อย่าหวังอะไรจากการเลือกตั้ง

ผมคนหนึ่งละที่จะไม่เสียเวลาไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ถ้าไม่ผิดกฎหมาย!

ผมขอยืนยันว่าไม่สามารถจะไปเลือกตั้งได้
ได้เห็นการเลือกตั้งมานานพอที่จะเข้าใจและรู้จักทุกแง่ทุกมุมมาพอแล้ว!
การเลือกตั้งเป็นงานคอร์รัปชันทางการเมืองที่สกปรกที่สุดในเมืองไทยไม่มีใครไปแตะต้องได้

ไม่ว่าจะมีเทวดาที่ไหนมายืนยันว่าเลือกตั้งคราวนี้จะสะอาดที่สุด แต่ผมขอยืนยันว่าทั้งหมดเป็นความเท็จ การเลือกตั้งในเมืองไทยไม่มีอะไรจะป้องกันแก้ไขความเท็จได้ เพราะว่าบรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองที่เข้ามามีอำนาจในการเลือกตั้งทุกยุค เป็นเพียงมนุษย์ที่โกหก เพราะสิ่งที่เขาพูดเขาทำนั้นคนไทยไม่มีวันปฏิบัติตามเด็ดขาด

เพราะเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับการฉ้อโกงประชาชนเป็นหลัก เมืองไทยก็จะได้ระบอบประชาธิปไตยคอร์รัปชันทำมาหากินได้นานและอุดมสมบูรณ์ที่สุด

ว่ากันว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้มีงบประมาณสำหรับซื้อเสียงครั้งละ 2,000 ล้านบาทเพื่อให้ได้คะแนนที่แน่นอนที่สุด

แหล่งข่าวรายงานว่าเรื่องเงินไม่ต้องห่วง แม้จะต้องใช้ถึง 100,000 ล้านบาท ก็ไม่เป็นไรเพราะเงินจำนวนนี้เป็นเงินจากการขายชาติและการโกงชาติที่ทำกันมาแล้ว

ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีอะไรน่าสงสัย!

เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ยอมไปเลือกตั้งเพราะผมเชื่อว่าการเลือกตั้งจะไม่ก่อให้เกิดอะไรดีขึ้นนอกจากเรื่องโกหกหลอกลวงทางการเมืองที่เราเคยทำกันมาแล้วนั้น จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในสาระและเนื้อหา หรือแม้แต่การขยับเขยื้อนใดๆ ในการแก้ปัญหาของประเทศชาตินั่นเอง

เราเลือกตั้งกันมาแล้วเป็นเวลานานกว่า 75 ปี มันแก้อะไรไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแก่บ้านเมืองนอกจากความวิบัติหายนะเหมือนเดิม ทุกอย่างทุกเรื่องสามารถจะพิสูจน์ได้

เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจึงยืนยันอย่างชื่นอกว่าผมจะไม่ไปเลือกตั้งอีก
ผมรู้ทันความชั่วและความระยำของมันทุกด้านแล้ว!

ที่สำคัญก็คือ ก่อนหน้านี้เมืองไทยบังเอิญมีนักการเมืองขายชาติเข้ามาปกครองประเทศ ทุกคนร่วมกันสมคบการขายชาติจนกระทั่งต้องหนีออกนอกประเทศ ไม่กล้ากลับเข้ามาอีกเพราะมีคดีที่รอการตัดสินอยู่หลายคดี นักขายชาติพวกนี้ได้ใช้เงินและความร่ำรวยจากการขายชาติเป็นเงินจำนวนแสนล้านมาจัดตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง โดยมอบให้บรรดาสัตว์เลี้ยงทางการเมืองของตนทำหน้าที่ซื้อเมืองไทยด้วยการใช้เงินซื้อเสียงไปทั่วประเทศ และมั่นใจว่าพรรคของตัวเองจะได้รับการเลือกตั้ง

พร้อมด้วยการทำโฆษณาไปทั่วเมืองไทยใส่ร้ายป้ายสีคณะปฏิวัติและทหารในด้านเสียหายซึ่งบรรดาบุคคลชั้นนำของไทย ไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐบาล คณะปฏิวัติหรือกองทัพไทยไม่กล้าตอบโต้หรือป้องกันอย่างหนึ่งอย่างใดได้ นอกจากก้มหน้าดูหัวแม่เท้าของตัวเองไปวันๆ ไม่มีความคิดอ่านใดๆ นอกจากให้สัมภาษณ์ไปวันๆ ประชาชนที่มีหน้าที่คอยรับเงินซื้อเสียงทั่วประเทศต่างก็มีความสุขในการรับเงินและการขายเสียง โดยไม่มีโอกาสที่จะติดคุกตามกฎหมายที่เขียนไว้อย่างวิลิศมาหราตามยุคสมัย

นี่คือลักษณะความชั่วของเมืองไทย เราจะอยู่กันอย่างนี้เท่านั้น

กรณีนี้ก็เป็นการต่อสู้ทางการเมืองอีกเรื่องหนึ่งของกลุ่มเดียรัจฉานขายชาติของเราที่ว่านั้น

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มที่จะเชื่อว่าจากผลของการทุ่มเงินโฆษณาใส่ร้ายป้ายสีชนชั้นปกครองไทยที่มีอำนาจในบ้านเมืองที่ทำกันมานั้นมีผลมาก เชื่อกันว่าวันหนึ่งหลังจากการเลือกตั้งเดรัจฉานทางการเมืองพวกนี้ก็จะกลับมากินบ้านกินเมืองกันอีกครั้งหนึ่ง โดยการยอมและร่วมมือสมานฉันท์ของผู้มีบุญญาธิการในคณะรัฐบาลปฏิวัติ เพราะฉะนั้น จึงพอจะเชื่อได้ว่าหลังจากการเลือกตั้งความฉิบหายก็จะมานอนหมอบอยู่หน้าบ้านอย่างถาวรอีกต่อไป

นั่นคือเมืองไทยที่เราได้รู้จักคำว่า ประชาธิปไตยในอนาคตอันใกล้นี้อีกครั้งหนึ่ง

เป็นเรื่องที่แปลกมากที่บ้านเมืองของเราต้องอยู่กับการขายชาติมาตลอด การเข้ามาของรัฐบาลปฏิวัติไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่ตรงข้ามทุกอย่างเสื่อมโทรมประสบความหายนะหนักยิ่งขึ้นไปอีก พร้อมๆ กับเหตุการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของโลก ปัญหาทุกอย่างทุกด้านของบ้านเมืองไม่ได้แก้และไม่ยอมแก้เพราะไม่มีปัญญาแก้ หรือถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือการทำปฏิวัติเข้ามายึดอำนาจและการจัดตั้งรัฐบาลของเราที่ทำกันมานั้นไม่ได้มีสติปัญญาใดๆ ที่จะแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองได้ แต่เข้ามามีอำนาจเพราะว่าโชคชะตาที่ให้มีโอกาสได้เอาประเทศไปทำมาหากินกันเท่านั้น ในขณะเดียวกันศัตรูที่ปล้นชาติมันก็จะหมดบุญวาสนาและจะต้องชดใช้กรรมเก่าของมันด้วยเช่นเดียวกัน

สิ่งที่เรากำลังทำและตัดสินใจตามที่กล่าวมานี้ มันบอกชัดที่เรามองเห็นความสำคัญของคนไทยในแผ่นดินไทยเพียงคนสองจำพวกเท่านั้น ที่คนไทยทั้งชาติจะต้องทะนุถนอมไว้เพื่อกดขี่ขูดรีดกันต่อไปโดยแบ่งคนไทยออกเป็น 2 ฝ่ายคือ

1. พวกปล้นชาติปล้นแผ่นดินได้แก่ นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยหรือมาจากการเลือกตั้งลวงโลกพวกหนึ่ง

2. ประชาชนคนไทยอีกกว่า 62 ล้านคน ที่ถูกทอดทิ้งและถูกปล่อยให้อยู่ตามมีตามเกิดและโง่เขลาตลอดระยะเวลานานปีของระบอบประชาธิปไตยที่นำมาปกครองกันอยู่ ใครจะทำอะไรก็ยอมให้ทำตามความพอใจ และหลังจากปล่อยให้ทำมาหากินหลอกลวงประชาชนพวกนี้มาพอเพียงแล้วก็จะประกาศให้มีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อการโกหกหลอกลวงให้โง่เขลากันต่อไป

สถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสถานการณ์ที่แปลกมากขึ้นไปอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะคนไทยและผู้มีอำนาจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพวกหัวหงอกหัวดำก็ตาม จะโง่เท่าเทียมกันหมดและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาจะไม่มีความจริงใจต่อใครนอกจากตัวเขาเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงจะไม่ยอมทำอะไรเพื่อคนอื่นหรือเพื่อแผนดินและบ้านเมืองที่เขาถือแต่เพียงว่ามันเป็นสถานที่อาศัยเกิดเท่านั้น เรื่องโง่ๆ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นมันก็เกิดไม่เคยขาดตอน

และก็น่าจะหวังไว้ว่าความชั่วร้ายทั้งหลายแหล่ที่ไม่มีเหตุมีผลเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นอีกต่อไป และตลอดไปตราบใดที่ประเทศไทยและชาติไทยยังมีนักการเมืองผู้บริหารปกครองของไทยเป็นมนุษย์พวกนี้!

เช่นเดียวกับเมื่อสมัยที่ขบวนการโจรปล้นชาติขึ้นมาปกครองประเทศตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ตัวเขาและพวกเขาจะพากันขายชาติด้วยตนเองเท่านั้น แต่เขายังหอบเอาขบวนการโจรก่อการร้ายเข้ามาดำเนินการก่อการร้ายในสามสี่จังหวัดภาคใต้มาจนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่ยอมจัดการอะไร จากนั้นเรามีรัฐบาลและคณะปฏิวัติอีกพวกหนึ่งเข้ามาแย่งอำนาจเพื่อทำมาหากินก็ยังไม่ทำอะไรนอกจากนั่งกินเงินเดือนเบี้ยเลี้ยงตำรวจทหารเป็นแรมเดือนแรมปีปล่อยให้การก่อการร้ายของโจรก่อการร้ายพวกนั้นทำหน้าที่เป็นโจรประจำชาติต่อไป และวันๆโจรพวกนี้ก็จะไม่ทำอะไรนอกจากคอยฆ่าคนในสามสี่จังหวัดภาคใต้นั้น ตั้งแต่เด็กผู้หญิง คนแก่ ตลอดจนพระเณรตายเป็นว่าเล่น

เมืองไทยถ้าเรามีนักการเมืองและชนชั้นปกครองประเทศพวกนักกินบ้านกินเมืองอยู่ การฆ่ากันก็ไม่มีวันจบสิ้น การก่อการร้ายในบ้านเมืองก็ยังจะต้องมีต่อไป ไม่ว่าจะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง

เจ้าหน้าที่ผู้ปกครองบ้านเมืองของเราได้แสดงให้เห็นการมีความรู้ความสามารถแย่กว่าผู้ก่อการร้ายในบ้านเมืองที่มีไม่กี่คนนั้นมาก ในขณะที่เมืองไทยมีประชากรมากกว่า 62 ล้านคน ก็เอามาทำอะไรไม่ถูก แก้ไขอะไรไม่ได้ไม่ว่าใคร ดูเหมือนว่าตั้งแต่คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจนกระทั่งขอทานในแผ่นดินทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

เพราะฉะนั้นในบทความบทนี้ผมจึงเขียนลงไปว่าอย่าหวังอะไรมากในการเลือกตั้ง

มันไม่เป็นสับปะรด คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นเทพเจ้าจะชื่นชมตัวเองและทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตัวเอง แต่การทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองนั้น คนพวกนี้จะไม่ยอมทำหรือทำไม่เป็น และไม่ยอมคิดไม่ยอมรู้ว่าการเกิดมาเป็นคนในสังคมนั้น มีหน้าที่จะต้องคิดอะไรทำอะไรอย่างไร?

เฉพาะคนที่เรียกว่าเป็นนักการเมือง ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งและการแต่งตั้ง ในแต่ละรัฐบาลจะมีการจัดตั้งขึ้นมาโดยการสนับสนุนของประชาชน และก็จะจัดตั้งกลุ่มบุคคลขึ้นมาเป็นรัฐบาลประกอบด้วยคนสำคัญตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเรื่อยมาจนกระทั่งผู้แทนราษฎรและภารโรงผู้ทำความสะอาดสภาผู้แทนราษฎรนับจำนวนเป็นพันๆ คน

เงินเดือนที่นำออกมาจ่ายเพื่อแข่งกันรับประทานเป็นฟ่อนๆ

แต่ให้ตายเถอะ, คนพวกนี้ไม่เคยทำอะไรให้ประเทศชาติของตนเลย

จากนั้นก็ขมีขมันจัดการประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้โจรพวกเก่ากลับมาเพื่อปล้นบ้านปล้นเมืองและทำมาหากินกันอีกต่อไป

ผมไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรต่อคนพวกนี้ แต่ผมพูดออกมาเพราะผมได้รู้ได้เห็นมากพอที่จะบอกให้คนไทยทั้งชาติที่ไม่เคยสนใจมองเห็นความจริงว่าการเลือกตั้งที่จัดทำขึ้นนี้เป็นเพียงละครแห่งความโง่เขลาและโกหกหลอกลวงเรื่องหนึ่งที่ประชาชนเจ้าของประเทศจะไม่ได้อะไรเลย

การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคน 3 ประเภทที่เข้ามาเลือกตั้งได้แก่

1. คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีหรือเป็นอะไรสักอย่างหนึ่งในคณะรัฐบาลที่สามารถคอร์รัปชันได้อย่างที่ทำกันมาแล้วในทุกๆ รัฐบาล แต่จากรายงานของพรรคที่บอกกล่าวถึงการเคลื่อนไหวมาตลอดเวลานั้น พวกที่สำคัญที่สุดคือผู้แทนเก่าหรือนักการเมืองเก่าที่เห็นผลงานที่ไม่มีผลอะไรมาแล้ว

คนเหล่านี้ไม่ว่าจะใหญ่โตขนาดไหนมาก่อน เป็นนักการเมืองมากี่ปี สามารถจะมองหน้าหรือรู้ประวัติได้ว่าไม่เคยทำอะไรให้แก่ประเทศชาติมาเลย นอกจากเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ อะไรเกิดในบ้านเมืองก็จะพูดพล่อยๆ ตีโวหารแก้ตัวไปวันๆ

2. พวกที่ไม่เคยสมัครผู้แทนหรือไม่มีความต้องการจะเข้ามาช่วยบ้านเมือง แต่เข้ามาแล้วจะเป็นเพียงเหยื่อพวกสุนัขที่ไม่กัดก็เห่าไปตามประเพณีการเมืองไทย ไปคิดว่าการเมืองมันสะอาดก็จะเกิดความรู้ใหม่ขึ้นมาอย่างหนึ่งก็คือ อยู่ดีๆ แล้วไม่ชอบ มันก็ต้องเจอแบบนั้น

3. ประเภทที่ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นอาจจะเป็นนักมวยหรือนักร้องหรือตัวอะไรก็ได้ แต่เห็นว่าการเมืองทำให้รวยเร็วหรือมีทางหากินได้ไม่ยาก โอกาสและช่องทางมีมากกว่าอาชีพอื่น

เพราะฉะนั้น อย่าไปหวังอะไรเลยกับการเลือกตั้งจะช้าหรือเร็วเท่านั้น!