xs
xsm
sm
md
lg

อ.ต.ก.ถึงไม่ใช่เรื่อง ก็เป็นเรื่อง

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

อ.ต.ก. หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งขึ้นโดยมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร พ.ศ. 2517 รองรับ โดยเนื้อหาวัตถุประสงค์สรุปแล้วให้อำนาจทางกฎหมายกับองค์กรนี้ สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรและระบบอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทยโดยแท้จริง เช่น จัดตั้งตลาดกลางซื้อขายผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สามารถให้เกษตรกรนำสินค้าเหล่านั้นมาจำหน่ายโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ดำเนินการแทรกแซงหรือรับจำนำผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร รวมทั้งทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรในการผลิต จำหน่าย การตลาด การเก็บรักษา และการขนส่ง ตลอดจนส่งเสริมให้มีการปรับปรุงคุณภาพ มาตรฐาน และการผลิตผลผลิตทางการเกษตรให้ตรงกับความต้องการของตลาด

รวมความแล้ว อ.ต.ก. มีภารกิจและพันธกิจครอบจักรวาล ช่วยเหลือการเกษตรของกสิกร หรือคนทำไร่ไถนาไทย เป็นความฝันของเกษตรกรที่จะมีองค์กรหรือรัฐวิสาหกิจ ทำหน้าที่ช่วยเหลือพวกเขาอย่างอิสระ รวดเร็ว และเป็นธรรม ไม่ผ่านขั้นตอนทางราชการที่ยืดยาด ติดขัดด้วยขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแต่ละกรม กอง ในแต่ละกระทรวง ทั้งๆ ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรไทยซึ่งมีอยู่ประมาณ 25 ล้านคนอยู่ในภาคเกษตร โดยเป็นแรงงานภาคเกษตรประมาณ 13 ล้านคนจากประชากร 65 ล้านคน และไม่มีสหภาพแรงงานดูแลเหมือนกับแรงงานภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ เช่นวันที่ 31 ตุลาคม สหภาพ ร.ฟ.ท. ประกาศนัดหยุดงาน เพราะเข้าใจว่ารัฐบาล De Facto จะออกกฎหมายแปรรูปหรืออะไรทำนองนั้น แต่คนไทยเคยเห็นเกษตรกรไทยขู่ว่าจะหยุดงานหรือไม่ เพราะถ้าเกษตรกรหยุดงานก็เท่ากับฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีใครมารู้เห็นด้วย หรือถ้าเกษตรกรหยุดทำงาน พืชไร่ สัตว์ และตัวเองก็ล้มตายไปด้วย

ประเทศไทยมีสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์การเกษตรส่งออกมูลค่าประมาณ 950,000 ล้านบาท มีสินค้าสำคัญที่ส่งออกได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำตาล และผลิตภัณฑ์ยางพารา นอกนั้นเป็นสินค้าประเภทผลไม้ สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP เฉลี่ย 5 ปี มีมูลค่าในสัดส่วนเพียงร้อยละ 9.7 ขณะที่ GDP ที่อยู่นอกภาคการเกษตรมีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 91 ทำให้รู้ว่าเกษตรกรยังไงก็จน และหากพิจารณาประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์แล้วพบว่า ประวัติความห่วงใยเกษตรกรเกิดขึ้นอย่างจริงจังในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อพระองค์ทรงเห็นความยากจนของชาวนา ที่ทำนาขายต่างชาติแต่ไม่รวย จึงทรงมีพระราชดำริให้แก้ไข จึงเกิดระบบการสหกรณ์ขึ้น เพื่อให้ชาวนากู้ยืมเงินทุนหมุนเวียน โดยมี เซอร์ เบอร์นาร์ด ฮันเตอร์ (Sir Bernard Hunter) จากธนาคารมัดราสแห่งอินเดียมาช่วยก่อตั้ง โคออเปอราทิฟ โซไซตี (Cooperative Society) ในปี พ.ศ.2457 จนปัจจุบันสถาบันนี้เป็นหลักของเกษตรกรสถาบันหนึ่ง ที่ช่วยเกษตรกรให้รวมทุนกันในการกสิกรรม แต่ความหลากหลายของการเกษตรมีมาก เช่น ไร่นา สวนผสม เลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด น้ำกร่อย ปลูกสวนป่า และฟาร์มดอกไม้ กล้วยไม้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีกลุ่มเกษตรกรที่มีความรู้ เงินทุน และรู้จังหวะ มีความอ่อนตัวในการปลูกผลผลิตหลัก รอง ให้เหมาะสมกับอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งการสหกรณ์ในเรื่องต้นทุนอื่นๆ ก็จะรอดตัวในยามวิกฤต หรือสร้างฐานะตามจังหวะกลไกตลาดเอื้ออำนวย เช่น มีความอ่อนตัวการทำไร่ส้มที่เชียงใหม่ที่ทดแทนสวนส้มนนทบุรี หรือทำสวนทุเรียนหมอนทองที่จันทบุรีทดแทนทุเรียนนนทบุรี เพราะความเจริญคุกคามแหล่งเพาะปลูกให้เป็นหมู่บ้านจัดสรร

ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะช่วยเกษตรกรทุกคนให้ร่ำรวยได้ แต่ก็สามารถให้อยู่รอดอย่างพอเพียงได้ เพียงแต่ตั้งใจอย่างมีอุดมการณ์เพื่อคน 25 ล้านคน แต่พบว่าคนมีอุดมการณ์ช่วยเหลือเกษตรกรแบบบริสุทธิ์ใจ เหมือนกับว่ายน้ำทวนกระแส ซึ่งมีความแรงตามจังหวะของการเมือง เช่นในปี พ.ศ. 2545 มีการย้ายรัฐมนตรีต่างมุ้งกันในพรรคไทยรักไทย เช่น นายสรอรรถ กลิ่นประทุม มุ้งวังน้ำเย็น เป็น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มุ้งวังน้ำยม และเป็นที่น่าหัวเราะกันทั้งเมืองหลังเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2548 พรรคไทยรักไทยได้ชัยชนะท่วมท้น มี ส.ส.ทั้งในสภานิติบัญญัติ 374 คน แต่ละมุ้งก็จะแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่มีงบประมาณมาก สร้างฐานเสียงได้ง่าย ทุจริตตรวจสอบได้ยาก และข้าราชการให้ความร่วมมือ ข้าราชการมีหลายประเภท เช่น อยู่สบายๆแต่ทำงานเมื่อสั่ง ทำงานเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทน หรือเป็นการเมืองเต็มตัว โดยรวมแล้วข้าราชการกระทรวงนี้มีความรู้ความสามารถดี แต่เมื่ออยู่ในกระแสการเมืองก็ต้องเล่นไปตามกระแสเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะเมื่ออดีตรัฐมนตรี นาย สมศักดิ์ฯ พยายามรักษาตำแหน่ง ขณะที่ นายเนวิน ชิดชอบ อยากเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เอง เพราะเมื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยอยู่นั้นรับผิดชอบองค์การสวนยาง และสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ซึ่ง คตส.กำลังไล่บี้เรื่องการทุจริตกล้ายาง ส่วนด้านอดีตรัฐมนตรี สมศักดิ์ฯ รับผิดชอบโครงการรับจำนำลำไยอบแห้งในปี พ.ศ.2547 ที่มีการทุจริตกันอย่างมโหฬาร เพราะเอาเงิน 2,000 ล้านบาท รับจำนำลม แทนที่จะเป็นลำไยอบแห้งของเกษตรกรเมืองเหนือ ทำให้รัฐเสียหายถึง 2,000 ล้านบาท และสร้างความสับสนวุ่นวายในวงการลำไย จนเป็นช่องว่างให้เกิดธุรกิจการค้านอกระบบ ลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอา และปัญหาลำไยสดล้นตลาดก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบจริงจัง

อ.ต.ก. เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญเชิงธุรกิจที่มีหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ เนื่องจาก อ.ต.ก. จะมุ่งทำงานสนองตอบวัตถุประสงค์ของบุคคลที่มีอำนาจรัฐ และละเลยในการทำวิสาหกิจช่วยเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนผลไม้ที่มีเวลาขายจำกัด จึงมักจะถูกกดราคาในช่วงสินค้าล้นตลาด ไม่มีใครช่วยอย่างใจจริง เช่น กรณีลองกองล้นตลาดทุกปี จนหลายวาระที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งให้หน่วยทหารช่วยเหลือนำออกจากสวนในเขตจังหวัดภาคใต้ แล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำออกมาจำหน่าย โดย อ.ต.ก.ต้องรับภาระนี้ ทั้งๆ ที่สามารถวางแผนล่วงหน้าในการกระจายลองกองตั้งแต่เริ่มมีผลผลิตชุดแรกสุก โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ อ.ต.ก.ไม่ทำ กลับมุ่งที่จะลงทุนสร้างอาคารถาวรบริเวณที่ดินของ ร.ฟ.ท. ซึ่งกำลังเป็นปัญหากับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพราะว่ามีผลประโยชน์มหาศาลจากการเช่าช่วง และเงินกินเปล่า รวมทั้งผลประโยชน์จากการจัดจ้างสร้างอาคาร โดยไม่คำนึงว่า ร.ฟ.ท. อาจจะขอที่คืนก็ได้ เพราะขาดทุนในการบริหารการเดินรถไฟแต่มีที่ดินมาก ซึ่ง Generate รายได้น้อยกว่ามูลค่าเช่าที่ดินที่ครอบครอง

ด้วยตัวอย่างเพียงเล็กน้อย เพราะมีประเด็นปัญหาที่เป็นอุปสรรคมากมายขัดขวางความสามารถของบุคลากร อ.ต.ก.นี้มีอุดมการณ์ แต่กระทำไม่ได้ เพราะระบบภาวะผู้นำมีสีเทา (Gray Governance) และขาดจริยธรรม เช่น กรณีการแต่งตั้ง นาย ไสว สุวัตถิกุล ผอ.ฝ่ายธุรกิจเกษตร เข้าดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการ อ.ต.ก. เพราะว่าบุคคลผู้นี้ถูกคณะกรรมการสอบสวนวินัยของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชุดแรก ซึ่งมี นายศุภชัย บานพับทอง เป็นประธาน สรุปว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรง เพราะเป็นเหตุให้ อ.ต.ก.ได้รับความเสียหาย และเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง จึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ หรือบกพร่องในหน้าที่ หรือปฏิบัติงานไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ จึงเห็นสมควรเลิกจ้าง ตามข้อบังคับ อ.ต.ก. ฉบับที่ 1 ว่าด้วยพนักงานและลูกจ้าง ข้อ 26

สาเหตุของการสอบสวนเป็นเรื่องการทุจริตปลอมปนข้าวสารที่ไม่ถูกต้อง แล้วล้อมด้วยกองข้าวสารที่ถูกต้อง เป็นจำนวน 5,819 กระสอบ ณ คลังสินค้าห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีลักกี้ อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547 จนเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่นานหลายอาทิตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ITV ขณะนั้นได้ตั้งส่วนแยกทำข่าวอย่างต่อเนื่อง เพราะมีข้าวสารปลอมปนเช่นนี้ในหลายคลังสินค้าในเขตภาคกลาง จำนวนข้าวสารปลอมปนมากถึง 68,000 กระสอบ แต่เหตุที่เกิดขึ้นที่อำเภอโกรกพระ นั้น เป็นเพราะคนนครสวรรค์ไม่พอใจ กดดันให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะนั้น รายงานทุจริตจนอดีตรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน และอดีตปลัดกระทรวง นายบรรพต หงส์ทอง เดินทางไปสอบสวนสาเหตุด้วยตัวเอง และการนั้นทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินเปล่าอย่างมหาศาล ทั้งยังเป็นการโกงกันอย่างหน้าด้านๆ และรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตรวจสอบข้าวสารเป็นจำนวนมหาศาลทั่วประเทศ

เหตุการณ์เช่นที่อำเภอโกรกพระมิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วได้แก่ กรณีข้าวสารไหม้ที่คลังสินค้าจังหวัดนนทบุรี และเมื่อสองเดือนที่แล้วก็มีการทุจริตขโมยข้าวสารจากคลังสินค้าของ อ.ค.ส. แต่มีคนรับผิดเพียงคนเดียว ซึ่งขัดต่อความเป็นจริง เพราะการขนข้าวสารนับเป็นหมื่นกระสอบต้องมีขบวนการ Logistic ที่คนเดียวทำได้ยากมากๆ

อนึ่ง การทุจริตปลอมปนข้าวสารที่นครสวรรค์เมื่อปี 2547 นั้น เกี่ยวข้องกับบริษัท เพรสสิเด็นท์อกริเทรดดิ้ง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ นายวัฒนา เมืองสุข ทำให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวงเกษตรฯ ขึ้นมาอีก 1 ชุด และสรุปว่า นายไสว สุวัตถิกุล ไม่ผิดวินัยร้ายแรง จึงไม่ถูกออก และเรื่องนี้ก็เงียบหายไป จนกระทั่งคณะกรรมการ อ.ต.ก.มีมติให้แต่งตั้ง นายไสวฯ โดยการเสนอของ นายโอวาท รอง ผอ.อ.ต.ก. รักษาการ ผอ.อ.ต.ก. ซึ่งมีความใกล้ชิดกันอยู่แล้ว

นี่เป็นเหตุหนึ่งที่บอร์ดตาบอด เพราะว่าส่วนใหญ่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ De Facto จึงไม่รู้ หรือไม่กล้าศึกษารายละเอียดอดีตของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ทั้งๆ ที่มีบุคคลที่มีอาวุโสและหมดจดกว่าให้เลือกขัดตาทัพไว้ก่อน แต่กลับลงความเห็นเลือก นายไสวฯ เป็น รอง ผอ.อ.ต.ก. ซึ่งขัดกับกระแสของพนักงาน อ.ต.ก. ซึ่งไม่ค่อยมีปากมีเสียงอยู่แล้ว ต่างกับพนักงาน ร.ฟ.ท. ที่ทำการนัดหยุดงานได้ทันทีที่ฝ่ายนโยบายและฝ่ายบริหารทำลายผลประโยชน์ของส่วนรวม

ถ้าจะให้อุตสาหกรรมการเกษตรของไทยเจริญแล้วละก็ ต้องปรับปรุง อ.ต.ก. โดยเฉพาะเรื่องภาวะผู้นำขององค์กรเสียก่อน และถ้าเป็นไปได้ ผู้มีอำนาจรัฐต้องสั่งให้คำสั่งแต่งตั้ง รอง ผอ.อ.ต.ก. เป็นโมฆะ แล้วให้รัฐบาลใหม่จัดการปฏิรูปองค์กรนี้ เพื่อเกษตรกร 25 ล้านคนจะได้มีความสบายใจเสียที มิฉะนั้นแล้ว เกษตรกรทั้งหลายจะต้องตกอยู่ในสภาวะความเครียด ไม่รู้ว่าราคาสินค้าจะเป็นอย่างไร จะขายได้หรือไม่ และปีนี้จะเอาอะไรกินเพราะหน่วยงานที่ควรดูแลกับเต็มไปด้วยคนโกงหรือคนที่ยอมให้มีการโกง
กำลังโหลดความคิดเห็น