จีเอฟเอติดลมบนกลยุทธ์ มัลติแบรนด์ พร้อมเดินหน้าปักธงลุยตลาด ชูความแกร่ง เจ้าของแบรนด์ที่หลากหลาย ล่าสุดส่ง 5 แบรนด์ดังเปิดที่ดิอเวนิวพัทยา หวังยึดกุมตลาดฟาสต์ฟู้ด
นายเฟรด โมฮาวาด ประธานกรรมกาบริหาร บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ “มัลติแบรนด์” เป็นหนึ่งในวิธีการรุกตลาดอาหารและเครื่องดื่มหรือฟาสต์ฟู้ดในไทยอย่างเต็มรูปแบบหลังจากช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มทำมาแล้วและประสบความสำเร็จอย่างดี ด้วยการใช้แบรนด์ที่มีหลากหลายของบริษัทฯในการทำตลาดแบบมัลติแบรนด์คือ การเปิดบริการหลายแบรนด์ในทำเลเดียวกันและติดกัน ใช้พื้นที่เฉลี่ย 60 – 300 ตารางเมตร ขึ้นอยู่กับจำนวนร้าน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 6 แบรนด์ที่เปิดบริการแล้วคือ คอฟฟี่เวิลด์ 71 สาขา, เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ 7 สาขา, นิวยอร์คเดลี่ 5 สาขา, พิซซ่าคอร์เนอร์ 5 สาขา, โกลเด้นเพรทเซล 1 สาขาและ โดนัทเบรกเกอร์ 1 สาขา รวมทั้งสิ้น 95 สาขา
ทั้งนี้บริษัทฯมีจุดขายที่เป็นมัลติแบรนด์แล้วมากกว่า 10 แห่ง เช่น ที่ โรบินสันบางรัก มีร้านพิซซ่าคอร์เนอร์และร้านนิวยอร์กเดลี่, ที่ปั๊มน้ำมันปิโตรนาสสาขาถนนศรีนครินทร์มีร้านพิซซ่าคอร์เนอร์และร้านคอฟฟี่เวิลด์, ที่ดิเอสพละนาดมีสามแบรนด์คือ เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ ร้านโดนัทเบรกเกอร์และร้านคอฟฟี่เวิลด์ และล่าสุดเปิดที่ ดิอเวนิวพัทยา ซึ่งมีทั้งหมด 5 แบรดน์เปิดรวมกันคือ คอฟฟี่เวิลด์ เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ พิซซ่าคอร์เนอร์ นิวยอร์กเดลี่ และจุ๊ยส์โซมาเนีย ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่สุด
“ข้อดีของการเปิดแบบมัลติแบรนด์นั้น ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ไม่จำเจ รวมทั้งสามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าด้วย เช่น หากมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งมาหลายคน บางคนชอบทานไอศครีม บางคนอยากทานพิซซ่า บางคนอยากดื่มกาแฟ ก็สามารถเข้ามาในร้านมัลติแบรนด์ของเราได้ ซึ่งหากเราไม่มีบริการแบบนี้ ก็จะเสียโอกาสในการดึงลูกค้าแบบนี้ได้ ซึ่งเรามีความได้เปรียบที่ทำแบบนี้ได้ เพราะเราเป็นเจ้าของแบรนด์เองทั้งหมด และมีหลากหลายแบรนด์ ซึ่งการจะเลือกเปิดร้านใดและกี่ร้าน เราก็จะคำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละทำเลแต่บริษัทฯไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะเปิดสาขามัลติแบรนด์จำนวนเท่าใดในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับการหาทำเลที่ความเหมาะสมเป็นหลัก” นายเฟรดกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดหวังการเติบโตของจำนวนสาขาตามแผนงานระยะยาว 5 ปี ไว้ที่เฉลี่ย 20% ต่อปี ซึ่งในปีนี้เปิดสาขาใหม่รวมกันไปแล้ว 20 แห่ง อีกทั้งจากนี้ไปจะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในรูปลงทุนเองและการขายแฟรนไชส์ ซึ่งตลาดหลักช่วงแรกเช่น อเมริกา จีน ตะวันออกกลาง ขณะนี้มีเปิดบริการบ้างแล้วใน 9 ประเทศทั่วโลก
ช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯมีการเติบโตมากกว่า 45% ส่วนแบรนด์คอฟฟี่เวิลด์นั้นเติบโต 25% ซึ่งเป็นรายได้และแบรนด์หลัก ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะตั้งเป้าสัดส่วนจำนวนสาขาของแฟรนไชส์คอฟฟี่เวิลด์ไว้ที่ 40% และเป็นสาขาของบริษัทฯ 60% โดยเงื่อนไขแฟรนไชส์ ค่าแรกเข้า 6 แสนบาท ค่าก่อสร้าง 1.5-2 ล้านบาท ค่ารอยัลตี้ 6% จากยอดขาย
ล่าสุดในส่วนของแบรนด์คอฟฟี่เวิลด์ ได้จัดแคมเปญ “ยัวร์ ดริ๊ง เดอะ เวย์ ยู ไลค์ อิท” โดยให้ลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมเครื่องดื่มในแบบที่ตนเองชื่นชอบได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งกาแฟธรรมดา หรือกาแฟไร้สารคาเฟอีน กาแฟใส่นม เป็นต้น
นายเฟรด โมฮาวาด ประธานกรรมกาบริหาร บริษัท จีเอฟเอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ “มัลติแบรนด์” เป็นหนึ่งในวิธีการรุกตลาดอาหารและเครื่องดื่มหรือฟาสต์ฟู้ดในไทยอย่างเต็มรูปแบบหลังจากช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มทำมาแล้วและประสบความสำเร็จอย่างดี ด้วยการใช้แบรนด์ที่มีหลากหลายของบริษัทฯในการทำตลาดแบบมัลติแบรนด์คือ การเปิดบริการหลายแบรนด์ในทำเลเดียวกันและติดกัน ใช้พื้นที่เฉลี่ย 60 – 300 ตารางเมตร ขึ้นอยู่กับจำนวนร้าน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 6 แบรนด์ที่เปิดบริการแล้วคือ คอฟฟี่เวิลด์ 71 สาขา, เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ 7 สาขา, นิวยอร์คเดลี่ 5 สาขา, พิซซ่าคอร์เนอร์ 5 สาขา, โกลเด้นเพรทเซล 1 สาขาและ โดนัทเบรกเกอร์ 1 สาขา รวมทั้งสิ้น 95 สาขา
ทั้งนี้บริษัทฯมีจุดขายที่เป็นมัลติแบรนด์แล้วมากกว่า 10 แห่ง เช่น ที่ โรบินสันบางรัก มีร้านพิซซ่าคอร์เนอร์และร้านนิวยอร์กเดลี่, ที่ปั๊มน้ำมันปิโตรนาสสาขาถนนศรีนครินทร์มีร้านพิซซ่าคอร์เนอร์และร้านคอฟฟี่เวิลด์, ที่ดิเอสพละนาดมีสามแบรนด์คือ เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ ร้านโดนัทเบรกเกอร์และร้านคอฟฟี่เวิลด์ และล่าสุดเปิดที่ ดิอเวนิวพัทยา ซึ่งมีทั้งหมด 5 แบรดน์เปิดรวมกันคือ คอฟฟี่เวิลด์ เดอะครีมแอนด์ฟัดจ์แฟคตอรี่ พิซซ่าคอร์เนอร์ นิวยอร์กเดลี่ และจุ๊ยส์โซมาเนีย ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่สุด
“ข้อดีของการเปิดแบบมัลติแบรนด์นั้น ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ไม่จำเจ รวมทั้งสามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าด้วย เช่น หากมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งมาหลายคน บางคนชอบทานไอศครีม บางคนอยากทานพิซซ่า บางคนอยากดื่มกาแฟ ก็สามารถเข้ามาในร้านมัลติแบรนด์ของเราได้ ซึ่งหากเราไม่มีบริการแบบนี้ ก็จะเสียโอกาสในการดึงลูกค้าแบบนี้ได้ ซึ่งเรามีความได้เปรียบที่ทำแบบนี้ได้ เพราะเราเป็นเจ้าของแบรนด์เองทั้งหมด และมีหลากหลายแบรนด์ ซึ่งการจะเลือกเปิดร้านใดและกี่ร้าน เราก็จะคำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละทำเลแต่บริษัทฯไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะเปิดสาขามัลติแบรนด์จำนวนเท่าใดในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับการหาทำเลที่ความเหมาะสมเป็นหลัก” นายเฟรดกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯคาดหวังการเติบโตของจำนวนสาขาตามแผนงานระยะยาว 5 ปี ไว้ที่เฉลี่ย 20% ต่อปี ซึ่งในปีนี้เปิดสาขาใหม่รวมกันไปแล้ว 20 แห่ง อีกทั้งจากนี้ไปจะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในรูปลงทุนเองและการขายแฟรนไชส์ ซึ่งตลาดหลักช่วงแรกเช่น อเมริกา จีน ตะวันออกกลาง ขณะนี้มีเปิดบริการบ้างแล้วใน 9 ประเทศทั่วโลก
ช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯมีการเติบโตมากกว่า 45% ส่วนแบรนด์คอฟฟี่เวิลด์นั้นเติบโต 25% ซึ่งเป็นรายได้และแบรนด์หลัก ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะตั้งเป้าสัดส่วนจำนวนสาขาของแฟรนไชส์คอฟฟี่เวิลด์ไว้ที่ 40% และเป็นสาขาของบริษัทฯ 60% โดยเงื่อนไขแฟรนไชส์ ค่าแรกเข้า 6 แสนบาท ค่าก่อสร้าง 1.5-2 ล้านบาท ค่ารอยัลตี้ 6% จากยอดขาย
ล่าสุดในส่วนของแบรนด์คอฟฟี่เวิลด์ ได้จัดแคมเปญ “ยัวร์ ดริ๊ง เดอะ เวย์ ยู ไลค์ อิท” โดยให้ลูกค้าสามารถเลือกส่วนผสมเครื่องดื่มในแบบที่ตนเองชื่นชอบได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งกาแฟธรรมดา หรือกาแฟไร้สารคาเฟอีน กาแฟใส่นม เป็นต้น