ผู้จัดการรายวัน – เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเกมรุก ขยายฐานตลาดทั่วโลก รวมทั้งตลาดไทย งัดกลยุทธ์หลักๆ ทั้งเพิ่มช่องทางออกอากาศ เจรจาฟรีทีวี เพิ่มรายการขยายกลุ่มอายุ 25-35 ปี พร้อมทั้งลุยสื่อ อินเทอร์เน็ต ระบบดีวีบีเอช ปรับเว็บไซต์ใหม่
นายฤทธิชาติ ศิลารักษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการจัดจำหน่าย เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล เอเชีย ซึ่งรับผิดชอบดูแลตลาดฮ่องกงและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล อินเตอร์เนชั่นแนล (เอ็นจีซีไอ/NGCI) มีนโยบายที่จะขยายฐานจำนวนผู้ชมรวมทั้งขยายช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในตลาดโลกและตลาดภาพพื้นต่างๆ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งเช่นกันในการที่จะขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น
ปัจจุบันตลาดของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ในไทยยังเล็กอยู่มาก โดยเป็นการออกอากาศผ่านทางเคเบิ้ลทีวีของยูบีซีเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะมีสมาชิกผู้ชมประมาณ 4-4.5 แสนราย จากจำนวนสมาชิกของยูบีซีที่มีประมาณ 5.5 แสนราย จากจำนวน 18 ล้านครัวเรือนที่มีเครื่องรับโทรทัศน์ ซึ่งยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกันเช่น ประเทศมาเลเซีย มีผู้ชมประมาณ 2 ล้านราย จากจำนวนครัวเรือนที่มีเครื่องรับโทรทัศน์มากกว่า 5 ล้านครัวเรือน ส่วนตลาดที่ใหญ่รองลงมาคือ ฮ่องกง (มีผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีจำนวน 4 ราย)
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักๆที่จะขยายฐานตลาดในไทยคือ 1.การเพิ่มช่องทางในการออกอากาศ ขณะนี้มีเพียงทางยูบีซีเท่านั้นเอง โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับทางผู้ประกอบการฟรีทีวีเพื่อที่จะนำรายการเข้าไปฉาย ซึ่งในอดีตเคยฉายในช่อง 9 และช่อง 5 มาแล้ว โดยผ่านทางบริษัท เน็กซ์สเต็ปท์ที่เป็นผู้เช่าเวลา ส่วนครั้งนี้บริษัทฯมีแนวคิดที่จะตัวทีมขายโฆษณาขึ้นมาดำเนินการเองด้วย
2.การเพิ่มช่องรายการ ขณะนี้มี 2 ช่องรายการในยูบีซีคือ ช่องหลัก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล และช่องแอดเวนเจอร์วัน ขณะที่บริษัทมีทั้งหมด 5 ช่อง โดยที่อีก 3 ช่องเพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศไม่นานนี้เช่น ช่อง NAT GO WILD เปิดตัวที่ฮ่องกงปีที่แล้ว อยู่ระหว่างเจรจาที่จะเข้ามาในไทย อีก 2 ช่องคือ ช่องเฮชดีชาแนล เปิดบริการแล้วที่สิงคโปร์ และตามด้วยฮ่องกงปลายปีนี้ ช่องแนทจีโอมิวสิคเปิดตัวที่ยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว จะให้บริการที่มาเลเซียต้นปีหน้า ซึ่งรอจังหวะที่จะนำเข้ามาในไทย
3.การขยายฐานกลุ่มผู้ชมในช่วงอายุ 25-35 ปีให้แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเป็นฐานใหญ่ จากเดิมที่กลุ่มคนดูหลักจะค่อนข้างกว้าง โดยการเพิ่มรายการที่ตรงกับความต้องกาของคนกลุ่มนี้ เช่น รายการประเภทไลฟ์สไตล์ รวมทั้งการขยายช่องทางในการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มนี้เช่น ทางอินเทอร์เน็ต ทางมือถือ หรือทาง ระบบดีวีบีเอช ซึ่งถือเป็นเครื่องมือในการสื่อสารของคนรุ่นใหม่
“ตรงนี้เราคงต้องรอความชัดเจนจากทางรัฐบาลถึงระบบ 3จีหรือระบบใหม่ต่างๆ เพราะถ้าหากมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะพัฒนาอย่างไร เราก็คงสามารถวางแผนทำได้ แต่ผมว่าตอนนี้เราไม่ต้องไปรอ 3จี แล้ว เพราะต่างประเทศทำกันมานานและจะเลิกกันแล้ว เพราะมีระบบใหม่เช่น ดีวีบีเอช ซึ่งที่ผ่านมาเราก็มีการพูดคุยกับทางผู้ประกอบการมือถือหลายราย เช่น เอไอเอส ดีแทค ทรู แต่ก็ยังไม่ได้มีการสรุป”
นายฤทธิชาติกล่าวต่อว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ โดยจะมีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมด้วย จะมีการสร้างเป็นเซ็คชั่นเช่น วิดีโอ ที่สามารถดาวน์โหลดได้ เราจะทำให้เปิดการแอคทีฟมากขึ้น คาดว่าในเบื้องต้นนี้ประมาณไตรมาสที่สองปีหน้าจะเริ่มเห็นผลได้ชัดเจน
ในอนาคตทางบริษัทฯมีนโยบายที่จะขยายช่องใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย หรืออาจจะเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทำตลาดแล้วฉายอยู่ในรายการช่องเดิมที่มีอยู่ เช่น ขณะนี้เริ่มพัฒนา ช่อง แนทจีโอจูเนียร์ ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะ โดยอยู่ระหว่างการทดลองออกอากาศในละตินอเมริกา แต่ยังเป็นแค่บล็อกในช่องหลักเดิม
สำหรับการขยายฐานตลาดด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ คาดว่าจะทำให้ฐานผู้ชมเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกในไทยเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามากน้อยเท่าใด ซึ่งจะทำให้ตลาดในประเทศไทยใหญ่ขึ้นและมีบทบาทมากขึ้นกว่าทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบัน ตลาดไทยยังเล็กมาก โดยเมื่อพิจารณาจาก ผลประกอบการของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกในตลาดทั่วโลก ที่มีผู้เป็นสมาชิกของช่องมากกว่า 230 ล้านราย ใน 163 ประเทศ ให้บริการในเกือบทุกทวีปกว่า 27 ภาษา โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีกำไรประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรายได้ที่มาจากเอเซียมีสัดส่วนประมาณ 20% โดยที่งบการตลาดของฮ่องกงและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มีประมาณ 2 ล้านเหรียญเท่านั้น
นายฤทธิชาติ ศิลารักษ์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการจัดจำหน่าย เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล เอเชีย ซึ่งรับผิดชอบดูแลตลาดฮ่องกงและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล อินเตอร์เนชั่นแนล (เอ็นจีซีไอ/NGCI) มีนโยบายที่จะขยายฐานจำนวนผู้ชมรวมทั้งขยายช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในตลาดโลกและตลาดภาพพื้นต่างๆ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งเช่นกันในการที่จะขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น
ปัจจุบันตลาดของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ในไทยยังเล็กอยู่มาก โดยเป็นการออกอากาศผ่านทางเคเบิ้ลทีวีของยูบีซีเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะมีสมาชิกผู้ชมประมาณ 4-4.5 แสนราย จากจำนวนสมาชิกของยูบีซีที่มีประมาณ 5.5 แสนราย จากจำนวน 18 ล้านครัวเรือนที่มีเครื่องรับโทรทัศน์ ซึ่งยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยกันเช่น ประเทศมาเลเซีย มีผู้ชมประมาณ 2 ล้านราย จากจำนวนครัวเรือนที่มีเครื่องรับโทรทัศน์มากกว่า 5 ล้านครัวเรือน ส่วนตลาดที่ใหญ่รองลงมาคือ ฮ่องกง (มีผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวีจำนวน 4 ราย)
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักๆที่จะขยายฐานตลาดในไทยคือ 1.การเพิ่มช่องทางในการออกอากาศ ขณะนี้มีเพียงทางยูบีซีเท่านั้นเอง โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับทางผู้ประกอบการฟรีทีวีเพื่อที่จะนำรายการเข้าไปฉาย ซึ่งในอดีตเคยฉายในช่อง 9 และช่อง 5 มาแล้ว โดยผ่านทางบริษัท เน็กซ์สเต็ปท์ที่เป็นผู้เช่าเวลา ส่วนครั้งนี้บริษัทฯมีแนวคิดที่จะตัวทีมขายโฆษณาขึ้นมาดำเนินการเองด้วย
2.การเพิ่มช่องรายการ ขณะนี้มี 2 ช่องรายการในยูบีซีคือ ช่องหลัก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ชาแนล และช่องแอดเวนเจอร์วัน ขณะที่บริษัทมีทั้งหมด 5 ช่อง โดยที่อีก 3 ช่องเพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศไม่นานนี้เช่น ช่อง NAT GO WILD เปิดตัวที่ฮ่องกงปีที่แล้ว อยู่ระหว่างเจรจาที่จะเข้ามาในไทย อีก 2 ช่องคือ ช่องเฮชดีชาแนล เปิดบริการแล้วที่สิงคโปร์ และตามด้วยฮ่องกงปลายปีนี้ ช่องแนทจีโอมิวสิคเปิดตัวที่ยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว จะให้บริการที่มาเลเซียต้นปีหน้า ซึ่งรอจังหวะที่จะนำเข้ามาในไทย
3.การขยายฐานกลุ่มผู้ชมในช่วงอายุ 25-35 ปีให้แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเป็นฐานใหญ่ จากเดิมที่กลุ่มคนดูหลักจะค่อนข้างกว้าง โดยการเพิ่มรายการที่ตรงกับความต้องกาของคนกลุ่มนี้ เช่น รายการประเภทไลฟ์สไตล์ รวมทั้งการขยายช่องทางในการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มนี้เช่น ทางอินเทอร์เน็ต ทางมือถือ หรือทาง ระบบดีวีบีเอช ซึ่งถือเป็นเครื่องมือในการสื่อสารของคนรุ่นใหม่
“ตรงนี้เราคงต้องรอความชัดเจนจากทางรัฐบาลถึงระบบ 3จีหรือระบบใหม่ต่างๆ เพราะถ้าหากมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะพัฒนาอย่างไร เราก็คงสามารถวางแผนทำได้ แต่ผมว่าตอนนี้เราไม่ต้องไปรอ 3จี แล้ว เพราะต่างประเทศทำกันมานานและจะเลิกกันแล้ว เพราะมีระบบใหม่เช่น ดีวีบีเอช ซึ่งที่ผ่านมาเราก็มีการพูดคุยกับทางผู้ประกอบการมือถือหลายราย เช่น เอไอเอส ดีแทค ทรู แต่ก็ยังไม่ได้มีการสรุป”
นายฤทธิชาติกล่าวต่อว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ โดยจะมีพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมด้วย จะมีการสร้างเป็นเซ็คชั่นเช่น วิดีโอ ที่สามารถดาวน์โหลดได้ เราจะทำให้เปิดการแอคทีฟมากขึ้น คาดว่าในเบื้องต้นนี้ประมาณไตรมาสที่สองปีหน้าจะเริ่มเห็นผลได้ชัดเจน
ในอนาคตทางบริษัทฯมีนโยบายที่จะขยายช่องใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย หรืออาจจะเป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาทำตลาดแล้วฉายอยู่ในรายการช่องเดิมที่มีอยู่ เช่น ขณะนี้เริ่มพัฒนา ช่อง แนทจีโอจูเนียร์ ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะ โดยอยู่ระหว่างการทดลองออกอากาศในละตินอเมริกา แต่ยังเป็นแค่บล็อกในช่องหลักเดิม
สำหรับการขยายฐานตลาดด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ คาดว่าจะทำให้ฐานผู้ชมเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกในไทยเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามากน้อยเท่าใด ซึ่งจะทำให้ตลาดในประเทศไทยใหญ่ขึ้นและมีบทบาทมากขึ้นกว่าทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบัน ตลาดไทยยังเล็กมาก โดยเมื่อพิจารณาจาก ผลประกอบการของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกในตลาดทั่วโลก ที่มีผู้เป็นสมาชิกของช่องมากกว่า 230 ล้านราย ใน 163 ประเทศ ให้บริการในเกือบทุกทวีปกว่า 27 ภาษา โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีกำไรประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรายได้ที่มาจากเอเซียมีสัดส่วนประมาณ 20% โดยที่งบการตลาดของฮ่องกงและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มีประมาณ 2 ล้านเหรียญเท่านั้น