เลขาฯ คมช.ปฎิเสธลั่นลูกชายเข้าค่าย ปชป.ไม่เกี่ยวสืบทอดอำนาจ เช่นเดียวกับ ปชป. ยันลูกบิ๊ก คมช.และรัฐมนตรีที่เข้าร่วมงานเป็นคนคุณภาพ ไม่เกี่ยวนามสกุล ซัด พปช.ให้ดูเงาตัวเอง “สุเทพ” ระบุแม้ “เติ้ง-เสธ.หนั่น” จะเข้าร่วมพรรคเดียวกันแต่ยังเป็นพันธมิตรกับ ปชป. พร้อมเปิดทาง “ป๋าเหนาะ” เข้าสังกัด ขณะที่ “เสนาะ” ดอดพบ “จิ๋ว” ก่อนหน้าบานกลับมายืนยันเดินหน้าทำพรรคประชาราชต่อ ให้รออีก 2 วันจะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ ขณะเดียวกันประกาศยินดีร่วมงาน พปช. อ้างเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตประเทศอีก ด้าน พปช.เดินแผนยุให้รำำ ตำให้รั่ว ปูด “เติ้ง-เสธ.หนั่น” มียุทธศาสตร์ลับ “ทักษิณ” ใช้ ส.ส.พปช.เป็นฐาน ปูทางก้าวสู่เก้าอี้นายกฯ หลังเลือกตั้ง
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าว วานนี้ (30 ต.ค.) ถึงกรณีที่ นายสกลธี ภัททิยกุล บุตรชาย สมัครเข้าเป็น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ถูกมองว่า คมช.สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาล ว่า การลงสมัคร ส.ส.ของลูกชาย ไม่เกี่ยวกับ คมช. นายสกลธี อายุ 30 ปีแล้ว สามารถตัดสินใจเองได้
ส่วนที่มองว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจนั้น พล.อ.วินัย กล่าวว่า แค่คนๆ เดียวจะไปสั่งอะไรในพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรคได้ ทำไม่ได้อยู่แล้ว และเมื่อถามว่าจะเป็นการไปสร้างความไม่สบายใจให้กับพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร พรรคการเมืองไม่สบายใจเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ นายสกลธี ภัททิยกุล บุตรชาย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล และนายก้องศักดิ์ ยอดมณี บุตรชายของ นายสุวิทย์ ยอดมณี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วก็เหมือนกับบุคคลอื่นที่จะต้องมีการพิจารณา เท่าที่ทราบทั้งคู่เป็นคนมีคุณภาพ และมีประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนจะได้รับการพิจารณาให้เป็น ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่จะพิจารณา ไม่เกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจ
“ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกัน อย่าเอาเรื่องของบุคคลไปเชื่อมโยงกัน พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า มีความบริสุทธิ์ใจ และไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นปัญหา เพราะในพรรคพลังประชาชน ก็มีคนที่เคยทำการปฏิวัติอยู่ร่วมด้วย 1 คน ขณะที่นายสกลธี และนายก้องศักดิ์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)”
ส่วนการวางตัวผู้สมัครในนามพรรค จะมีปัญหาหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่ามี เพราะผู้ที่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกก็ทำไปตามกระบวนการ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นวันปฐมนิเทศผู้สมัครใหม่ จะสามารถประกาศตัวผู้สมัครได้อย่างเป็นทางการ
ยัน“เสธ.หนั่น-เติ้ง”ยังเป็นพันธมิตร
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตหัวหน้าพรรค มหาชน เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับพรรคชาติไทย ว่ายินดีกับ พล.ต.สนั่น และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่จะได้ร่วมทำงานทางการเมืองอย่างเป็นปึกแผ่น ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอดีต 3 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมกับยอมรับว่า เคยคุยกับ พล.ต.สนั่น ก่อนหน้านี้
“มีการพูดคุยกัน แต่เป็นคนละเงื่อนไข เพราะในขณะนั้น พล.ต.สนั่น ยังอยากจะทำงานทางการเมือง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคมหาชนให้ดีที่สุด แต่เมื่อเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญปี 2550 ยากแก่การปฏิบัติ ก็ต้องตัดสินใจกันใหม่”
ส่วนจะพรรคทาบทามนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบอยู่ที่การตัดสินใจ
ส่วนกรณีที่ที่พรรคพลังประชาชนออกมาเปิดเผยผลสำรวจความนิยมประชาชนในภาคต่าง ๆ และระบุว่า จะได้ ส.ส.ทั้งหมด 250 ที่นั่งนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่โพล และคิดว่าจะเป็นแค่ความพยายามปลุกกระแส ซึ่งมองว่ายังห่างไกลความเป็นจริง
“สุเทพ”รับเปิดทาง“เสนาะ”ร่วม ปชป.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทาบทาม นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันที่ตนเดินทางไปพบนายเสนาะ ก็เพื่อไปให้กำลังใจว่าการเมืองวุ่นวายขออย่าท้อแท้ เพราะนายเสนาะมีส่วนทำงานให้กับบ้านเมืองมามาก และอยากให้มีกำลังใจทำต่อไป และจะมาเป็นพันธมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากมีปัญหาก็ยินดีต้อนรับเสมอ เป็นการเปิดทางให้เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน เพราะหากนายเสนาะตัดสินใจอย่างไรก็คงจะบอกตน
“ไม่เคยได้คุยเงื่อนไขกัน ไม่ได้คุยเงือนไขใด ๆ กับท่านเสนาะ เพียงแต่ว่า เราเปิดประตูต้อนรับ เปิดหัวใจต้อนรับ”
ส่วนกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชนยกทีมย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ความเป็นมิตรระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทยยังเหมือนเดิมที่เคยจับมือกันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และคาดว่า อีกระยะหนึ่งคงจะได้มีการนัดรับประทานอาหารและพูดคุยกัน แต่ตอนนี้แต่ละพรรคกำลังยุ่งอยู่กับการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งหากลงตัวแล้วคงจะได้มีการปรึกษาหารือกันถึงสถานการณ์การเมืองทั่วๆ ไป ทั้งนี้เงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดหัวหน้าพรรคพันธมิตร คือสุพรรณบุรี และพิจิตรก็ยังคงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เผยคัดผู้สมัครไม่ได้ดูที่นามสกุล
ส่วนเสียงวิจารณ์กรณีที่นายก้องศักดิ์ ยอดมณี และนายสกลธี ภัททิยกุล มาลงสมัครรับเลือกตั้งกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องลูกกับพ่อควรจะแยกจากกัน เพราะเด็กหนุมที่สมัครเข้ามาทำงานกับพรรคเราต้องผ่านการสัมภาษณ์ของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครจึงไม่เกี่ยวกับนามสกุลว่าจะเหมือนกับคนในรัฐบาลหรือ คมช.ทั้งนี้คนหนุ่มสาวที่มาสังกัดพรรคเป็นคนที่มีประวัติการศึกษาดี
“เราไม่ได้เลือกคนที่นามสกุล หลายคนที่เข้ามารุ่นนี้ เราไม่รู้จักคุณพ่อคุณแม่ ของเขาด้วยซ้ำไป อันนี้ไม่ใช่ประเด็นของเรา ถ้าเราเลือกเอานามสกุล ลูกท่านชวน คงไม่ได้เข้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่แรกแล้ว”
ส่วนจะถูกมองว่าจะมีการใช้อำนาจรัฐมาเอื้อให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติที่จะเอาอำนาจรัฐมาใช้ในการเลือกตั้ง แม้แต่ตอนเป็นรัฐบาลและจัดการเลือกตั้งเอง ก็ไม่เคยทำ และที่พรรคพลังประชาชนออกมาโจมตีเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะจะไม่ให้ลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ คงเป็นเรื่องประหลาด และคนเหล่านั้นคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอะไร แต่ในข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“คนที่ออกมาพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์อิงทหารคงไม่ดูเงาตัวเอง และไม่สำรวจตัวเอง ต้องให้ไปสำรวจดูว่า เมื่อก่อนมีอุดมการณ์อย่างไร และขณะนี้มีอุดมการณ์อย่างไร บางคนเคยต่อต้านนายทุน แต่ตอนหลังก็มารับใช้ คุณทักษิณ และตอนนี้ยังพิรี้พิไรที่จะดูแลต่อสู้ยอมกายถวายชีวิตให้พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ควรมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า อุดมการณ์ของพรรคต้องการมีประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ และพูดได้เต็มที่ว่าทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และบังเอิญว่าถ้าอุดมการณ์ที่เรามีอย่างนี้ตรงกับทหาร ผมก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร เพราะทหารมีหน้าที่ทำงานให้กับชาติบ้านเมือง คนที่วิจารณ์น่าแปลกกว่า เพราะเป็นพรรคและกลุ่มของคุณทักษิณ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะดุเดือดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีเลือกตั้ง ก็ดุเดือดทุกครั้ง และคอยจับตาคนที่ต่อสู้โดยแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกันพรรคจะคอยติดตามตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตเลือกตั้ง เพราะหากการเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ประชาธิปไตยก็ไม่มีความหมาย แต่สำหรับพรรคการเมือง บางพรรคถือว่าการเลือกตั้งเป็นพิธีกรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเท่านั้นเอง
“เสนาะ”เดินหน้าพรรคประชาราชต่อ
ด้าน นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช แถลงว่า ได้หารือกับครอบครัว สมาชิกพรรคประชาราช และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแล้ว ขอยืนยันว่า พรรคประชาราชจะคงอยู่ไว้ซึ่งปณิธานต่อไป ที่สำคัญต้องขอบคุณสมาชิกพรรคที่ยังคงมีใจมั่นคง ไม่หวั่นไหว แม้จะมีข่าวทั้งดีและไม่ดีออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเรามีความผูกพันในการรับผิดชอบรับใช้ประชาชน นำจุดแข็งของประเทศกลับคืนมา
“สมาชิกยังคงอยู่ด้วยอีกกว่า 20 ชีวิต และจะกลับมาอีก 10 คน สำหรับผมจะลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบสัดส่วนลำดับที่ 1 กลุ่มจังหวัดที่ครอบคลุมพื้นที่ จ.สระแก้ว ขณะที่นางอุไรวรรณ เทียนทอง จะไม่ลงเล่นการเมือง”
นายเสนาะ กล่าวว่า ภายในไม่เกิน 1-2 วันนี้ หรือวันที่ 1 พ.ย.จะแถลงข่าวใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง และเชื่อว่าจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ คนที่เข้ามาร่วมงานจะเป็นสุภาพบุรุษ และพร้อมที่จะให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน เพราะส่วนตัวไม่ได้ยึดติด และมีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งขณะนี้ได้ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการพรรคแทนนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ที่ลาออกไปด้วย
ส่วนที่มีกระแสข่าวนายกร ทัพพะรังสี รองหัวหน้าพรรค จะย้ายไปอยู่พรรคอื่นว่า ไม่ทราบเรื่อง แต่พรรคไม่ได้ปิดกั้น ซึ่งถ้าจะไปก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรเอง และถ้าลาออกก็ไม่กระทบต่อการหาเสียงของพรรค
ประกาศพร้อมร่วมงานกับ พปช.
ส่วนพร้อมจะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น นายเสนาะ ย้ำว่า รอให้ถึงเวลาก่อน ทุกพรรคที่ประชาชนเลือก พรรคประชาราชก็พร้อมสนับสนุน เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งนั้น รวมถึงพรรคพลังประชาชนด้วย เพราะกระบวนการตรวจสอบทุกอย่างเข้าสู่ระบบการตรวจสอบและศาลแล้ว จึงไม่ควรที่จะพูดถึง สำหรับเป้าหมายของประชาราช คือ ต้องการไม่ให้เกิดวิกฤติกับประเทศอีก
นายเสนาะยังกล่าวแสดงความยินดีกับนายบรรหาร ศิลปอาชา และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ได้ทำงานการเมืองด้วยกัน เนื่องจากถือว่าเป็นผู้อาวุโสด้วยกันทั้งคู่ และประเทศเวลานี้ ความอาวุโสถือว่าสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าว นายเสนาะได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวออกไปกับคนใกล้ชิดนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมาแถลงข่าวอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ยอม เปิดเผยว่าไปไหนมา และไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่จะมาทำงานร่วมด้วย แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามถามก็ตาม
“เสนาะ”ดอดทาบ“จิ๋ว”ร่วมประชาราช
แหล่งจากใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พร้อมด้วยนายอร่าม โล่ห์วีระ ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ที่บ้านปิ่นประภาคม ย่านนนทบุรี เพื่อหารือถึงการดำเนินการทางการเมือง แต ่พล.อ.ชวลิต ยังไม่ตอบรับว่าจะไปร่วมกับพรรคประชาราชหรือไม่ แม้ว่าจะเสนอเก้าอี้หัวหน้าพรรคให้ก็ตาม
ทั้งนี้ยอมรับว่าที่ผ่านมานายพินิจ จารุสมบัติ และพล.ต.อ.ประชา พรมนอก แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินได้เดินทางมาหารือกับพล.อ.ชวลิต รวมทั้งพรรคต่างๆ อีกหลายพรรค ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาติดต่อให้เข้าร่วม ซึ่งพล.อ.ชวลิต จะตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคไหนนั้นคาดงว่าอีก 2 วันจะรู้ผล
ปัด“เสธ.หนั่น”นั่งเลขาฯ ชาติไทย
นายอรรคพล สรสุชาติ สมาชิกพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ จะนั่งเลขาธิการพรรคชาติไทยว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน รวมทั้งข่าวที่ว่า พล.ต.สนั่นจะได้ลงสมัครส.ส.สัดส่วนลำดับที่ 1 ด้วย ยืนยันว่า พล.ต.สนั่น และสมาชิกพรรคมหาชนที่ไปสังกัดพรรคชาติไทย ไม่มีข้อต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้เป็นเพียงสมาชิกพรรคชาติไทยเท่านั้นต้องรอคณะกรรมการบริหาร พรรคชาติไทยมีมติก่อน สำหรับพล.ต.สนั่นมีความพร้อมที่จะลงสมัครทั้งระบบเขต และระบบสัดส่วน ซึ่งหากลงเขตก็คงจะเป็นเขต 2 จ.พิจิตร ทั้งนี้ส่วนตนตัดสินใจจะลงสมัครส.ส.ระบบสัดส่วน และจะลาออกจาก สนช.ในวันที่ 6 พ.ย.
ปูด‘เติ้ง-เสธ.”มีแผนผนึก พปช.
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่าการที่ พล.อ.สนั่น นำสมาชิกพรรคมหาชนเข้าสังกัดพรรคชาติไทย ของนายบรรหาร ศิลปอาชา สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่านายบรรหารได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้น พล.ต.สนั่นก็เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เชนกัน
โดยนายบรรหารได้หารือถึงทิศทางการเมือง โดยวางยุทธศาสตร์ว่า หากพรรคพลังประชาชนได้ ส.ส.ตามเป้าที่วางไว้ จะให้พรรคชาติไทยเป็นพันธมิตรและจะพลักดันนายบรรหารขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายบรรหาร ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ เนื่องจากต้องสงวนท่าทีและระมัดระวังในการวางตัวทางการเมือง เนื่องจากฝ่ายทหารวางธงจัดการกลุ่มอำนาจเก่า แต่การเข้าร่วมงานการเมืองกันของ นายบรรหาร กับ พล.ต.สนั่นถือเป็นการประกาศศักยภาพว่าพรรคชาติไทยพร้อมที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า การทำงานหลังเลือกตั้งจะร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่นั้น เชื่อว่าขณะนี้นายบรรหาร กำลังรอดูจำนวน ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนว่าจะได้จำนวนเท่าไหร่ ขณะนี้ พล.ต.สนั่นก็ทราบถึงยุทธศาสตร์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคชาติไทย นอกเหนือจากที่ พล.ต.สนั่นไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ความสำคัญและเจรจากับ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชมากกว่า ทั้งที่ตัวเองเคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนก็ไม่พอใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะต้องการให้ พล.ต.สนั่นกลับมาอยู่กับพรรคเพื่อวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปเจรจากับนายเสนาะแทน
“แม้ว”เตรียมจัดถวายพระพรที่อังกฤษ
พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร กฤษณะราช สมาชิกพรรคพลังประชาชน และว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตคลองเตย กทม. เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปเยี่ยมลูกที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และได้ถือโอกาสเยี่ยมเยียนพ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้เวลาพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณเกือบ 2 ชั่วโมง ที่โรงแรมวอชิงตัน เมย์แฟร์ กรุงลอนดอน และทราบว่าในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะจัดให้มีการถวายพระพรที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยจะจัดให้ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อให้นักฟุตบอลและคนไทยได้ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย นอกจากนี้ สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังได้สร้าง อคาเดมี่ (โรงเรียนฝึกสอนฟุตบอล) ระหว่างอายุ 6 ปี 8 ปี 13 ปี และ18 ปี โดยจะให้เด็กไทย มาทดสอบฝีเท้าที่นี่ด้วย
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าว วานนี้ (30 ต.ค.) ถึงกรณีที่ นายสกลธี ภัททิยกุล บุตรชาย สมัครเข้าเป็น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ถูกมองว่า คมช.สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาล ว่า การลงสมัคร ส.ส.ของลูกชาย ไม่เกี่ยวกับ คมช. นายสกลธี อายุ 30 ปีแล้ว สามารถตัดสินใจเองได้
ส่วนที่มองว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจนั้น พล.อ.วินัย กล่าวว่า แค่คนๆ เดียวจะไปสั่งอะไรในพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรคได้ ทำไม่ได้อยู่แล้ว และเมื่อถามว่าจะเป็นการไปสร้างความไม่สบายใจให้กับพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร พรรคการเมืองไม่สบายใจเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่ นายสกลธี ภัททิยกุล บุตรชาย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล และนายก้องศักดิ์ ยอดมณี บุตรชายของ นายสุวิทย์ ยอดมณี รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วก็เหมือนกับบุคคลอื่นที่จะต้องมีการพิจารณา เท่าที่ทราบทั้งคู่เป็นคนมีคุณภาพ และมีประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนจะได้รับการพิจารณาให้เป็น ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่จะพิจารณา ไม่เกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจ
“ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกัน อย่าเอาเรื่องของบุคคลไปเชื่อมโยงกัน พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า มีความบริสุทธิ์ใจ และไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นปัญหา เพราะในพรรคพลังประชาชน ก็มีคนที่เคยทำการปฏิวัติอยู่ร่วมด้วย 1 คน ขณะที่นายสกลธี และนายก้องศักดิ์ ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)”
ส่วนการวางตัวผู้สมัครในนามพรรค จะมีปัญหาหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่ามี เพราะผู้ที่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกก็ทำไปตามกระบวนการ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นวันปฐมนิเทศผู้สมัครใหม่ จะสามารถประกาศตัวผู้สมัครได้อย่างเป็นทางการ
ยัน“เสธ.หนั่น-เติ้ง”ยังเป็นพันธมิตร
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตหัวหน้าพรรค มหาชน เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับพรรคชาติไทย ว่ายินดีกับ พล.ต.สนั่น และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่จะได้ร่วมทำงานทางการเมืองอย่างเป็นปึกแผ่น ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอดีต 3 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมกับยอมรับว่า เคยคุยกับ พล.ต.สนั่น ก่อนหน้านี้
“มีการพูดคุยกัน แต่เป็นคนละเงื่อนไข เพราะในขณะนั้น พล.ต.สนั่น ยังอยากจะทำงานทางการเมือง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคมหาชนให้ดีที่สุด แต่เมื่อเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญปี 2550 ยากแก่การปฏิบัติ ก็ต้องตัดสินใจกันใหม่”
ส่วนจะพรรคทาบทามนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบอยู่ที่การตัดสินใจ
ส่วนกรณีที่ที่พรรคพลังประชาชนออกมาเปิดเผยผลสำรวจความนิยมประชาชนในภาคต่าง ๆ และระบุว่า จะได้ ส.ส.ทั้งหมด 250 ที่นั่งนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่โพล และคิดว่าจะเป็นแค่ความพยายามปลุกกระแส ซึ่งมองว่ายังห่างไกลความเป็นจริง
“สุเทพ”รับเปิดทาง“เสนาะ”ร่วม ปชป.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทาบทาม นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ว่า วันที่ตนเดินทางไปพบนายเสนาะ ก็เพื่อไปให้กำลังใจว่าการเมืองวุ่นวายขออย่าท้อแท้ เพราะนายเสนาะมีส่วนทำงานให้กับบ้านเมืองมามาก และอยากให้มีกำลังใจทำต่อไป และจะมาเป็นพันธมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากมีปัญหาก็ยินดีต้อนรับเสมอ เป็นการเปิดทางให้เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน เพราะหากนายเสนาะตัดสินใจอย่างไรก็คงจะบอกตน
“ไม่เคยได้คุยเงื่อนไขกัน ไม่ได้คุยเงือนไขใด ๆ กับท่านเสนาะ เพียงแต่ว่า เราเปิดประตูต้อนรับ เปิดหัวใจต้อนรับ”
ส่วนกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชนยกทีมย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ความเป็นมิตรระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทยยังเหมือนเดิมที่เคยจับมือกันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และคาดว่า อีกระยะหนึ่งคงจะได้มีการนัดรับประทานอาหารและพูดคุยกัน แต่ตอนนี้แต่ละพรรคกำลังยุ่งอยู่กับการหาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งหากลงตัวแล้วคงจะได้มีการปรึกษาหารือกันถึงสถานการณ์การเมืองทั่วๆ ไป ทั้งนี้เงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดหัวหน้าพรรคพันธมิตร คือสุพรรณบุรี และพิจิตรก็ยังคงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เผยคัดผู้สมัครไม่ได้ดูที่นามสกุล
ส่วนเสียงวิจารณ์กรณีที่นายก้องศักดิ์ ยอดมณี และนายสกลธี ภัททิยกุล มาลงสมัครรับเลือกตั้งกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องลูกกับพ่อควรจะแยกจากกัน เพราะเด็กหนุมที่สมัครเข้ามาทำงานกับพรรคเราต้องผ่านการสัมภาษณ์ของคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครจึงไม่เกี่ยวกับนามสกุลว่าจะเหมือนกับคนในรัฐบาลหรือ คมช.ทั้งนี้คนหนุ่มสาวที่มาสังกัดพรรคเป็นคนที่มีประวัติการศึกษาดี
“เราไม่ได้เลือกคนที่นามสกุล หลายคนที่เข้ามารุ่นนี้ เราไม่รู้จักคุณพ่อคุณแม่ ของเขาด้วยซ้ำไป อันนี้ไม่ใช่ประเด็นของเรา ถ้าเราเลือกเอานามสกุล ลูกท่านชวน คงไม่ได้เข้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่แรกแล้ว”
ส่วนจะถูกมองว่าจะมีการใช้อำนาจรัฐมาเอื้อให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีประวัติที่จะเอาอำนาจรัฐมาใช้ในการเลือกตั้ง แม้แต่ตอนเป็นรัฐบาลและจัดการเลือกตั้งเอง ก็ไม่เคยทำ และที่พรรคพลังประชาชนออกมาโจมตีเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะจะไม่ให้ลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ คงเป็นเรื่องประหลาด และคนเหล่านั้นคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอะไร แต่ในข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“คนที่ออกมาพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์อิงทหารคงไม่ดูเงาตัวเอง และไม่สำรวจตัวเอง ต้องให้ไปสำรวจดูว่า เมื่อก่อนมีอุดมการณ์อย่างไร และขณะนี้มีอุดมการณ์อย่างไร บางคนเคยต่อต้านนายทุน แต่ตอนหลังก็มารับใช้ คุณทักษิณ และตอนนี้ยังพิรี้พิไรที่จะดูแลต่อสู้ยอมกายถวายชีวิตให้พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ควรมาวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ขอยืนยันว่า อุดมการณ์ของพรรคต้องการมีประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ และพูดได้เต็มที่ว่าทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และบังเอิญว่าถ้าอุดมการณ์ที่เรามีอย่างนี้ตรงกับทหาร ผมก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร เพราะทหารมีหน้าที่ทำงานให้กับชาติบ้านเมือง คนที่วิจารณ์น่าแปลกกว่า เพราะเป็นพรรคและกลุ่มของคุณทักษิณ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะดุเดือดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีเลือกตั้ง ก็ดุเดือดทุกครั้ง และคอยจับตาคนที่ต่อสู้โดยแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกันพรรคจะคอยติดตามตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตเลือกตั้ง เพราะหากการเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ประชาธิปไตยก็ไม่มีความหมาย แต่สำหรับพรรคการเมือง บางพรรคถือว่าการเลือกตั้งเป็นพิธีกรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเท่านั้นเอง
“เสนาะ”เดินหน้าพรรคประชาราชต่อ
ด้าน นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช แถลงว่า ได้หารือกับครอบครัว สมาชิกพรรคประชาราช และผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแล้ว ขอยืนยันว่า พรรคประชาราชจะคงอยู่ไว้ซึ่งปณิธานต่อไป ที่สำคัญต้องขอบคุณสมาชิกพรรคที่ยังคงมีใจมั่นคง ไม่หวั่นไหว แม้จะมีข่าวทั้งดีและไม่ดีออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเรามีความผูกพันในการรับผิดชอบรับใช้ประชาชน นำจุดแข็งของประเทศกลับคืนมา
“สมาชิกยังคงอยู่ด้วยอีกกว่า 20 ชีวิต และจะกลับมาอีก 10 คน สำหรับผมจะลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบสัดส่วนลำดับที่ 1 กลุ่มจังหวัดที่ครอบคลุมพื้นที่ จ.สระแก้ว ขณะที่นางอุไรวรรณ เทียนทอง จะไม่ลงเล่นการเมือง”
นายเสนาะ กล่าวว่า ภายในไม่เกิน 1-2 วันนี้ หรือวันที่ 1 พ.ย.จะแถลงข่าวใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง และเชื่อว่าจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ คนที่เข้ามาร่วมงานจะเป็นสุภาพบุรุษ และพร้อมที่จะให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน เพราะส่วนตัวไม่ได้ยึดติด และมีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งขณะนี้ได้ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการพรรคแทนนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ที่ลาออกไปด้วย
ส่วนที่มีกระแสข่าวนายกร ทัพพะรังสี รองหัวหน้าพรรค จะย้ายไปอยู่พรรคอื่นว่า ไม่ทราบเรื่อง แต่พรรคไม่ได้ปิดกั้น ซึ่งถ้าจะไปก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรเอง และถ้าลาออกก็ไม่กระทบต่อการหาเสียงของพรรค
ประกาศพร้อมร่วมงานกับ พปช.
ส่วนพร้อมจะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น นายเสนาะ ย้ำว่า รอให้ถึงเวลาก่อน ทุกพรรคที่ประชาชนเลือก พรรคประชาราชก็พร้อมสนับสนุน เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งนั้น รวมถึงพรรคพลังประชาชนด้วย เพราะกระบวนการตรวจสอบทุกอย่างเข้าสู่ระบบการตรวจสอบและศาลแล้ว จึงไม่ควรที่จะพูดถึง สำหรับเป้าหมายของประชาราช คือ ต้องการไม่ให้เกิดวิกฤติกับประเทศอีก
นายเสนาะยังกล่าวแสดงความยินดีกับนายบรรหาร ศิลปอาชา และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ได้ทำงานการเมืองด้วยกัน เนื่องจากถือว่าเป็นผู้อาวุโสด้วยกันทั้งคู่ และประเทศเวลานี้ ความอาวุโสถือว่าสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าว นายเสนาะได้นั่งรถยนต์ส่วนตัวออกไปกับคนใกล้ชิดนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมาแถลงข่าวอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่ยอม เปิดเผยว่าไปไหนมา และไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อบุคคลที่จะมาทำงานร่วมด้วย แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามถามก็ตาม
“เสนาะ”ดอดทาบ“จิ๋ว”ร่วมประชาราช
แหล่งจากใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช พร้อมด้วยนายอร่าม โล่ห์วีระ ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ที่บ้านปิ่นประภาคม ย่านนนทบุรี เพื่อหารือถึงการดำเนินการทางการเมือง แต ่พล.อ.ชวลิต ยังไม่ตอบรับว่าจะไปร่วมกับพรรคประชาราชหรือไม่ แม้ว่าจะเสนอเก้าอี้หัวหน้าพรรคให้ก็ตาม
ทั้งนี้ยอมรับว่าที่ผ่านมานายพินิจ จารุสมบัติ และพล.ต.อ.ประชา พรมนอก แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินได้เดินทางมาหารือกับพล.อ.ชวลิต รวมทั้งพรรคต่างๆ อีกหลายพรรค ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาติดต่อให้เข้าร่วม ซึ่งพล.อ.ชวลิต จะตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคไหนนั้นคาดงว่าอีก 2 วันจะรู้ผล
ปัด“เสธ.หนั่น”นั่งเลขาฯ ชาติไทย
นายอรรคพล สรสุชาติ สมาชิกพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ จะนั่งเลขาธิการพรรคชาติไทยว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน รวมทั้งข่าวที่ว่า พล.ต.สนั่นจะได้ลงสมัครส.ส.สัดส่วนลำดับที่ 1 ด้วย ยืนยันว่า พล.ต.สนั่น และสมาชิกพรรคมหาชนที่ไปสังกัดพรรคชาติไทย ไม่มีข้อต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น ขณะนี้เป็นเพียงสมาชิกพรรคชาติไทยเท่านั้นต้องรอคณะกรรมการบริหาร พรรคชาติไทยมีมติก่อน สำหรับพล.ต.สนั่นมีความพร้อมที่จะลงสมัครทั้งระบบเขต และระบบสัดส่วน ซึ่งหากลงเขตก็คงจะเป็นเขต 2 จ.พิจิตร ทั้งนี้ส่วนตนตัดสินใจจะลงสมัครส.ส.ระบบสัดส่วน และจะลาออกจาก สนช.ในวันที่ 6 พ.ย.
ปูด‘เติ้ง-เสธ.”มีแผนผนึก พปช.
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่าการที่ พล.อ.สนั่น นำสมาชิกพรรคมหาชนเข้าสังกัดพรรคชาติไทย ของนายบรรหาร ศิลปอาชา สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่านายบรรหารได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้น พล.ต.สนั่นก็เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ เชนกัน
โดยนายบรรหารได้หารือถึงทิศทางการเมือง โดยวางยุทธศาสตร์ว่า หากพรรคพลังประชาชนได้ ส.ส.ตามเป้าที่วางไว้ จะให้พรรคชาติไทยเป็นพันธมิตรและจะพลักดันนายบรรหารขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายบรรหาร ยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ เนื่องจากต้องสงวนท่าทีและระมัดระวังในการวางตัวทางการเมือง เนื่องจากฝ่ายทหารวางธงจัดการกลุ่มอำนาจเก่า แต่การเข้าร่วมงานการเมืองกันของ นายบรรหาร กับ พล.ต.สนั่นถือเป็นการประกาศศักยภาพว่าพรรคชาติไทยพร้อมที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า การทำงานหลังเลือกตั้งจะร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่นั้น เชื่อว่าขณะนี้นายบรรหาร กำลังรอดูจำนวน ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนว่าจะได้จำนวนเท่าไหร่ ขณะนี้ พล.ต.สนั่นก็ทราบถึงยุทธศาสตร์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคชาติไทย นอกเหนือจากที่ พล.ต.สนั่นไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ความสำคัญและเจรจากับ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชมากกว่า ทั้งที่ตัวเองเคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนก็ไม่พอใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะต้องการให้ พล.ต.สนั่นกลับมาอยู่กับพรรคเพื่อวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปเจรจากับนายเสนาะแทน
“แม้ว”เตรียมจัดถวายพระพรที่อังกฤษ
พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร กฤษณะราช สมาชิกพรรคพลังประชาชน และว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตคลองเตย กทม. เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปเยี่ยมลูกที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และได้ถือโอกาสเยี่ยมเยียนพ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้เวลาพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณเกือบ 2 ชั่วโมง ที่โรงแรมวอชิงตัน เมย์แฟร์ กรุงลอนดอน และทราบว่าในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะจัดให้มีการถวายพระพรที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ โดยจะจัดให้ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อให้นักฟุตบอลและคนไทยได้ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย นอกจากนี้ สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังได้สร้าง อคาเดมี่ (โรงเรียนฝึกสอนฟุตบอล) ระหว่างอายุ 6 ปี 8 ปี 13 ปี และ18 ปี โดยจะให้เด็กไทย มาทดสอบฝีเท้าที่นี่ด้วย