xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ทุจริตที่โคราชมีน้ำหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กกต.จว.โคราช สรุปความเห็นกรณีพบเงินเตรียมจ่ายปราศรัยหาเสียงมีน้ำหนัก ผอ.กต.เขตประกาศตัดสิทธิผู้สมัครส.ส.ระบบเขตแล้ว 11 คน 10จังหวัด ขณะที่เขต 11 กทม. ส่อถูกตัดสิทธิอีก 9 คน ชท.โดนหมดทั้ง 3 คน ส่วนยอดขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตไม่เป็นทางการพุ่ง 1.8 ล้าน กทม.ครองแชมป์ 8 แสน อำนาจเจริญน้อยสุด 800 คน

พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธาน กกต.จว.นครราชสีมา กล่าวถึงกรณีพบเงินเตรียมทุจริตเลือกตั้งในพื้นที่จ.นครราชสีมา ว่า กรณีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการส่งข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นมาให้ กกต.จังหวัด และทางจังหวัดก็ได้ดำเนินการหาข้อมูล จากนั้นก็ได้มีการประชุมหารือและมีความเห็นเสนอไปยัง กกต.กลางในช่วงบ่ายวานนี้ ( 23พ.ย.) แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากยังอยู่ชั้นความลับ บอกได้เพียงว่า เรื่องดังกล่าวมีน้ำหนัก

จากนี้ไปอยู่ที่การพิจารณาของส่วนกลางว่า เรื่องดังกล่าวกกต.กลางจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบสวนเอง หรือคณะกรรมการสอบสวนร่วมกับระดับจังหวัด อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าคณะกรรมการสอบสวนที่กกต.กลางมีมติแต่งตั้งพ.ต.ท.วิศรุต มีแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย7 สำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 4 เป็นหัวหน้าทีม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก 2 คนได้ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวแล้ว

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวถึงการพบเงินเตรียมทุจริตที่ จ.นครราชสีมาว่าต้องรอดูข้อเท็จจริงให้ยุติก่อน ถึงจะบอกได้ว่าผิดหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนเข้ามาจึงยังให้ความเห็นไม่ได้

อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่าเรื่องการจัดรถเพื่อนำประชาชนไปฟังปราศรัย ไม่เหมือนการจัดรถเพื่อนำคนไปลงคะแนนวันเลือกตั้ง ส่วนบรรทัดฐานของกกต. เรื่องการจัดรถเพื่อนำประชาชนไปฟังปราศรัยนั้นอาจไม่ผิด เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุว่ากระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย ส่วนจะเข้าข่ายการอำนวยความสะดวกเพื่อจูงใจให้ใช้สิทธิหรือไม่นั้น แล้วแต่ว่าจะตีความกว้างไปได้ขนาดไหน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะตีความกฎหมายอย่างแคบ หรืออย่างกว้าง แต่หากเป็นการให้ผลประโยชน์ที่อาจคำนวนเป็นเงินได้ ก็ต้องพิจารณาดูว่าเข้าข่ายหรือไม่

**ตัดสิทธิผู้สมัคร ส.ส.เขตแล้ว 11 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครส.ส.แบบเขตทั่วประเทศนั้น จากการตรวจสอบปรากฏว่า ผอ.กกต.เขต ได้มีการประกาศตัดสิทธิ์ผู้สมัคร เนื่องจากพบว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรคแล้ว ประกอบ ด้วย 1. จ.บุรีรัมย์ เขตเลือกตั้งที่ 2 นายสมศักดิ์ สนิทประโคน เบอร์ 34 พรรคไทยร่ำรวย มีชื่อสังกัดพรรคชาติไทย 2. จ.พิจิตร เขตเลือกตั้งที่ 2 นายสันติ ศรีบาง เบอร์ 7 พรรคไทยร่ำรวย มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคชีวิตที่ดีกว่า

3. จ.เพชรบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1 น.ส.รุ่งทิพย์ ไพสิทธิ์ เบอร์ 2 พรรคคุณธรรม มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคซ้ำกับพรรคประชาธิปัตย์ 4. จ. แพร่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสมาน บุกบั่น เบอร์ 10 พรรคเพื่อแผ่นดิน เนื่องจากมีชื่อซ้ำเป็นสมาชิกพรรคประชากรไทย 5. กรุงเทพมหานคร เขต 3 นายบัญชา ลาดโนนเมือง เบอร์ 30 พรรคไทยร่ำรวย มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชากรไทย

ส่วนที่ผอ.กกต.เขต ประกาศตัดสิทธิเนื่องจากเหตุอื่น ประกอบด้วย 6. จ.ร้อยเอ็ด เขตเลือกตั้งที่ 3 นายไพรวัลย์ ปัตย์ถาทุมภ์ เบอร์ 12 พรรคประชาราช เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้สมัครส.ส.ในระบบสัดส่วน ในกลุ่มจังหวัดที่ 4 พรรคพลังแผ่นดิน 7. จ.สุรินทร์ เขตเลือกตั้งที่ 3 นายสมบูรณ์ แก้วใส เบอร์ 22 พรรคไทยร่ำรวย เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างถูกศาลเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งตามคำสั่งศาล

8. จ.สมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายพูลผล แซ่เลี้ยว เบอร์ 21 พรรคไทยร่ำรวย เนื่องจากพบว่าไม่ได้ถือสัญชาติไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 นายรุ่งเรือง จามวาศรี เบอร์ 5 พรรคประชากรไทย เนื่องจากศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย 9. จ.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 2 นายพลกฤต นิลณิชวรรณ เบอร์ 30 พรรคไทเป็นไท เนื่องจากไม่ได้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา 5 ปี

10 .จ.นนทบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1 นายภทรบท วรวรรณปรีชา เบอร์ 12 พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เหตุเนื่องจากไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินสมัยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด รวมมีผู้สมัครถูกตัดสิทธิ 11 คน ใน 10 จังหวัด

อย่างไรก็ตามในส่วนของกรุงเทพมหานคร ผอ.กต.เขตอาจจะมีการประกาศตัดสิทธิผู้สมัครเพิ่มเติมในเขต 11 เนื่องจากขณะนี้ผอ.กต.เขต .ยังไม่ตัดสินใจ โดยขอรอตรวจสอบข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัครจากพรรคการเมืองก่อน โดยเขต 11 ผู้ที่อยู่ในเขตถูกตัดสิทธิ์เนื่องมีชื่อเป็นสมาชิกเกินกว่า 1 พรรค รวม 9 คน ประกอบด้วย 1.ว่าที่พ.ต.นิพนธ์ ซิ้มประยูร เบอร์ 6 พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชากรไทย 2. นายธนะ สุขสินธารานนท์ เบอร์ 10 พรรคประชาราช มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย 3 นายกฤษณะ ปิยะชื่นทองกุล เบอร์ 12 พรรคประชาราช มีชื่อซ้ำเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 4. นายฮารูน มูหมัดอาลี เบอร์ 13 5. นายสุทัศน์ เพ็ชรกูล เบอร์ 14 6. นายพูลลาภ ยังธินะ เบอร์ 15 จากพรรคชาติไทย มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 7. นายสมาน แสงอ่อน เบอร์ 20 8. นายวิศิษฐ์ ดีเป็นธรรม เบอร์ 21 พรรคเพื่อแผ่นดิน มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน 9. นายอุทัย นามวงศ์ เบอร์ 23 พรรคประชามติ มีชื่อเป็นสมาชิกพรรคนำวิถี

**ขอใช้สิทธินอกเขตเฉียด 2 ล้าน

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.เปิดถึงยอดผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการ หลังจากปิดการรับลงทะเบียนฯไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า จากข้อมูลที่มีการบันทึกแล้ว มีประชาชนมาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดจำนวนถึง 1,891,715 คน โดยกรุงเทพฯ มีจำนวนผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตจังหวัดเป็นอันดับ 1 จำนวน 844,305 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้มาลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดน้อยที่สุด คืออำนาจเจริญ มีประชาชนมาลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตแค่เพียง 865 คนเท่านั้น

ถ้าเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อปี 48 มีจำนวนประชาชนผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดเพียง 348,739 คน ส่วนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ล่าสุดมีจำนวนทั้งสิ้น 78,586 คน ซึ่งในวันที่ 25-27 พ.ย.นี้ ทาง กกต.จะส่งบัตรเลือกตั้งไปยังสถานทูตสถานกงสุล 88 แห่งใน 65 ประเทศ

"จากตัวเลขผู้มาลงทะเบียนนอกเขตจังหวัดเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนมีความสนใจ และตื่นตัวในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากขึ้น" นายสุทธิพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยอดผู้ลงทะเบียนฯขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดนั้น น่าจะมีจำนวนมากกว่า 1.8 ล้านคน เนื่องจากขณะนี้ยังมีเอกสารคำขอลงทะเบียนนอกเขตจังหวัดที่ระดับเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้บันทึกลงในฐานข้อมูลอีกจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น