ไมเนอร์ทุ่ม 1,000 ล้านบาท เตรียมสยายปีกแดรี่ควีนสู่เซ็กเม้นท์ใหม่ ประเภทกริลล์แอนด์ชิลล์ ขยายฐานลูกค้า แผน 5 ปี เปิด 30 แห่ง ส่วนไอศกรีมระดมเปิดอีก 50 แห่ง
นายวิลเลี่ยม ไฮเน็คกี้ ประธานไมเนอร์ ฟู้ดกรุ๊ป ผู้บริหารร้านแดรี่ควีนในไทย เปิดเผยว่า แผนลงทุนภายใน 5 ปีนับจากนี้บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจและสาขาใหม่ของแดรี่ควีนในไทย โดยแบ่งเป็นร้านไอศกรีมแดรี่ควีน จำนวน 100 ล้านบาท กับการขยายอีก 50 สาขา จากปัจจุบันมี 200 สาขาซึ่งล่าสุดเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์
ส่วนงบประมาณ 450 ล้านบาทจะเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นกับแบรนด์ดีคิว กริลล์ แอนด์ ชิลล์ จำนวน 30 สาขา ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกับแดรี่ควีนแต่อาหารคนละประเภทคือเป็น แฮมเบอร์เกอร์ ชิคเก้นสตริปบาสเก็ต สลัด เมนูอื่นๆเป็นต้น โดยงบที่เหลือก็จะเป็นการพัฒนาเมนูและการทำตลาดต่างๆ เนื่องจากจะเป็นสาขาแรกในเอเชียจึงยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนถึงการลงทุนทั้งหมด
นายวิลเลียมกล่าวต่อว่า ในปีหน้าคาดว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคนไทยจะดีขึ้น จึงยังมีแผนที่จะลงทุนธุรกิจด้านอาหารอีกมาก ส่วนค่าน้ำมันที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนดำเนินงานบ้างแต่ยังสามารถควบคุมและจัดการได้ เนื่องจากมีธุรกิจอาหารหลายแบรนด์ โดยคาดว่าปีนี้ทั้งกลุ่มอาหารจะเติบโตที่ 12-15%
นายชัค มูตี้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แดรี่ ควีน อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หลังจากกลุ่มไมเนอร์ขยายธุรกิจแดรี่ควีน 200 สาขาในไทยภายในเวลา 11 ปี มีการเติบโตเร็วที่สุด จากแดรี่ควีนทั่วโลกที่มีกว่า 5,700 สาขา จึงมั่นใจว่ากลุ่มไมเนอร์จะขยายธุรกิจ ดีคิว กริลล์ แอนด์ ชิลล์ สำเร็จเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีดีคิว กริลล์ แอนด์ ชิลล์ กว่า 300 สาขา นอกนั้นบริษัทนยังมีร้านKarmelkorn Shoppes ซึ่งเป็นระบบแฟรนไชส์ขายป๊อปคอร์นและอาหารอื่นๆ แต่ยังไม่ได้นำเข้ามาในไทย
นายชุมพจน์ ตันติสุนทร รองประธานและกลุ่มผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟในไทยมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบา ทเป็นสัดส่วน 10% จากมูลค่าตลาดไอศกรีมรวมในไทยที่มีมากกว่า 10,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ตลาดไอศกรีมรวมจะเติบโต 10% โดยแดรี่ควีน มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80% จากตลาดรวมไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ ซึ่งเป็นเจ้าตลาด และตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงขณะนี้มีการเติบโต 17% และคาดว่าทั้งปีนี้แดรี่ควีนจะเติบโต 15% หรือมีรายได้รวม 700 ล้านบาท
ที่ผ่านมาแดรี่ควีนให้บริการไอศกรีมกับลูกค้าไปแล้วมากกว่า 200 ล้านรายในช่วง 11 ปีที่ผ่านมาในไทย และตั้งเป้าว่าภายในปี 2550 นี้จะต้องเสิร์ฟให้กับลูกค้าประมาณ 36 ล้านรายให้ได้ และคาดว่าจะมีการเติบโตของจำนวนลูกค้า 17% โดยแดรี่ควีนจำหน่ายเฉพาะไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟเป็นหลัก 90% ที่เหลือเป็นไอศกรีมเค้ก และฮอทด็อก
นายวิลเลี่ยม ไฮเน็คกี้ ประธานไมเนอร์ ฟู้ดกรุ๊ป ผู้บริหารร้านแดรี่ควีนในไทย เปิดเผยว่า แผนลงทุนภายใน 5 ปีนับจากนี้บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจและสาขาใหม่ของแดรี่ควีนในไทย โดยแบ่งเป็นร้านไอศกรีมแดรี่ควีน จำนวน 100 ล้านบาท กับการขยายอีก 50 สาขา จากปัจจุบันมี 200 สาขาซึ่งล่าสุดเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์
ส่วนงบประมาณ 450 ล้านบาทจะเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นกับแบรนด์ดีคิว กริลล์ แอนด์ ชิลล์ จำนวน 30 สาขา ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกับแดรี่ควีนแต่อาหารคนละประเภทคือเป็น แฮมเบอร์เกอร์ ชิคเก้นสตริปบาสเก็ต สลัด เมนูอื่นๆเป็นต้น โดยงบที่เหลือก็จะเป็นการพัฒนาเมนูและการทำตลาดต่างๆ เนื่องจากจะเป็นสาขาแรกในเอเชียจึงยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนถึงการลงทุนทั้งหมด
นายวิลเลียมกล่าวต่อว่า ในปีหน้าคาดว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคนไทยจะดีขึ้น จึงยังมีแผนที่จะลงทุนธุรกิจด้านอาหารอีกมาก ส่วนค่าน้ำมันที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนดำเนินงานบ้างแต่ยังสามารถควบคุมและจัดการได้ เนื่องจากมีธุรกิจอาหารหลายแบรนด์ โดยคาดว่าปีนี้ทั้งกลุ่มอาหารจะเติบโตที่ 12-15%
นายชัค มูตี้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แดรี่ ควีน อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หลังจากกลุ่มไมเนอร์ขยายธุรกิจแดรี่ควีน 200 สาขาในไทยภายในเวลา 11 ปี มีการเติบโตเร็วที่สุด จากแดรี่ควีนทั่วโลกที่มีกว่า 5,700 สาขา จึงมั่นใจว่ากลุ่มไมเนอร์จะขยายธุรกิจ ดีคิว กริลล์ แอนด์ ชิลล์ สำเร็จเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกมีดีคิว กริลล์ แอนด์ ชิลล์ กว่า 300 สาขา นอกนั้นบริษัทนยังมีร้านKarmelkorn Shoppes ซึ่งเป็นระบบแฟรนไชส์ขายป๊อปคอร์นและอาหารอื่นๆ แต่ยังไม่ได้นำเข้ามาในไทย
นายชุมพจน์ ตันติสุนทร รองประธานและกลุ่มผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ตลาดไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟในไทยมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบา ทเป็นสัดส่วน 10% จากมูลค่าตลาดไอศกรีมรวมในไทยที่มีมากกว่า 10,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ตลาดไอศกรีมรวมจะเติบโต 10% โดยแดรี่ควีน มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80% จากตลาดรวมไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ ซึ่งเป็นเจ้าตลาด และตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงขณะนี้มีการเติบโต 17% และคาดว่าทั้งปีนี้แดรี่ควีนจะเติบโต 15% หรือมีรายได้รวม 700 ล้านบาท
ที่ผ่านมาแดรี่ควีนให้บริการไอศกรีมกับลูกค้าไปแล้วมากกว่า 200 ล้านรายในช่วง 11 ปีที่ผ่านมาในไทย และตั้งเป้าว่าภายในปี 2550 นี้จะต้องเสิร์ฟให้กับลูกค้าประมาณ 36 ล้านรายให้ได้ และคาดว่าจะมีการเติบโตของจำนวนลูกค้า 17% โดยแดรี่ควีนจำหน่ายเฉพาะไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟเป็นหลัก 90% ที่เหลือเป็นไอศกรีมเค้ก และฮอทด็อก