ผู้จัดการรายวัน – “ทรนง” ทุ่ม 5 พันล้านบาท พื้นที่กว่า 3.5 หมื่นไร่ รอบเขื่อนแก่งกระจาน เนรมิตโรงถ่ายภาพยนตร์เทียบชั้นฮอลลีวู๊ด ตั้งเป้าปีแรกโกยรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท คุยเป็นธุรกิจคนไทย100% ที่จะช่วยดันอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยโตอีกเท่าตัวใน 3 ปีข้างหน้า ฉะรัฐไม่สนใจส่งเสริมทั้งนที่กยเงินเข้าประเทศได้มหาศาล
นายทรนง ศรีเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทเว็นตี้ จูน เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ บริเวณเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์แบบครบวงจร แบ่งเป็นค่าที่ดิน 2,000 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้างฉากเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งอินดอร์ และ เอาท์ดอร์ รวมถึงอุปกรณ์การถ่ายทำรวม 3,000 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนนั้นเป็นเงินสด 1,000 ล้านบาท อีก 2,000 ล้านบาทเป็นเงินกู้ ทั้งแหล่งเงินในประเทศและต่างประเทศ และจะใช้โรงถ่ายภาพยนตร์นี้ผลิตภาพยนตร์ 6 เรื่องภายในปี 2551 พร้อมออกฉายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้โครงการโรงถ่ายภาพยนตร์นี้ให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้สร้างภาพยนตร์ในทั่วโลก
ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในอาณาเขตที่ดินกว่า 35,000 ไร่ ของนาย โอฬาร อัศวฤทธิกุล ประธานบริษัท เพชรไทย จำกัด และประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ในเครือ โอฬาร ซึ่งนายโอฬาร อนุญาติให้ นายทรนง สามารถใช้ที่ดินทั้งหมดในการสร้างเป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ และยังเปิดให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่าถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำลายฉากทิ้ง เมื่อถ่ายทำเสร็จ เพราะในอนาคต ต้องการเปิดสถานที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และทัศนะศึกษาอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
“เดิมที่ดินแห่งนี้ นายโอฬารได้พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว(ลองสเตย์) รวมถึงภัตตาคาร ร้านอาหาร สนามบิน สนามกอล์ฟ และโรงพยาบาล รวม 3,000 ไร่ หรือเรียกว่า เมืองนานาชาติ แก่งกระจาน และล่าสุดทาง บริษัท ทเว็นตี้ จูน มาพัฒนาเป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์อีก 2,000 ไร่ ดังนั้นจึงมีที่ดินเพื่อทำเป็นฉากถ่ายภาพยนตร์ได้อีกราว 30,000 ไร่ ถือเป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และในโลก เพราะ โรงถ่ายฮอลลีวู๊ด มีพื้นที่เพียง 2,000 ไร่เท่านั้น โดยนายโอฬารเห็นว่า อุตสาหกรรมนี้จะสร้างเงินเข้าประเทศได้มาก แต่รัฐบาลกลับไม่สนใจที่จะส่งเสริม ”
***เดินสายโรดโชว์ประกาศศักยภาพ***
โรงถ่ายดังกล่าว แบ่งเป็น 8 เฟส เอ ถึง เอช รวม พื้นที่ ราว 6 พันไร่ เช่น เฟสเมืองเก่า ก่อสร้าง โรงแรม สนามกอล์ฟ และ สถานที่สำคัญต่างๆของโลก เช่น กำแพงเมืองจีน ,ทัชมาฮาล ,นครวัตร-นครธม เป็นต้น ส่วนโซนเมืองใหม่ จำลองถนนยอดฮิตในทุกมุมโลก เช่น ถนนข้าวสาร , พัฒน์พงษ์ ,ฮาราจุกุ,บอมเบย์ เป็นต้น ส่วนเฟสอื่นๆ ได้แก่ โซนรถแข่ง สนามบิน และ โซนบ้านพัก ซึ่งในโซนนี้จะสร้างเป็นคฤหาสน์หรูหรา ราคาหลังละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท มอบฟรีให้แก่ซูเปอร์สตาร์ เช่น แบรตพริต ,เฉินหลง ,โอลิเวอร์สโตน เพื่อต้องการให้บุคคลเหล่านี้ เป็นจุดขายและประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และ โรงถ่ายแห่งนี้ให้โด่งดังไปทั่วโลก และยังสร้างเมืองแบบอิรัก และเมืองสงคราม ด้วย ซึ่งทั้งหมดจะสร้างแล้วเสร็จปี 2553
ด้านแผนการตลาด จะร่วมเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศในงานฟิล์มโล โดยเบื้องต้นจะร่วมเดินทางไปกับกองกิจการภาพยนตร์ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยว นอกจากนั้น ในปี 2551 จะมีภาพยนตร์ที่กำลังสร้างอยู่ขณะนี้ออกฉาย รวม 3 เรื่อง คือ “2022 สึนามิ” เริ่มฉายเดือนเมษายน และอีก 2 เรื่อง คือ เกมส์ตาย-คนไม่ตาย และ 5ก๊ก และจะขายภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องไปตลาดต่างประเทศด้วย
***ตั้งเป้า 3 ปีคืนทุน***
ด้านรายได้ ปีแรกคือปี 251 ที่เปิดบริการอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเอง 500 ล้านบาท และ รายได้จากค่าเช่าอุปกรณ์ถ่ายหนังและภัตตาคาร อีก 500 ล้านบาท โดยปีแรก จะเปิดให้ใช้สถานที่ฟรี เพื่อการโปรโมท ทั้ง ภาพยนตร์ และ ละครทีวี ตั้งเป้าคืนทุนภายใน 3 ปี โดยปีที่ 2 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,200 ล้านบาท และ เพิ่มเป็น 1,500-2,000 ล้านบาท ในปีที่ 3 หรือเฉลี่ยเติบโตปีละกว่า 20% โดยแต่ละปี บริษัทจะสร้างภาพยนตร์เองอย่างน้อยปีละ 6 –12 เรื่อง ทุนสร้างอย่างน้อยเรื่องละ 60 ล้านบาท และยังเปิดรับโปรเจคของผู้สร้าง ที่ต้องการให้เราเข้าไปร่วมลงทุนด้วย เชื่อว่าโรงถ่ายทำนี้จะกระตุ้นให้ธุรกิจถ่ายทำหนังต่างประเทศในประเทศไทยโตได้อีกเท่าตัวภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่กว่า 1,800 ล้านบาท
“สำหรับในปีหน้า คาดว่าจะมีหนังต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในโรงถ่ายนี้อย่างน้อย 10 เรื่อง ซึ่งบริษัท ได้ติดต่อประสานงานไปยังบริษัทผู้สร้างหนังในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทย เป็นเมืองที่ผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ต้องการเข้ามาถ่ายทำสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน แต่ติดขัดในหลายประการ ทั้งขั้นตอนการขออนุญาติจากรัฐบาล และความยากลำบากของการขอใช้สถานที่ถ่ายทำ โรงถ่ายนี้จึงตอบโจทย์ได้”
บริษัท ทเว็นตี้ จูน เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท และ ยังได้จัดตั้งบริษัท ลูก ชื่อ ทรนง สตูดิโอ สำหรับทำงานด้านการรับงานถ่ายทำและอำนวยความสะดวก โดยมีทุนจดทะเบียนอีกราว 50 ล้านบาท นอกจากนั้นแผนธุรกิจขั้นต่อไป จะเชิญ บริษัทสตูติโอ และ พรี-โพสต์ โปรดักชั่น ในประเทศไทย เข้ามาเป็นพันธมิตร เพื่อสร้างเครือข่ายการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายทรนง ศรีเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทเว็นตี้ จูน เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ บริเวณเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์แบบครบวงจร แบ่งเป็นค่าที่ดิน 2,000 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้างฉากเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งอินดอร์ และ เอาท์ดอร์ รวมถึงอุปกรณ์การถ่ายทำรวม 3,000 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนนั้นเป็นเงินสด 1,000 ล้านบาท อีก 2,000 ล้านบาทเป็นเงินกู้ ทั้งแหล่งเงินในประเทศและต่างประเทศ และจะใช้โรงถ่ายภาพยนตร์นี้ผลิตภาพยนตร์ 6 เรื่องภายในปี 2551 พร้อมออกฉายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้โครงการโรงถ่ายภาพยนตร์นี้ให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้สร้างภาพยนตร์ในทั่วโลก
ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในอาณาเขตที่ดินกว่า 35,000 ไร่ ของนาย โอฬาร อัศวฤทธิกุล ประธานบริษัท เพชรไทย จำกัด และประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ในเครือ โอฬาร ซึ่งนายโอฬาร อนุญาติให้ นายทรนง สามารถใช้ที่ดินทั้งหมดในการสร้างเป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ และยังเปิดให้กองถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่าถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำลายฉากทิ้ง เมื่อถ่ายทำเสร็จ เพราะในอนาคต ต้องการเปิดสถานที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และทัศนะศึกษาอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
“เดิมที่ดินแห่งนี้ นายโอฬารได้พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวพำนักระยะยาว(ลองสเตย์) รวมถึงภัตตาคาร ร้านอาหาร สนามบิน สนามกอล์ฟ และโรงพยาบาล รวม 3,000 ไร่ หรือเรียกว่า เมืองนานาชาติ แก่งกระจาน และล่าสุดทาง บริษัท ทเว็นตี้ จูน มาพัฒนาเป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์อีก 2,000 ไร่ ดังนั้นจึงมีที่ดินเพื่อทำเป็นฉากถ่ายภาพยนตร์ได้อีกราว 30,000 ไร่ ถือเป็นโรงถ่ายทำภาพยนตร์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และในโลก เพราะ โรงถ่ายฮอลลีวู๊ด มีพื้นที่เพียง 2,000 ไร่เท่านั้น โดยนายโอฬารเห็นว่า อุตสาหกรรมนี้จะสร้างเงินเข้าประเทศได้มาก แต่รัฐบาลกลับไม่สนใจที่จะส่งเสริม ”
***เดินสายโรดโชว์ประกาศศักยภาพ***
โรงถ่ายดังกล่าว แบ่งเป็น 8 เฟส เอ ถึง เอช รวม พื้นที่ ราว 6 พันไร่ เช่น เฟสเมืองเก่า ก่อสร้าง โรงแรม สนามกอล์ฟ และ สถานที่สำคัญต่างๆของโลก เช่น กำแพงเมืองจีน ,ทัชมาฮาล ,นครวัตร-นครธม เป็นต้น ส่วนโซนเมืองใหม่ จำลองถนนยอดฮิตในทุกมุมโลก เช่น ถนนข้าวสาร , พัฒน์พงษ์ ,ฮาราจุกุ,บอมเบย์ เป็นต้น ส่วนเฟสอื่นๆ ได้แก่ โซนรถแข่ง สนามบิน และ โซนบ้านพัก ซึ่งในโซนนี้จะสร้างเป็นคฤหาสน์หรูหรา ราคาหลังละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท มอบฟรีให้แก่ซูเปอร์สตาร์ เช่น แบรตพริต ,เฉินหลง ,โอลิเวอร์สโตน เพื่อต้องการให้บุคคลเหล่านี้ เป็นจุดขายและประชาสัมพันธ์ประเทศไทย และ โรงถ่ายแห่งนี้ให้โด่งดังไปทั่วโลก และยังสร้างเมืองแบบอิรัก และเมืองสงคราม ด้วย ซึ่งทั้งหมดจะสร้างแล้วเสร็จปี 2553
ด้านแผนการตลาด จะร่วมเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศในงานฟิล์มโล โดยเบื้องต้นจะร่วมเดินทางไปกับกองกิจการภาพยนตร์ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยว นอกจากนั้น ในปี 2551 จะมีภาพยนตร์ที่กำลังสร้างอยู่ขณะนี้ออกฉาย รวม 3 เรื่อง คือ “2022 สึนามิ” เริ่มฉายเดือนเมษายน และอีก 2 เรื่อง คือ เกมส์ตาย-คนไม่ตาย และ 5ก๊ก และจะขายภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องไปตลาดต่างประเทศด้วย
***ตั้งเป้า 3 ปีคืนทุน***
ด้านรายได้ ปีแรกคือปี 251 ที่เปิดบริการอย่างเป็นทางการ ตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเอง 500 ล้านบาท และ รายได้จากค่าเช่าอุปกรณ์ถ่ายหนังและภัตตาคาร อีก 500 ล้านบาท โดยปีแรก จะเปิดให้ใช้สถานที่ฟรี เพื่อการโปรโมท ทั้ง ภาพยนตร์ และ ละครทีวี ตั้งเป้าคืนทุนภายใน 3 ปี โดยปีที่ 2 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,200 ล้านบาท และ เพิ่มเป็น 1,500-2,000 ล้านบาท ในปีที่ 3 หรือเฉลี่ยเติบโตปีละกว่า 20% โดยแต่ละปี บริษัทจะสร้างภาพยนตร์เองอย่างน้อยปีละ 6 –12 เรื่อง ทุนสร้างอย่างน้อยเรื่องละ 60 ล้านบาท และยังเปิดรับโปรเจคของผู้สร้าง ที่ต้องการให้เราเข้าไปร่วมลงทุนด้วย เชื่อว่าโรงถ่ายทำนี้จะกระตุ้นให้ธุรกิจถ่ายทำหนังต่างประเทศในประเทศไทยโตได้อีกเท่าตัวภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่กว่า 1,800 ล้านบาท
“สำหรับในปีหน้า คาดว่าจะมีหนังต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในโรงถ่ายนี้อย่างน้อย 10 เรื่อง ซึ่งบริษัท ได้ติดต่อประสานงานไปยังบริษัทผู้สร้างหนังในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทย เป็นเมืองที่ผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ต้องการเข้ามาถ่ายทำสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน แต่ติดขัดในหลายประการ ทั้งขั้นตอนการขออนุญาติจากรัฐบาล และความยากลำบากของการขอใช้สถานที่ถ่ายทำ โรงถ่ายนี้จึงตอบโจทย์ได้”
บริษัท ทเว็นตี้ จูน เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท และ ยังได้จัดตั้งบริษัท ลูก ชื่อ ทรนง สตูดิโอ สำหรับทำงานด้านการรับงานถ่ายทำและอำนวยความสะดวก โดยมีทุนจดทะเบียนอีกราว 50 ล้านบาท นอกจากนั้นแผนธุรกิจขั้นต่อไป จะเชิญ บริษัทสตูติโอ และ พรี-โพสต์ โปรดักชั่น ในประเทศไทย เข้ามาเป็นพันธมิตร เพื่อสร้างเครือข่ายการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ