เดลิเมล์ – ผลวิจัยชี้เด็กที่ถูกแยกจากเพื่อนสนิทขณะเข้าโรงเรียนมัธยม มีแนวโน้มไม่เบิกบานสดใส และเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายของเด็กเกเร
รายงานการศึกษาฉบับนี้ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสภาวิจัยเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลอังกฤษ และมาจากการสำรวจความคิดเห็นนักเรียน 600 คน และพ่อแม่ 80 คน น่าจะทำให้พ่อแม่ที่กำลังหาโรงเรียนใหม่ให้ลูกกังวลมากขึ้น
การศึกษาและติดตามผลนาน 4 ปีโดยมหาวิทยาลัยเซาท์แบงก์ ระบุว่าพ่อแม่ไม่ควรมองเฉพาะผลการเรียนในระดับมัธยมของลูกๆ แต่ต้องสนใจมิตรภาพที่เด็กจะเสียไปหรือสามารถรักษาไว้ได้ด้วย
นักวิจัยพบว่า เด็ก 1 ใน 4 ไม่มีความสุขที่เข้ากับเพื่อนไม่ได้ทั้งหมด, 10% ถูกบังคับให้ย้ายโรงเรียนโดยไม่มีเพื่อนรู้ใจไปเรียนด้วยกัน และเด็กเหล่านี้มีแนวโน้มกระตือรือร้นหรือมองการเข้าโรงเรียนมัธยมในแง่ดีน้อยกว่าเด็กอื่นๆ
ทั้งนี้ ความกลัวว่าจะถูกรังแก ทำให้เด็กต้องมีกลุ่มเพื่อนที่เหนียวแน่นที่จะเป็น ‘กำลังเสริม’ ให้
รายงานสำทับว่า เด็กที่ไม่มีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นเป็นเด็กที่มีความเสี่ยง
แม้ยังเรียนระดับประถม แต่เด็กบางคนพยายามผูกสัมพันธ์กับเพื่อนที่รู้ว่าจะไปเข้าโรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน
“ความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นความผูกพันระยะสั้น ที่มักทำให้เด็กเชื่อมั่นในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เนื่องจากการอยู่ตัวคนเดียวทำให้เด็กดูแปลกแยกและไม่เป็นที่รักในหมู่เพื่อนๆ” ดร. ซูซี เวลเลอร์ ผู้นำการวิจัยอธิบาย
“แต่การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้าโรงเรียน ทำให้เด็กมั่นใจและมีบุคลิกภาพที่น่าประทับใจในสายตาผู้อื่นมากขึ้น”
นักวิจัยชี้ว่า ระบบการศึกษาแบบใหม่ทำให้เด็กๆ ต้องแข่งกันเข้าโรงเรียนดังๆ หมายความว่ามิตรภาพกลายเป็นเรื่องรอง และพ่อแม่ไม่ค่อยสนใจทรัพยากรสร้างสรรค์ที่เครือข่ายเพื่อนมอบให้กับลูก
รายงานกล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการทำให้เด็กไม่กระตือรือร้นในการหาเพื่อนใหม่แล้ว การย้ายไปเรียนโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิท ยังเป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กมากขึ้น เช่นเดียวกับการย้ายไปอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ๆ เพราะจะทำให้เด็กคนนั้นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม และรับมือกับการเรียนและการบ้านได้ดีขึ้น
รายงานการศึกษาฉบับนี้ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสภาวิจัยเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลอังกฤษ และมาจากการสำรวจความคิดเห็นนักเรียน 600 คน และพ่อแม่ 80 คน น่าจะทำให้พ่อแม่ที่กำลังหาโรงเรียนใหม่ให้ลูกกังวลมากขึ้น
การศึกษาและติดตามผลนาน 4 ปีโดยมหาวิทยาลัยเซาท์แบงก์ ระบุว่าพ่อแม่ไม่ควรมองเฉพาะผลการเรียนในระดับมัธยมของลูกๆ แต่ต้องสนใจมิตรภาพที่เด็กจะเสียไปหรือสามารถรักษาไว้ได้ด้วย
นักวิจัยพบว่า เด็ก 1 ใน 4 ไม่มีความสุขที่เข้ากับเพื่อนไม่ได้ทั้งหมด, 10% ถูกบังคับให้ย้ายโรงเรียนโดยไม่มีเพื่อนรู้ใจไปเรียนด้วยกัน และเด็กเหล่านี้มีแนวโน้มกระตือรือร้นหรือมองการเข้าโรงเรียนมัธยมในแง่ดีน้อยกว่าเด็กอื่นๆ
ทั้งนี้ ความกลัวว่าจะถูกรังแก ทำให้เด็กต้องมีกลุ่มเพื่อนที่เหนียวแน่นที่จะเป็น ‘กำลังเสริม’ ให้
รายงานสำทับว่า เด็กที่ไม่มีมิตรภาพที่แน่นแฟ้นเป็นเด็กที่มีความเสี่ยง
แม้ยังเรียนระดับประถม แต่เด็กบางคนพยายามผูกสัมพันธ์กับเพื่อนที่รู้ว่าจะไปเข้าโรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน
“ความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นความผูกพันระยะสั้น ที่มักทำให้เด็กเชื่อมั่นในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เนื่องจากการอยู่ตัวคนเดียวทำให้เด็กดูแปลกแยกและไม่เป็นที่รักในหมู่เพื่อนๆ” ดร. ซูซี เวลเลอร์ ผู้นำการวิจัยอธิบาย
“แต่การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้าโรงเรียน ทำให้เด็กมั่นใจและมีบุคลิกภาพที่น่าประทับใจในสายตาผู้อื่นมากขึ้น”
นักวิจัยชี้ว่า ระบบการศึกษาแบบใหม่ทำให้เด็กๆ ต้องแข่งกันเข้าโรงเรียนดังๆ หมายความว่ามิตรภาพกลายเป็นเรื่องรอง และพ่อแม่ไม่ค่อยสนใจทรัพยากรสร้างสรรค์ที่เครือข่ายเพื่อนมอบให้กับลูก
รายงานกล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการทำให้เด็กไม่กระตือรือร้นในการหาเพื่อนใหม่แล้ว การย้ายไปเรียนโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนสนิท ยังเป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กมากขึ้น เช่นเดียวกับการย้ายไปอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ๆ เพราะจะทำให้เด็กคนนั้นคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม และรับมือกับการเรียนและการบ้านได้ดีขึ้น