดโพลเนชั่น พปช.ชนะขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ พรรคพลังประชาชน ได้มีการเปิดปราศรัยใหญ่ที่ หน้าห้างอิมพีเรียล
ลาดพร้าว โดยมีแกนนำมาร่วมจำนวนมาก และมีอดีตกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ รวมทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มา
ร่วมให้กำลังใจด้วย
ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครสส.ระบบสัดส่วน ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพรรคพลังประชาชนจ้าง
ทำโพลว่า ใครจะไปจ้าง เหมือนกับการปราศรัย ประชาชนชอบพรรคไหนก็ไปฟัง ถ้าพรรคขนคนมาฟังคงต้องพิมพ์แบงก์เอง ล่าสุด
ตยรู้มาว่า โพลของเนชั่น สำรจมาว่า พรรคพลังประชาชนชนะประชาธิปัตย์ขาดลอย มีรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน ตัวเลขห่างกัน 45
ที่นั่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองการสลายขั้วของพรรคชาติไทย อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค
ชาติไทย ก็รู้ว่า พปช. จะได้ที่ 1 และเกินครึ่ง ชนะ ปชป. 40-50ที่นั่ง นายบรรหาร ก็เล่นการเมืองมานาน ถือว่าคิดถูกแล้ว การไปหา
เสียงที่อีสาน ถ้าใครด่าพ.ต.ท.ทักษิณ คนก็ไม่มาฟังแล้ว ดังนั้นทุกคนก็ต้องนับญาติกันทั้งนั้น
"พรรคพลังประชาชนมาที่ 1 แน่ ใครก็ขวางไม่อยู่ คุณทักษิณ กับคุณบรรหาร ก็สนิทสนมกันจริง ไปทางโน้นเขาเคยด่า
เสียผู้เสียคน มาทางนี้อบอุ่นกว่า" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช กล่าวปราศรัย ตอนหนึ่งว่า ตนอยากให้ ผบ.ทบ. เรียกทหารหน้าห้อง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล
ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ชื่อพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และตำรวจ ที่ชื่อ สมคิด บุญถนอม ที่เป็นน้องชาย กลับจาก จ.เชียงรายด่วน ไม่
รู้ไปทำงานทางลับ หรือไปทำงานให้กับพรรคการเมืองไหนกันแน่ แต่คนเชียงรายรู้ดี ถ้าปากพูดอย่าง ใจอีกอย่าง ทำอีกอย่าง ชาติจะ
ดีได้อย่างไร และวันที่ 23ธ.ค. นี้ ขอให้พี่น้องออกไปใช้อำนาจประชาชนสั่งสอนพวกเขาด้วย
ต่อมา นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า มีคนมาท้าเหยงๆให้ตนพูด
ถึงนโยบายเศรษฐกิจ ระวังให้ดี เดี๋ยวตนไปแกะสะเก็ดเข้าก็อย่ามาร้องก็แล้วกัน
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า มีคนซึ่งพ่อเป็นนายกฯ ลูกเป็นทหาร ปฏิวัติไม่สำเร็จ เรียกว่าเป็นกบฏ แต่แล้วพ่อก็เอาชื่อลูกเข้า
สภา ขอนิรโทษกรรม สภาก็นิรโทษกรรมให้ ทั้งๆ ที่กบฏ มีความผิดชัดๆ ก็ไม่เป็นไร แต่อดีต กรรมการบริหารพรรค 111 คน ซึ่งไม่ผิด
จะนิโทษกรรมให้ กลับไม่ยอม ตนต้องมีชีวิตอยู่จนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้บ้านเมือง แต่ก็มีการออกมาบอกว่า
ถ้านายสมัครเป็นนายกฯ ทหารจะปฏิวัติอีก แบบนี้จะบ้าหรือเปล่า เพราะทหารที่คิดปฏิวัติ มีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ผบ.ทบ.คนใหม่ ก็ทำไว้ดี
แบบนี้ต้องช่วยกันกอบกู้บ้านเมือง และต้องรีบสั่งการในเรื่องที่นายยงยุทธ์ ออกมาแฉด้วย
**ปชป.พิมพ์วาระประชาชน4 ล้านฉบับ
นาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคได้จัดทำสารพรรคประชาธิปัตย์ ฉบับพิเศษขึ้นมา 4
ล้านฉบับ เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วประเทศ โดยจะเริ่มแจกในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ซึ่งสารประชาธิปัตย์ จะเป็นการบรรจุเรื่องราวเกี่ยว
กับวาระประชาชน โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการเร่งด่วน 99 วันทำได้จริง รวมทั้งข้อความ ระบุว่า "อภิสิทธิ์ ขอชาวไทยให้โอกาส ประ
ชาธิปัตย์นำชาติฝ่าวิกฤติ" "23ธันวา เลือกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล" "สัมผัสโฉม 80 ขุนพลผู้สมัครระบบสัดส่วนพร้อมรายชื่อผู้สมัคร
ส.ส.เขตทั่วประเทศ"
ทั้งนี้ เนื้อหาทั้งหมดในสารพรรคประชาธิปัตย์ จะตอบคำถามของประชาชนที่อยู่ในใจได้ทุกคำถาม ว่า วาระประชาชนที่
ประกาศไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริง เรื่องไหนที่สามารถทำได้ใน 99 วัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็จะมีระยะเวลารวม
ทั้งงบประมาณที่จะใช้ในการทำวาระประชาชนว่าเป็นเงินที่มาจากไหน เป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน หรือเงินกู้ส่วนไหนมาดำเนิน
การ นอกจากนี้สารประชาธิปัตย์ จะเป็นเครื่องยืนยันว่า ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ถ้าประชาชนมอบความไว้วางใจให้พรรคประชาธิปัตย์
ทางพรรคก็พร้อมที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล บริหารประเทศโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
**"พินิจ"ต่อสายแกนนำชาติไทย
รายงานข่าวจากพรรคชาติไทยแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีความพยายามจากนายพินิจ จารุสมบัติ อดีตกรรมการสภานโยบาย และ
ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อแผ่นดิน และอดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน โทรศัพท์ติดต่อมายังแกนนำของพรรคชาติไทย เพื่อขอ
เจรจาในความร่วมมือการหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน โดยให้เหตุผลว่า พื้นที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่พรรคชาติไทย กับพรรคเพื่อแผ่น
ดินไม่มีปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในการส่งผู้สมัครในหลายๆ เขต และผู้สมัครบางคนก็เป็นอดีตสมาชิกพรรคชาติไทย ที่ได้ย้ายพรรคมา
อยู่พรรคเพื่อแผ่นดิน เช่นพื้นที่เขต 3 จ. ศรีสะเกษ ที่มีผู้สมัครของพรรคเพื่อแผ่นดินเบอร์ 1 นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ เบอร์ 2 นาย
ดนัยฤทธิ์ วัชราภรณ์ เบอร์ 3 นายจรุงศักดิ์ อัศวเมธาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้สมัครที่มีฐานเสียงเดิมดี
ดังนั้นจึงจะช่วยกันหาเสียงและประสานนโยบายของทั้ง 2 พรรค ที่มีความคล้ายคลึงกันในการทำงานเพื่อพี่น้องชาวภาค
อีสาน อาทิโครงการระบบชลประทาน โครงการถนนลาดยาง แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร และการประกันราคาพืชผลการเกษตร
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องดังกล่าวผ่านความเห็นของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุวิทย์ คุณกิตติ
หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และสมาชิกพรรคทั้งสองก็จะมีการหารือกันอย่างเป็นทางการต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เดิมทีผู้สมัครของพรรคเพื่อแผ่นดินทั้ง 3 คน เคยมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยแล้ว และจะลง
สมัครในนามพรรคชาติไทย แต่ในระหว่างที่มีกระแสข่าวเรื่องการซื้อตัวส.ส.ให้ย้ายพรรคนั้น ก็ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคชาติไทย
และไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน ทำให้พรรคชาติไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครลงในเขตนี้ และเคยมีการรายงานข่าวด้วยว่า นายบรรหาร เอง
ถึงกับไม่พอใจในการย้ายพรรคของบุคคลดังกล่าว ถึงกับระบุว่าจะไปเปิดเวทีปราศรัยหน้าบ้านผู้สมัครในพื้นที่นี้ถึง 2 รอบด้วย