ศูนย์ข่าวขอนแก่น – ตลาดโลตัสใช้กลยุทธ์ดัมป์ราคาเข่นฆ่าผู้ค้าท้องถิ่นอำเภอพลเจ๊งระนาว ร้านโชวห่วย/เขียงหมู/ค้าผักสด/ปลาสด/จนถึงร้านขายเสื้อผ้า ยอดขายลดฮวบ ผู้ค้าเริ่มท้อใจระบุปิดกิจการดีกว่าทนขาดทุน บางราย ต้องกู้เงินนอกระบบใช้หมุนเวียนกิจการ ทั้งเล็งหาอาชีพอื่นแทน ด้านชมรมผู้ค้าปลีกขอนแก่นฯ จี้หยุดขยายสาขา ก่อนล่มสลายทั้งประเทศ แนะผู้ค้าท้องถิ่นอำเภอที่ยังไร้เงาเทสโก้ฯ รวมพลังต่อสู้กับห้างยักษ์ถึงที่สุด
จากการที่ห้างเทสโก้ โลตัส ทุนค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ รุกขยายสาขาแบบไม่ลืมหูลืมตา นอกจากสาขาระดับจังหวัดครอบคลุมทั้งประเทศแล้ว ยังรุกขยายสาขาถึงระดับอำเภอที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ราคา บวกรูปแบบโมเดิร์นเทรด และการประชาสัมพันธ์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าย่อมกระทบกิจการรายย่อยท้องถิ่นหลายประเภท เผชิญกับยอดขายตก ประสบปัญหาขาดทุน จนต้องล้มเลิกกิจการแล้วจำนวนมาก
ล่าสุดพื้นที่อ.พล จ.ขอนแก่น เป็นอีกพื้นที่ที่เทสโก้ โลตัส รุกขยายสาขาระดับอำเภอ หลังจากที่โลตัส เปิดสาขาระดับจังหวัดที่ขอนแก่นไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน โดยสาขา อ.พล เปิดดำเนินงานเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 50 ในรูปแบบ “ตลาดโลตัส” บนพื้นที่รวม 9 ไร่ ริมถนนมิตรภาพ ในเขตเทศบาลเมืองพล จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่าผู้ประกอบการรายย่อยต่างประสบปัญหา ยอดขายลดลงกันถ้วนหน้า
***โชวห่วยท้อถูกห้างยักษ์ดึงลูกค้า
นายชุมพล สุภวัฒนากูล เจ้าของร้าน “มิตรมงคล” ร้านโชวห่วยที่เปิดดำเนินงานมาหลายสิบปี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ ตลาดโลตัส เปิดดำเนินงานเมื่อต้นปีนี้ ส่งผลกระทบกับกิจการโชวห่วยครอบคลุมทั้งเขตเทศบาล เฉพาะร้านมิตรมงคล มียอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงอย่างฮวบฮาบ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เคยอุดหนุน เปลี่ยนไปเดินห้างชอปปิ้ง ทำให้ยอดขายร้านโชวห่วยตกไม่น้อยกว่า 35% จากช่วงปกติ
กลุ่มลูกค้าที่หายไปมากที่สุด คือ กลุ่มลูกค้าวัยรุ่น กลุ่มลูกค้าวัยทำงาน กลุ่มข้าราชการ ที่มักมีพฤติกรรมชอบเดินห้าง ชอบความสะดวกสบาย และที่สำคัญตลาดโลตัส มีเครื่องมือตลาดเหนือกว่า ชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิต หรือผ่อนสินค้าดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งผู้ค้าย่อยท้องถิ่นไม่มี ส่วนการปรับตัวของร้านโชวห่วยขณะนี้ ได้เพิ่มสินค้าเข้ามาจำหน่ายให้หลากหลายขึ้น ทั้งปรับราคาสินค้าลงให้สามารถแข่งขันได้ แต่ก็มีข้อจำกัดต้นทุนที่ยังสูงกว่ามาก
แม้ว่า ตลาดโลตัส สาขาอ.พล จะเปิดดำเนินงานยังไม่ครบขวบปี แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นรุนแรงมาก ณ เวลานี้ มีร้านโชวห่วยปิดกิจการไปบ้างแล้ว ทั้งที่เป็นกิจการที่สืบทอดมาเป็นเวลานาน หลายชั่วอายุคน โดยเฉพาะร้านโชวห่วยที่มีคนสูงอายุดูแลร้านกันตามลำพังนั้น เมื่อยอดขายตกมาก จึงเกิดความท้อใจ เลือกปิดกิจการดีกว่าต้องทุนกับภาวะขาดทุน
***เขียงหมูครวญยอดขายตกเหลือแค่วันละตัว
นางสุนีย์ ฝักใฝ่ขวัญ เจ้าของกิจการเขียงหมู ในตลาดสดเทศบาลเมืองพล กล่าวว่า ตั้งแต่โลตัส เปิดดำเนินงานมานั้น กระทบกับกิจการจำหน่ายเนื้อหมูสดในตลาดสูงมาก เพราะตลาดโลตัส จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสด ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูสดด้วย โดยนำเนื้อหมูชำแหละมาจากจ.นครราชสีมา ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญช่วงเปิดตัว จะเน้นขายราคาต่ำ ควบคู่บรรจุภัณฑ์ที่น่าสนใจ และกระจายโปรโมชั่นถึงตัวลูกค้าเป็นระยะ
ทั้งนี้ราคาจำหน่ายเนื้อแดง ผู้ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองพลจำหน่ายราคากิโลกรัมละ 90 บาท แต่โลตัส กลับขายต่ำกว่าเพียงแค่กิโลกรัมละ 70 บาท โดยเฉพาะช่วงเลหลังผลิตภัณฑ์อาหารสด ก่อนอาหารจะหมดอายุ โลตัส ดั๊มป์ราคาลงต่ำมาก จนกระทบผู้ค้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์อาหารสดอื่น
สาเหตุที่โลตัส สาขาอ.พล ใช้กลยุทธ์ดั๊มป์ราคา เชื่อว่า ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมซื้อเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์อาหารสดประเภทอื่น จากเดิมที่ลูกค้าอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่นเดียวกัน เปลี่ยนมาซื้ออาหารสดในห้างแทน ประกอบกับอยู่ช่วงเริ่มต้นเปิดดำเนินงาน จึงใช้ราคาต่ำ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แผ่นพับเข้าถึงตัวลูกค้า กระตุ้นความสนใจลูกค้าเป้าหมายเข้าไปอุดหนุน
“ผลที่เกิดขึ้น สภาพตลาดบริเวณเขียงหมู ภายในตลาดสดเทศบาลเมืองพล เงียบกว่าปกติ มีลูกค้าเข้ามาซื้อเบาบาง ยอดขายเนื้อหมูตกลงมาก เฉพาะเขียงหมูของตน มียอดขายเนื้อหมูเหลือเพียงวันละ 1 ตัว หรือหากเป็นช่วงขายดี อย่างมากก็ไม่เกิน 2 ตัว ทั้งที่ก่อนหน้าจะมีตลาดโลตัส ขายเนื้อหมูได้ถึงวันละ 5-6 ตัว”นางสุนีย์กล่าว
เธอบอกว่า ยอดขายเนื้อหมูมีน้อย ไม่คุ้มต้องทนเฝ้าเขียง รอขายเนื้อหมูตลอดทั้งวัน ผู้ค้าเนื้อหมูบางราย ขาดแรงจูงใจที่จะทำการค้าได้ จึงเลือกเปิดเขียงบ้าง ปิดบ้าง ให้สอดคล้องกับสภาพตลาด และไม่ต้องแข่งขันกันเองระหว่างผู้ค้าหมูในตลาดเดียวกัน ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นไปในลักษณะนี้เชื่อว่า จะต้องมีผู้ค้าเนื้อหมูเลิกกิจการแน่
*** แม่ค้าผัก/ปลาสดโอดกำไรไม่พอยาไส้วิ่งกู้หนี้
ด้านนางมา แสงสุข เจ้าของแผงขายผักสดภายในตลาดสดเทศบาลเมืองพล กล่าวว่า ตั้งแต่โลตัสเปิดดำเนินงาน พร้อมกับนำผักสดบรรจุถุงขึ้นห้างขายแข่ง ทำให้แผงขายผักสดของตน มียอดขายตกไปมาก ซึ่งเดิมเคยขายผักสดได้ประมาณวันละ 1,000 บาทขึ้นไป แต่ขณะนี้ยอดขายลดเหลือไม่ถึงพันบาท บางวันขายได้แค่วันละ 400-500 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มกับต้นทุนซื้อผักวันละ 600-700 บาทด้วยซ้ำ
การค้าผักสด เป็นสินค้าเน่าเสียเร็ว หากขายไม่ดี ก็เสี่ยงขาดทุน ยอดขายที่ลดลง ทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียนการค้า ไม่พอใช้จ่ายเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว ต้องกู้เงินจากนายทุนนอกระบบ ยอมเสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 มาหมุนเวียนการค้าและเลี้ยงครอบครัว ในระยะที่การค้าฝืดเคือง
เช่นเดียวกับแม่ค้าปลานิลสด ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน การค้าปลานิลสด ยอดขายตก อย่างน่าตกใจ จากปกติเคยขายปลานิลได้ประมาณวันละ 100 กิโลกรัมขึ้นไป แต่หลังจากที่เกิดตลาดโลตัสแล้ว ลูกค้าเปลี่ยนไปซื้อปลานิลที่นั่น ซึ่งมีบริการทอดให้เสร็จสรรพ กระทบยอดขายปลาลดลงเหลือไม่ถึงวันละ 30 กิโลกรัม หรือบางวันขายได้ต่ำกว่านี้มาก
แม่ค้าปลานิลสดรายนี้ เล่าต่อว่า ยอดขายปลานิลระดับดังกล่าว ถือว่าต่ำมาก ขณะที่กำไรต่อหน่วยค่อนข้างต่ำ ประมาณกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น หากขายได้วันละ 30 กิโลกรัม เท่ากับว่าได้กำไรเพียงแค่ 120 บาท/วันเท่านั้น ซึ่งเงิน 120 บาทในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ ไม่พอใช้จ่ายแน่ สิ่งที่พอช่วยเหลือได้คือต้องกู้เงินจากนายทุนปล่อยเงินกู้ในตลาด มาใช้จ่ายประจำวันไปเท่านั้น
***ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเตรียมหาอาชีพใหม่
นายวรวิทย์ กิตติพงษ์ภิพัฒน์ เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าในตลาดสดเทศบาลเมืองพล กล่าวว่า ตนและครอบครัวประกอบอาชีพเปิดร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ตลาดสดแห่งนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี การค้าขายที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่การค้าตั้งแต่ต้นปี 2550 มานี้ ยอดขายเสื้อผ้าภายในร้านตกลงมาก แผงจำหน่ายเสื้อผ้าแทบไม่มีลูกค้าเข้าร้าน แตกต่างกับเมื่อก่อนมีลูกค้าเดินเลือกซื้อคึกคัก
สาเหตุหลักมาจาก การเปิดดำเนินงานของโลตัส ในพื้นที่อำเภอพล ทำให้กลุ่มลูกค้าชาวบ้านทั่วไป ที่มาจากเขตรอบนอก และลูกค้าในเขตเทศบาลเมืองพล เดินห้างซื้อเสื้อผ้า โดยเฉพาะชุดนักเรียนในโลตัสแทน จากการเข้าไปสำรวจสินค้าในโลตัส พบว่า เสื้อผ้า เป็นสินค้าเกรดเดียวกัน ทั้งราคาจำหน่ายยังสูงกว่าผู้ค้าท้องถิ่นด้วยซ้ำ แต่ลูกค้ายังเลือกซื้อที่โลตัส
“ตั้งแต่เปิดกิจการร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เมื่อ 30 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันยังไม่มีช่วงใด ที่กิจการจะประสบปัญหายอดขายตกต่ำต่อเนื่องเท่ากับช่วงนี้ แม้แต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ยอดขายก็ไม่เลวร้ายเท่า โดยเฉลี่ยยอดขายต่อวันปกติขายได้ประมาณ 7-8 พันบาท แต่ช่วงต้นปี 50 เป็นต้นมายอดขายลดเหลือไม่ถึงวันละ 3,000 บาท”นายวรวิทย์กล่าวและว่า
หากสถานการณ์การค้ายังคงอยู่ในลักษณะนี้ต่อไป คงต้องเปลี่ยนไปประกอบอาชีพใหม่เพื่อความอยู่รอดระยะยาว ซึ่งตนและครอบครัวหารือร่วมกันเบื้องต้น ทั้งจัดสรรเงินทุนเตรียมไว้ลงทุนประกอบอาชีพอิสระอื่นแล้ว ซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาแข่งขัน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
***แนะ ยึดพื้นที่อ.พลเป็นกรณีศึกษา
นายชุมพล สุภวัฒนากูล เจ้าของร้าน “มิตรมงคล” กล่าวว่า ผลกระทบจากการเปิด เทสโก้โลตัส ในระดับอำเภอ เช่น กรณีของอ.พล จ.ขอนแก่นนี้ แม้ว่าจะเพิ่งเปิดดำเนินงานไม่ถึง 1 ปี แต่ก็ส่งผลกระทบขยายเป็นวงกว้าง ไม่จำกัดแค่กิจการร้านโชวห่วยเท่านั้น แต่กิจการค้ารายย่อยอื่น ทั้งขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป แผงค้าปลาสด/ผักสด ฯลฯ ล้วนได้รับผลกระทบลักษณะเดียวกันทั้งสิ้น
ผู้ค้ารายย่อยท้องถิ่น เสียเปรียบโลตัส ทุกด้าน ทั้งต้นทุนสินค้า การบริหารจัดการ รูปแบบการค้าสมัยใหม่ การประชาสัมพันธ์ทางการตลาด และสายป่านธุรกิจ กิจการท้องถิ่นไม่สามารถแข่งขันกับผู้ค้ารายใหญ่ได้เลย ซึ่งเข้าข่ายการแข่งขันทางการค้าไม่เป็นธรรม ส่วนผลกระทบระยะยาวนั้น ไม่สามารถประเมินได้ว่า ผู้ค้ารายย่อยท้องถิ่นอ.พล จะต้องล้มเลิกกิจการอีกเท่าใด และที่สำคัญจะมีอาชีพเหล่านี้เหลืออยู่ให้ลูกหลานทำต่อไปหรือไม่
“อยากฝากเตือน กิจการค้ารายย่อยในเขตอำเภออื่น ที่ยังไม่มีห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ไปเปิดดำเนินงาน ให้ศึกษาผลกระทบกิจการท้องถิ่นอ.พล เป็นเครื่องเตือนใจ ซึ่งผู้ค้าท้องถิ่น ควรปกป้องกิจการท้องถิ่นของตนเองไว้ให้ถึงที่สุด ต้องรวมพลังต่อสู้ให้เข้มแข็ง จะหวังพึ่งหน่วยงานรัฐให้ช่วยเหลือนั้นคงหวังอะไรไม่ได้”นายชุมพลกล่าว
***วอนเทสโก้ฯหยุดขยายสาขา
ด้านนายนริศร จรรยานิทัศน์ เลขาธิการชมรมผู้ค้าปลีกและประกอบอาชีพอิสระ จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ผลกระทบกับกิจการค้าปลีกและผู้ค้ารายย่อยอื่นในท้องถิ่น เป็นเครื่องชี้วัด ถึงการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมอย่างชัดเจน ซึ่งการขยายสาขาของเทสโก้โลตัส และกิจการค้าปลีกรายใหญ่อื่น ณ ปัจจุบัน น่าจะเพียงพอแล้ว โดยเฉพาะโลตัสที่กำลังรุกขยายสาขาถึงระดับอำเภอนั้น น่าจะทบทวบและหยุดสาขาทันที
ความหวังของผู้ค้าปลีกรายย่อย ต้องการให้มีกฎเกณฑ์ หรือระเบียบ ออกมาควบคุมการแข่งขันการค้า ในลักษณะที่เป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งล่าสุดกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ยกร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. .... ซึ่งชมรมผู้ค้าปลีกฯ มีมติร่วมกันจะสนับสนุนให้ร่างกฎหมายค้าปลีกฉบับนี้ เกิดและมีผลบังคับใช้
“กฎหมายค้าปลีก ถือเป็นหัวใจสำคัญของการต่อสู้กับทุนค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ข้ามชาติ และเป็นอนาคตของโชวห่วยทั้งประเทศ หากสนช. ไม่ยอมผ่านร่างกฎหมายค้าปลีกฉบับนี้ กลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อย จะต้องทำงานต่อสู้กับทุนข้ามชาติรายใหญ่ลำบากมากขึ้น”เลขาธิการชมรมผู้ค้าปลีกและประกอบอาชีพอิสระ จังหวัดขอนแก่น กล่าวและว่า
แม้กฎหมายค้าปลีกจะไม่สามารถบังคับใช้ได้ทันในรัฐบาลชุดนี้ แต่กลุ่มผู้ค้าปลีกรายย่อย จะยังคงปักหลักต่อสู้ ให้มีกฎหมายค้าปลีกจนถึงที่สุด ควบคู่กับการทำงานสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ถึงผลกระทบจากการรุกรานของทุนค้าปลีกรายใหญ่ ให้ถึงตัวประชาชนมากขึ้น ปลุกจิตสำนึกผู้บริโภคสำนึกถึงความเป็นไทย ไม่ซื้อสินค้าห้างต่างชาติ กลับมาอุดหนุนซื้อสินค้ากับผู้ค้าท้องถิ่น.