นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์ เอสปรี (Esprit) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีการปรับแผนทำตลาดในช่วงเดือนกรกฎาคม ด้วยการนำคอลเล็กชั่นใหม่ทุก 12 วัน ผสมผสานกับการทำโปรโมชั่นเรื่องราคาสินค้า 20 -25 % ไปพร้อมกับการเปิดแคมเปญ "What ' new?" ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 13 % เมื่อดูจากการขาย 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายดีขึ้นมากเมื่อดูจากครึ่งปีแรกของปีนี้ ที่บริษัทฯมียอดขายติดลบอยู่ถึงประมาณ9%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าครึ่งปีแรกยอดขายอาจติดลบอยู่บ้าง แต่เมื่อดูจากตลาดรวมสินค้าแฟชั่นถือว่ายังติดลบในอัตราส่วนที่น้อย เพราะครึ่งปีแรกสินค้าแฟชั่นมีอัตราการเติบโตติดลบถึง 20% ซึ่งถือเป็นการติดลบที่สูงสุดของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นในรอบหลายปีที่ผ่านมา
นายแมทธิว กล่าวต่อว่า บริษัทฯยังมองในแง่ดีว่า แนวโน้มของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น จะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดเริ่มกลับมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น บริษัทฯจึงคาดการณ์ว่า ภาพรวมของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น หรือมีอัตราการเติบโตติดลบลดลงอยู่ที่ประมาณ 10% จาก 20% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ล่าสุดบริษัทฯจะใช้งบ 30 ล้านบาท ทำกิจกรรมทางการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์ โครงการ " Do it with love" ซึ่งจะเป็นโครงการเกี่ยวกับการรับบริจาคเสื้อกันหนาว เพื่อเด็กยากไร้ในชนบท โดยจะแบ่งเป็นงบ ซีเอสอาร์ 20 ล้านบาท และงบประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรม 10 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อกลุ่มลูกค้าร่วมบริจาคเสื้อกันหนาวตั้งแต่ 8 ตัวขึ้นไป จะได้บัตรสมนาคุณจากเอสปรี มูลค่า 200 บาท และหากครบ 18 ตัว จะได้บัตรสมนาคุณ 500 บาท ซึ่งรวมมูลค่าบัตรสมนาคุณ 2 เดือนมีมากถึง 40 -50 ล้านบาท
ทั้งนี้ภายหลังที่จัดโครงการดังกล่าวถึงวันที่ 2 มกราคม 2551 คาดว่าจะมีจำนวนเสื้อหนาวที่ได้รับบริจาคไม่ต่ำกว่า 800,000 ตัว ส่งให้ยอดขายเอสปรีเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% ขณะเดียวกันภาพรวมยอดขายของเอสปรีในสิ้นปีนี้ จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ7-10% ได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าครึ่งปีแรกยอดขายอาจติดลบอยู่บ้าง แต่เมื่อดูจากตลาดรวมสินค้าแฟชั่นถือว่ายังติดลบในอัตราส่วนที่น้อย เพราะครึ่งปีแรกสินค้าแฟชั่นมีอัตราการเติบโตติดลบถึง 20% ซึ่งถือเป็นการติดลบที่สูงสุดของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นในรอบหลายปีที่ผ่านมา
นายแมทธิว กล่าวต่อว่า บริษัทฯยังมองในแง่ดีว่า แนวโน้มของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น จะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในตลาดเริ่มกลับมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น บริษัทฯจึงคาดการณ์ว่า ภาพรวมของธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น หรือมีอัตราการเติบโตติดลบลดลงอยู่ที่ประมาณ 10% จาก 20% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ล่าสุดบริษัทฯจะใช้งบ 30 ล้านบาท ทำกิจกรรมทางการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์ โครงการ " Do it with love" ซึ่งจะเป็นโครงการเกี่ยวกับการรับบริจาคเสื้อกันหนาว เพื่อเด็กยากไร้ในชนบท โดยจะแบ่งเป็นงบ ซีเอสอาร์ 20 ล้านบาท และงบประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรม 10 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อกลุ่มลูกค้าร่วมบริจาคเสื้อกันหนาวตั้งแต่ 8 ตัวขึ้นไป จะได้บัตรสมนาคุณจากเอสปรี มูลค่า 200 บาท และหากครบ 18 ตัว จะได้บัตรสมนาคุณ 500 บาท ซึ่งรวมมูลค่าบัตรสมนาคุณ 2 เดือนมีมากถึง 40 -50 ล้านบาท
ทั้งนี้ภายหลังที่จัดโครงการดังกล่าวถึงวันที่ 2 มกราคม 2551 คาดว่าจะมีจำนวนเสื้อหนาวที่ได้รับบริจาคไม่ต่ำกว่า 800,000 ตัว ส่งให้ยอดขายเอสปรีเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% ขณะเดียวกันภาพรวมยอดขายของเอสปรีในสิ้นปีนี้ จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ7-10% ได้อย่างแน่นอน