xs
xsm
sm
md
lg

แหกคุกประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ บรรณาธิการโทร.มาขอให้ผมอย่าเพิ่งหยุดเขียน ผมคงสนองศรัทธาไปได้อีกไม่กี่ฉบับ ผมอยากจะแหกคุกประชาธิปไตยให้สำเร็จเสียที ชวนแล้วไม่มีใครเอาด้วยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากลุกฮือหรือระดมกันมาช่วยผมได้ คุกที่ว่านี้อาจจะไม่เพียงแค่ถูกแหกเท่านั้น มันคงจะทลายลงทันตาเห็น

คุกที่ว่านี้มิใช่คุกที่ชื่อว่าประชาธิปไตย แต่มันเป็นคุกที่เอาประชาธิปไตยมาขังไว้ด้วยศิลาแลงกำแพงหนา ที่เรียกว่า การเลือกตั้ง พรรคการเมือง รัฐสภา และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกคนคงจะจำได้ว่า นายเสนาะ เทียนทอง ให้สมญา ส.ส.พรรคไทยรักไทยสมัยนั้นว่า “เหมือนคนคุก” เป็นอีบ้าไอ้ใบ้ ขยับตัวทำอะไรไม่ได้เลย คนพวกนี้แหละที่กำลังจะเสนอตัวเข้ามาแก้ปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

แน่นอนที่สุด การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สมประกอบ เพราะรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งไม่สมประกอบ พรรคการเมืองและกฎหมายพรรคการเมืองไม่สมประกอบ อำนาจและกลไกของรัฐที่จะควบคุมให้การเลือกตั้งสุจริตยุติธรรม ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ไม่สมประกอบ

เมื่อเลือกเสร็จแล้ว รัฐบาลที่ได้มาก็จะไม่สมประกอบ จับเอาประชาธิปไตยมาใส่คุก แล้วแล่เนื้อเถือหนังกินประชาธิปไตยเป็นอาหารอีกเหมือนกับที่เคยเป็นมา

การเลือกตั้งครั้งนี้ ก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง การต่อสู้ของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ส่วนมากไม่สมประกอบนี้ ก็คงจะใช้วิชามารวิธีการนอกแบบ คือ เงิน การโกหกคำโตโอ่นโยบายการตลาด สาดโคลนใส่กันเสียมากกว่าอย่างอื่น เลือกตั้งเสร็จแล้ว การบริหารราชการก็คงจะเป็นไปตามครรลองเดิมๆ เพราะองค์ประกอบต่างๆ ก็ยังเหมือนเดิมขาดแต่หัวหน้าใหญ่คนเดียวเท่านั้น

ที่ว่าเป็นอย่างเดิมนั้นเป็นอย่างไร ก็คือ การบริหารที่ไม่จำเป็นต้องยึดหลักกฎหมาย ให้คอยฟังแล้วแต่หัวหน้าจะสั่ง อยากจะใช้เงินอย่างไรก็ใช้โดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย อยากจะหาเงินอย่างไรก็หา โดยไม่คำนึงถึงจริยธรรม ครั้นมีคำถามเกี่ยวกับการทุจริตคดโกงตั้งเกือบห้าสิบคำถามก็ไม่ต้องตอบ ถามมากก็ยุบสภา จะได้ไม่ต้องถามอีก เพราะประชาชนตอบแทนแล้วโดยการเลือกเข้ามาใหม่ มีคำถามเรื่องฆ่าคนตายหลายพันโดยไม่ผ่านขบวนการยุติธรรม ก็ไม่ต้องตอบ กลับย้อนถามสังคมไปอีกว่า ไอ้พวกค้ายาบ้าให้มันตายไปให้หมดยังไม่ดีอีกหรือ หรือไม่ทำสัญญาการค้าเสรีกับต่างประเทศก็ไม่ต้องผ่านสภาหรือพระปรมาภิไธยก็ได้ ถึงชาวนาชาวสวนจะล้มละลายเพราะผลไม้พืชพรรณจากจีนแดงราคาถูกๆ ทะลักเข้ามาตีก็ไม่เป็นไร เพราะไทยขายหรือให้จีนเช่าดาวเทียมของเราคุ้มอยู่แล้วดังนี้ เป็นต้น

เลือกตั้งคราวนี้ เป็นขบวนการต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มต้นมาจากการยุบสภาฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 - การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน 2549 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งถามว่า อย่างนี้เป็นประชาธิปไตยหรือ ในที่สุดศาลสั่งให้เป็นโมฆะ และมีการพิพากษายุบพรรค จนกระทั่งมีการปรากฎตัวใหม่ของผู้นำ ส.ส.และสมาชิกเดิมของพรรคที่แปลงกายมาอยู่ในพรรคใหม่ เพื่อต่อสู้กลับเข้ามาสู่วิถีการเมืองที่ประกาศเปิดเผยว่า “แบบเดิม (ต้นตำรับ)” ได้แก่ พรรคพลังประชาชน ซึ่งเซ้งมาจากเจ้าของเดิมในเดือนกรกฎาคม 2550 ส่วนอีก 3 พรรคใหญ่ที่มีหัวหน้าคนสำคัญ หรือ ส.ส.จากพรรคเดิมเห็นได้ชัด คือ พรรคแผ่นดินไทย มัชฌิมาธิปไตย รวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งมีอายุถึงวันสมัครรับเลือกตั้งเพียง 2 เดือน เพราะพึ่งจดทะเบียนในเดือนตุลาคม 2550 ทั้ง 3 พรรค

นี่คือความพยายามที่จะกลับไปสู่สถานภาพเดิมก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ประชาชนทั่วไปไม่รู้ว่าประชาธิปไตยถูกจับไปขังคุก เพราะผู้คุมเอาทั้งฝิ่น ทั้งกัญชามาแจก ตราบใดที่ยังมีสูบก็ครึ้มอกครึ้มใจ พอมีคนมาถอนบ้องออกจากปากก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมพูดมามากแล้ว หากท่านไม่เชื่อข้อสรุปต่อไปนี้ของผม ก็ไม่เป็นไรลืมเสียเถิด แต่ถ้าหากลืมไม่ได้ เพราะยังรู้ตัวว่าเรามีหน้าที่รักในหลวง ห่วงเมืองไทย ไยดีลูกหลาน ก็กรุณากลับไปอ่านบทความต้นๆ ของผมอีก

ผมขอสรุปว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะพาบ้านเมืองไปสู่หายนะไม่เร็วก็ช้า จากวันนี้ไปจะมีปัญหาและการต่อสู้ดุเดือดวุ่นวาย จบแล้วจะไม่จบ จนกระทั่งเราจะต้องนองเลือด และคอยการกลับมาของวงจรอุบาทว์อีก

นักการเมืองอาวุโส อดีตนายทหารใหญ่ และนักวิชาการ นักวิเคราะห์ชั้นนำ ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันทั้งสิ้นว่าไม่พึงปรารถนา น่ากลัว แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องคอยให้เกิดจลาจลวุ่นวายเสียก่อน ทหารอาจจะออกมาช่วยหรือซวยกว่านั้นคือ เกิดการนองเลือด ในหลวงก็คงจะทรงพระเมตตา

คิดได้แค่นี้ละหรือ คนไทยและเมืองไทยสิ้นคิดแล้วหรือ ผมว่าไม่ใช่
ผมว่า ถ้าหากเรารู้อยู่แล้วว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ผิด เราก็แก้ได้ แทนที่จะคอยให้ฆ่ากัน หรือคอยให้ศาลสั่งเป็นโมฆะทีหลัง

วิธีการแก้ผมบอกแล้วว่า ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์คืออำนาจปกครองสูงสุด (ซึ่งขณะนี้พลเอกสนธิถวายคืนให้ในหลวง ในนามของปวงชน) สั่งให้ฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาล แก้พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปอีก 6 เดือนหรือ 1 ปี หรือไม่ รัฐบาลหรือประชาชนพึ่งอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของในหลวง รักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้ และแก้เฉพาะบทเฉพาะกาลเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ( มิใช่น้อยลงอย่างในบทเฉพาะกาลปัจจุบัน)

วิธีที่จะทำให้มีประชาธิปไตยมากขึ้น ย่อมมิใช่การใช้อำนาจเผด็จการหรือการแต่งตั้ง หรือการเลือกตั้งที่ไม่สมประกอบ แต่เป็นการพึ่งพระราชอำนาจตามจารีตและครรลองประชาธิปไตยทำให้เกิดสภานิติบัญญัติชั่วคราว วุฒิสภาชั่วคราว และรัฐบาลชั่วคราว ที่มีฐานมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากปวงชน

ทั้งนี้ โดยไม่จำเป็นจะต้องมีการปฏิวัติยึดอำนาจ การชุมนุมเดินขบวนเรียกร้อง หรือการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้สับสนอลหม่านแต่อย่างใดเลย ผมเคยเสนอทางออกไว้ตั้งแต่ก่อนยุค รสช.ด้วยซ้ำไป

มีผู้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม แต่เป็นนักการเมืองอาวุโสและปูชนีย์ท่านหนึ่งของเมืองไทย ส่งข้อเขียนมาให้ผม ผมเห็นว่าเป็นวิธีแหกคุกประชาธิปไตยแบบหนึ่ง ในกรณีที่จะต้องมีการเลือกตั้ง ดังนี้

วิธีของท่านผู้นี้นุ่มนวลคล้ายๆ กับจะแนะว่า ถ้าหาคนดีไม่ได้พวกเราก็พากันไปลงโนโหวตให้มากๆ หรือไม่ก็เลือกพรรคที่เราเห็นว่าเลวน้อยที่สุด (เช่น ประชาธิปัตย์?) แต่ถ้าจะให้ดีเราเอาอย่างญี่ปุ่น หรือพ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ คือรวบรวมรายชื่อผู้สมัครเลวและพากันเคลื่อนไหวโฆษณาประจานให้สังคมรู้ พากันขับให้ตกเวทีไปเลย ทั้งนั้นและทั้งนี้ จะต้องเอาชนะความโลภของผู้เลือกตั้ง 67% ที่ตอบโพลว่าเตรียมพร้อมที่จะขายคะแนน
มีท่านผู้อ่าน ส่งกระดาษหนึ่งแผ่นมาตามที่ผมขอ ผมคิดว่าถ้ามีกระดาษอย่างนี้สัก 5 หมื่นแผ่นขึ้นไป เราจะทลายคุกขังประชาธิปไตยได้สำเร็จ โปรดดูตัวอย่าง

ผมเชื่อว่าคนไทยที่จงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมที่จะเป็นประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่พลเมืองดี โดยเป็นภาระให้กับผู้อื่น เช่นเดียวกับท่านผู้นี้ต้องมีมากกว่า 5 หมื่นแน่ๆ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ หากเห็นด้วยกับผม และคุณวีรา ชัยฤทธิชัย จากปากช่อง เพื่อ กรุณาส่งมาตามตัวอย่างทางไปรษณีย์ที่

“สมัชชาประชาธิปไตย” ตู้ ปณ.ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก กทม.10302

โปรดอย่าหวังว่าเราจะได้ประชาธิปไตยจากการแบมือขอ เราต่างหากจะต้องช่วยกันสร้างประชาธิปไตยขึ้นมา
กำลังโหลดความคิดเห็น