xs
xsm
sm
md
lg

ผมไม่เชื่อขี้หน้ามันสักคน

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

“คุณจะเชื่อก็ตามใจคุณ แต่ผมไม่เชื่อขี้หน้ามันสักคนว่ามันจะทำอะไรให้คนไทยได้นอกจากคอร์รัปชัน ผมเอาหัวเป็นประกัน”

โสม โสกระสัง ที่มาจากสุรินทร์บอกผมอย่างชัดถ้อยชัดคำเมื่อเราคุยกันถึงการสมัครรับเลือกตั้งของคนไทยที่รักชาติ คุยกันถึงการโกหกและปราศจากยางอายของเขา และผู้คนส่วนหนึ่งที่หากินทางการเป็นผู้แทนที่จะแก้ปัญหาเมืองไทย เมื่อมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยความเชื่อมั่นว่า คนเหล่านั้นล้วนแต่เกิดมาเพื่ออย่างเดียวคือเป็นเหยื่อของนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการที่ทำมาหากินด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้งซึ่งเขายืนยันว่าเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้งจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรในชาติไทยได้แม้แต่กระผีกริ้น

ปัญหาสำคัญที่จะแก้กันไม่ได้และพูดกันไม่ได้ก็คือ ปัญหาความยากจนของคนไทยปัญหาคอร์รัปชันของประเทศไทย

ผมเคยสงสัยและไม่แน่ใจว่าจะมีใครมาทำหน้าที่แก้การคอร์รัปชันในประเทศไทยให้หมดสิ้นหรือไม่?

เมื่อเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเรามีกลุ่มเดรัจฉานทางการเมืองกลุ่มหนึ่งมากินบ้านกินเมืองอึกทึกครึกโครมดังสะท้านไปทั่วโลก ผมมีความเชื่อมั่นว่ามนุษย์ในประเทศต่างๆ น่าจะสามารถรู้ปัญหาการคอร์รัปชันในประเทศไทยได้เพราะสัตว์ร้ายเหล่านั้นใช้เมืองไทยเป็นที่คอร์รัปชันอยู่เป็นเวลานานปี แต่ปรากฏว่าการคอร์รัปชันยิ่งขยายตัวกว้างไกลออกไปมากแทบตามไม่ทัน

แม้ว่ามันจะปล้นทุกอย่างเอาไปจากประเทศต่อหน้าต่อตา คตส.ได้ตรวจพบหลักฐานพอที่จะลากตัวเข้าคุกได้อย่างสบายๆ ตอนนี้ว่ากันว่ามีถึง 13 เรื่อง ถ้าตัดสินโทษกันแล้วทั้งครอบครัวจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีสำหรับติดคุกของทุกคน!

แต่ปรากฏว่า ขนาด คตส.ยืนยันว่ามีความผิดที่ทำลายประเทศอย่างยับเยินเป็นหมื่นล้านแสนล้านนั้น มีเรื่องราวต่างๆ ที่เขียนขึ้นจำหน่ายทั่วประเทศเต็มแผ่นดิน แต่บรรดาสัตว์เดียรัจฉานทางการเมืองที่มากมายยังเชื่อมั่นในนักคอร์รัปชันพวกนี้อย่างพระเจ้า การยกย่องเชิดชูสัตว์ร้ายเหล่านั้นหนักยิ่งขึ้นเพราะโง่กันมาตลอดชีวิต

สัตว์เลี้ยงส่วนมากมาจากเงินคอร์รัปชันเหล่านี้ จะพากันเทิดทูนและยกย่องการคอร์รัปชันอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้

แต่มันก็เป็นไปแล้ว!

มันเป็นสัญญาณอันเป็นอมตะที่จะยืนยันว่าเมืองไทยนั้น เราอยู่กันด้วยความชั่ว เรารักความชั่ว เราเทิดทูนคนชั่วและบรรดาสัตว์ร้ายทางการเมืองอย่างไม่มีทางช่วยได้

เมื่อมาเจอสหายเก่าซึ่งผ่านการเลือกตั้งและจำนำไร่นาที่บ้านนอกของเขาเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งจนหมดเนื้อหมดตัวมาแล้ว ได้ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าเขาไม่มีวันที่จะเชื่อว่าจะมีคนมาแก้ปัญหาการคอร์รัปชันในประเทศไทยได้เด็ดขาด

ชาติไทยตลอดเวลาเกือบร้อยปีมานี้ มีปัญหาความฉิบหายและปัญหาที่แก้ไม่ได้อยู่สองปัญหาคือ ปัญหาความยากจนของคนไทย และปัญหาการคอร์รัปชัน!

แต่จะไม่มีใครพูดถึงปัญหานี้ให้เป็นเสนียดจัญไรแก่ตัวเองในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสมาพันธ์กงสุลโลกที่กรุงเทพฯ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีผู้โดดเด่นของชนชาติไทยปราศรัยต่อสมาชิกสมาพันธ์ทั่วโลกที่มาร่วมประชุมวันนี้ว่ารัฐบาลไทยของท่านที่มาจากคณะปฏิวัติได้กระทำการเพื่อชาติได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่คือสร้างประชาธิปไตยลวงโลกในประเทศไทยได้สำเร็จ ไม่ใช่เป็นการปฏิวัติในรูปของเผด็จการและโง่แสนโง่ (อย่างที่คนไทยเข้าใจก็หาไม่)

ผมว่ามันเป็นคำปราศรัยที่ทุเรศไม่มีผู้แทนคนไหนที่จะไม่เข้าใจว่าปัญหาที่กำลังเกิดอยู่ในเมืองไทยมันคืออะไร

ปัญหาที่รู้กันตั้งแต่เด็กจนหัวหงอกว่า ก็รู้ว่ามีการคอร์รัปชันหรือการขายชาติปล้นชาติที่ไม่มีวันหยุด นอกจากมันจะเพิ่มทวีคูณขึ้นต่อไป

แม้แต่ในรัฐบาลที่ยกย่องตัวเองอย่างไม่อายฟ้าดินว่าประสบความสำเร็จในการปฏิวัติจะพูดอย่างไรก็ตาม การกินบ้านกินเมืองขนาดหนักยังกินติดต่อกันอยู่ โดยไม่ต้องนำมาเถียงกันให้รกหน้ากระดาษ

ตัวอย่างที่ไม่ควรจะยืนยันว่าผมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ผมจะเอาเรื่องในหนังสือพิมพ์ “ผู้จัดการรายวัน” นี้มายืนยันว่า การพูดถึงความสำเร็จอย่างอื่นนั้นมันไม่มี มีเพียงอย่างเดียวคือความสำเร็จในการคอร์รัปชันชนิดกินบ้านกินเมืองและปล้นชาติปล้นประชาชนเท่านั้น

อย่าโกรธกันนะครับ เพราะยังไงก็เขมือบกันอึกทึกครึกโครมไปแล้ว กินไปตามปกติเหมือนผู้มีบุญรายอื่นๆ ต่อไปก็แล้วกันครับ แต่เพื่อช่วยให้ประชาชนทั่วประเทศได้รู้ได้เข้าใจกันว่าขึ้นชื่อว่ารัฐบาลไทยนั้น ถ้ามันไม่ชั่วไม่สกปรกถึงที่สุดหรือไม่หน้าด้านถึงที่สุดมันจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลไม่ได้ วิเศษขนาดไหนก็ตาม มันก็จะคอร์รัปชันด้วยกันและเหมือนกันไม่มีทางป้องกันใดๆได้

รายละเอียดและข้อความเหล่านี้เป็นรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน คอลัมน์หมายเหตุผู้จัดการ ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550 ชื่อ “กินเครื่องบินแล้วจะกินรถก๊าซต่อ”

ข้อความนั้นมีว่า;

และแล้วรัฐบาลเต่าโดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งยอมรับว่าตัวเองเป็นโจรกลับใจก็ได้อนุมัติให้จัดซื้อเครื่องบินจากสเปนจำนวน 12 ลำ ไปเรียบร้อยแล้ว ในราคาลำละ 84.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเงิน 2,875 ล้านบาท

คิดเป็นเงินไทยเท่ากับ 34,500 ล้านบาท หวานคอแร้งแฮ่มๆ กุ๊ก กุ๊ก

เป็นการซื้อเครื่องบินยี่ห้อเดียวกันจากประเทศเดียวกันและบริษัทผู้ผลิตเดียวกันที่แพงที่สุดในโลก สมชื่อโจรกลับใจแท้ๆ !

เพราะเครื่องบินแบบนี้ จากผู้ผลิตรายนี้ เขาซื้อกันสูงที่สุดแค่ลำละ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ และต่ำสุดที่ลำละ 50 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น สำหรับประเทศไทยเขาเคยเสนอขายให้ในราคาต่ำสุดในสมัยรัฐบาลคุณทักษิณเพียงลำละ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ

แต่รัฐบาลเต่าโดยนายกรัฐมนตรีผู้เป็นโจรกลับใจได้ลงนามอนุมัติการจัดซื้อที่แพงที่สุดในโลกไปแล้ว

อย่างนี้จะห้ามไม่ให้คนไทยคิดว่าเป็นการซื้อเครื่องบินที่มีการโกงชาติได้อย่างไร เป็นการโกงแบบโคตรโกงมหาโกงพอๆ กับสมัยรัฐบาลก่อน

ถูกต้องทีเดียว อย่างที่ว่ามาแล้วว่าคนที่จะเป็นรัฐบาลหรือเป็นนายกรัฐมนตรีจะช่วยชาติไม่ให้สกปรกไม่ได้ การโกงชาติ ปล้นชาติโดยอำนาจหน้าที่เป็นของเขา

เงินจำนวน 34,500 ล้านบาทนั้น เมื่อนำรายได้จากการคอร์รัปชันอื่นๆ ตลอดจนที่ดินป่าสงวนในเทือกเขาในจังหวัดภาคอีสานที่ไปอมเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวรวมกับบ้านราคาเป็นหมื่นเป็นแสนล้านทั้งชีวิตยังกินไม่หมด เหมือนกับนักการเมืองชั่วชาติรายอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ข้อความในหมายเหตุผู้จัดการยังไม่หมด ยังมีต่อไปอีกว่า

“ก็ไหนว่าเป็นรัฐบาลชั่วคราวจะไม่ทำเรื่องใหญ่! เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่โตมากเรื่องหนึ่ง แต่ก็ยังฝืนทำกันไป ทั้งๆ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติเขาตั้งญัตติพิจารณากันอยู่ก็ไม่มีใครฟังเสียง

ยังมีอีก นั่นคือต้องจับตาการโกงชาติใน ขสมก ซึ่งเป็นเรื่องที่ชงต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อน แล้วขบวนการโกงชาติกำลังชงเขมือบกินกันต่อในรัฐบาลนี้

นั่นคือขบวนการโกงจากการจัดซื้อจัดหารถก๊าซเอ็นจีวีของ ขสมก จำนวน 2,000 คัน โดยมีบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่โกงชาติเอาไปหมาด ๆ เข้าร่วมขบวนการด้วย”

นี่คือการคอร์รัปชันแบบปล้นบ้านกินเมืองของรัฐบาลไทยหรือผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะซื่อสัตย์สุจริตอะไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วจะโกงและกินกันอย่างไม่อั้นทั้งนั้น

เสียดายที่ข่าวเหล่านี้หนังสือพิมพ์เมืองไทยส่วนมากจะไม่ค่อยลงข้อความเปิดเผยกัน แต่ก็ยังพอมีหนังสือพิมพ์ที่กล้าออกมารักษาผลประโยชน์ของชาติในเรื่องประเภทนี้อยู่บ้าง

ผมจำเป็นจะต้องลอกมาเขียนซ้ำก็เพราะถือว่าเป็นการช่วยกันทำกุศลให้แก่บ้านเมืองที่จะเผยแพร่ให้กว้างขวางต่อไป

ใครจะสนใจหรือไม่สนใจก็ไม่เป็นไร เรื่องมันก็เท่านั้น!

จากหน้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งมีโฆษณาชิ้นหนึ่งเป็นโฆษณาของพรรคการเมืองที่กำลังส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเข้าสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ ในโฆษณาชิ้นนั้นมีข้อความที่บอกว่าเมืองไทยมีปัญหาที่จะต้องรีบแก้ไขดังต่อไปนี้

(1) ความสมานฉันท์ และรู้รักสามัคคี
(2) ความเป็นกลางไม่สืบทอดและต่อท่ออำนาจจากใคร
(3) เพื่อเศรษฐกิจที่ดีจากนโยบายที่โปร่งใส ทำได้ทำจริง
(4) เพื่อการศึกษาและอนาคตของลูกหลานไทย
(5) การบริหารประเทศที่มีคุณธรรมและจริยธรรม

(มติชน :14 พฤศจิกายน 2550)

เป็นข้อความซึ่งบอกถึงข้อเท็จจริง ซึ่งจะเหมือนๆ กันกับทุกพรรคและนักการเมืองทุกคนพยายามอ้างตัวว่าเป็นนักการเมืองที่พูดกันมาแล้วจากพรรคต่างๆ หลายสิบปี แต่ไม่มีคนไหนพรรคใดสามารถทำได้ตามนั้น

ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงคนลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นโทษความหลงผิดการโกหกหลอกลวงของนักการเมือง และท้ายที่สุดเป็นทาสเงินค่าจ้างลงคะแนนเสียงตั้งแต่ 10 บาทถึง 100 บาท (ตอนนี้มีข่าวว่าเพิ่มขึ้นมาเป็น 8,000-10,000 บาทเข้าไปแล้ว)

แต่มีอีกสองเรื่องที่โฆษณานี้ไม่ได้เอามาพูดถึงคือ ประเทศไทยมีปัญหาฉิบหายอยู่สองปัญหาคือปัญหาความยากจนของคนไทย และปัญหาคอร์รัปชันของนักการเมืองและชนชั้นปกครองของไทย

ปัญหาทั้งสองนี้ต่อให้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาอีกเป็นพันๆ ฉบับก็แก้ไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น