เมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) พรรคพลังประชาชน ได้ประชุมสัมมนาว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ โดยมีแกนนำของพรรคเดินทางมาร่วมงานด้วย อาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายนพดล ปัทมะ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส่วนอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมิอง 5 ปี ก็มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย อาทิ นายวราเทพ รัตนากร และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช โดยนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะบรรยายพิเศษให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ข้อควรระวังในการหาเสียง เพื่อป้องกันไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย และถูกกลั่นแกล้ง
ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น พรรคได้จัดให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่ได้รับการพิจารณาให้ลงสมัครส.ส.ในนามพรรค ลงชื่อเป็นรายภาคด้วย ซึ่งในส่วนของ กทม.นั้นปรากฎว่าไม่มีชื่อของ นายเนติภูมิ นวรัตน์ บุตรชาย ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์ ที่พรรคได้แถลงข่าวเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคไปก่อนหน้านี้ รวมทั้ง ไม่มีชื่อ นายเอกภพ วงศ์อารยะ บุตรชาย นายอารีย์ วงศ์อารยะ นายวันและนายดวง อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ปรากฏในใบเซ็นชื่อก่อนเข้าร่วมประชุมสัมมนาด้วย
สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่น่าสนใจนั้น อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกวี ณ ลำปาง อดีต ส.ก.กทม. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน นายฤทธิ์ลือชา คุ้มแพรวพรรณ หรือ ฤทธิ์ ลือชา นักแสดงดาวร้ายชื่อดัง ที่แสดงความจำนงขอลงสมัครส.ส.กทม. ในเขต มีนบุรี หรือ เขตหนองจอก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ก็มีการเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส.หญิง หน้าใหม่ของพรรค ประมาณ 30 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ส่วนใหญ่จะมีนามสกุลเดียวกับอดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี อาทิ นางอนุสรา ยังตรง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ นางดวงแข อรรณนพพร จ.ขอนแก่น นางจารุวรรณ ชัยจิตวณิชกุล จ.อุดรธานี น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ จ.เชียงราย น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ จ.เชียงใหม่ น.ส.ฐิติพร เขียวฤทธิ์ จ.สุโขทัย และ ท.พญ. ศรีญาดา ชินวัตร จ.ภูเก็ต
**ประกาศสานต่อนโยบายแม้ว
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะทำงานดูแลกำกับนโยบายหาเสียง พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้แถลงถึงนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงว่า จะนำผลงานที่สำเร็จในอดีตของพรรคไทยรักไทยมาปรับใช้ โดยพรรคจะเน้นนโยบาย 3 ป. คือ ปรองดอง ประชาธิปไตย และ ปากท้อง
นอกจากนี้ พรรคจะยังคงใช้นโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ซึ่งแบ่งเป็นหัวข้อย่อยได้ 12 ประการคือ 1. ไม่มีการขึ้นภาษี 2.พักหนี้เกษตรกร 3.พัฒนาโครงการกองทุนหมู่บ้าน 4. โครงการจัดสรรเงินทุนประจำหมู่บ้าน หรือ เอสเอ็มแอลตามขนาด 3-5-7 แสนบาท 5. โครงการโอท็อประยะที่สอง 6. ธนาคารประชาชน 7. เพิ่มทุนจดทะเบียน เอสเอ็มอี 8. เร่งออกโฉนด เอกสารสิทธิ์พิชิตความจน 9. โครงการโคล้านตัว แสนฟาร์ม 10. ประกันราคาพืชผลของเกษตรกร 11. โครงการแรงงานบินก่อน ผ่อนทีหลัง มีสินเชื่อโดยไม่ต้องค้ำประกัน และ12. เดินหน้าผู้ว่าฯ ซีอีโอ
นายนพดล กล่าวด้วยว่า จุดแข็งของพรรคคือ ทีมงานที่พร้อม ซึ่ง 80-90% เคยทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมานตรี หากพรรคได้เป็นรัฐบาลเราจะเอานโยบายที่ดีของรัฐบาลทักษิณ ที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ทำ กลับมาทำเอง และอะไรที่รัฐบาลชุดนี้ทำไว้ แต่ไม่ดีเราก็จะเอามาแก้ไข
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายเหล่านี้ใช้เงินจำนวนมาก จะนำเงินจากไหนมา นายนพดล กล่าวว่า มนุษย์มีสองมือ วันนี้เราเปิดมือซ้ายให้เห็นนโยบายต่างๆ และเร็วๆ นี้เราก็จะเปิดมือขวา ให้เห็นว่า เราจะหาเงินมาจากที่ไหน แต่วันนี้ยังขออุบไว้ก่อน เพราะพรรคอื่นอาจก๊อปปี้ไปได้
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนว่า เพราะ รู้ว่านโยบายของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ต้องการของประชาชน สามารถทำให้สำเร็จได้ และเห็นผลชัดเจน เมื่อไม่มีการสานต่อก็ทำให้เกิดความเสียหายทันทีเหมือนในปัจจุบัน ส่วนจะลงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในระบบไหนนั้น ตนไม่ใส่ใจ จะลงหรือไม่ก็ได้ แต่ขอมาช่วยค้ำประกันความสำเร็จ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และการเข้ามาร่วมงานกับพรรคครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้บริหารพรรคสามารถที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายด้วยตัวเองได้ แต่หากสงสัยอะไรก็สามารถปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณได้
เมื่อถูกถามถึงเรื่องคดีส่งเสือไปจีน นายปลอดประสพ กล่าวว่า คดีนี้จบไปแล้ว ซึ่งทุกคนก็รู้ดี แต่ตนก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า คดีนี้กลับมาได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการอนุมัติถึง 5 ครั้ง ก็ไม่เห็นว่าจะมีความผิด อีกทั้งหลังจากที่ตนอนุมัติไปแล้วก็มีการอนุมัติต่ออีก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความผิด ซึ่งคดีนี้มีบรรทัดฐานในการพิจารณาอยู่ แต่ถ้าอยากจะสอบสวนตนก็ไม่ว่า แต่ยืนยันว่าตนไม่ผิด หรือหากจะหาเรื่องยัดเยียดความผิดให้ ก็เชิญ
**โจมตีรัฐบาลสุรยุทธ์ให้คนคิดถึงแม้ว
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการประชุมในช่วงบ่ายว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ได้แนะแนวทางการหาเสียงแก่ผู้สมัคร ว่า ให้อธิบายต่อประชาชน ให้เห็นถึงการรัฐประหาร 1 ปีที่ผ่านมา ทำลายโอกาสของประเทศอย่างมาก จากที่เราเคยเป็นหนึ่งในอาเซียน ต้องตกไปอยู่ปลายแถว ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ประชาชนหวนรำลึกถึงผลงานรัฐบาลในอดีต รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงผลเสียของ รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ทำให้การเมืองอ่อนแอ
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาพรรคนั้น แม้ว่ากกต.จะบอกว่าสามารถทำได้ แต่นายสมัคร ระบุว่า พรรคไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเดือดเนื้อร้อนใจโดยไม่จำเป็น รวมทั้งกรณีการนำภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาประกบคู่กับผู้สมัครนั้น เราไม่อยากทำให้ท่านถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่จำเป็น การเลือกตั้งเราควรต่อสู้ด้วยตัวของเราเอง ซึ่งจะทำให้ประชาชนระลึกถึงเอง สำหรับเรื่องเอกสารลับนั้น นายสมัคร ได้กำชับสมาชิกว่า จะต้องทำให้สังคมเห็นว่า มีแผนการที่จะสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน ซึ่งหลังจากนี้ กกต. จะเป็นผู้รับเรื่องดำเนินการต่อ
** คุยกวาด ส.ส. กว่า 200
ร.ท.กุเทพ กล่าวด้วยว่า น.พ.สุรพงษ์ สืบวงส์ลี เลขาธิการพรรค ได้มีการทำโพลสำรวจสำรวจความนิยมของพรรค ว่าจะได้ส.ส.กี่คน ปรากฏว่า ในภาคเหนือ 55 คน อีสาน 100 คน กลาง 40 คน กทม.15 คน และระบบสัดส่วน 40 คน
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า นายสมัครยังกล่าวกับสมาชิกอีกว่า หากผู้สมัครต้องการให้หัวหน้าพรรค ถ่ายรูปคู่กับผู้สมัคร เพื่อติดป้ายหาเสียง ก็ยินดี แม้แต่ในภาคอีสาน วันนี้ประชาชนก็ผูกพันกับผลงานของพรรค ถ้าพรรคได้เสียงข้างมาก แม้เราไม่ชูตัวหัวหน้าเป็นนายกฯ แต่คนที่เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนที่เคยประกาศว่าจะนิรโทษกรรมให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111คน หากได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น วันนี้ยังถือว่าอีกยาวไกล เพราะว่าการนิรโทษกรรมจะเกิดได้เมื่อมีความเห็นร่วมกันในสภา
"เรื่องของการถ่ายรูปคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อติดป้ายหาเสียงนั้นท่านหัวหน้าพรรคกล่าวว่า ยังไม่ควรทำ แต่ถ้าหาก กกต.ระบุขนาดของรูปอย่างชัดเจนว่า ต้องกว้างยาวเท่าไร จึงสามารถกระทำได้ แต่ถ้าหากเป็นการจัดทำในลักษณะแผ่นพับ ก็คงแล้วแต่ตัวผู้สมัครที่จะไปดำเนินการเอง" โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าว
**แฉใบปลิวบ่อนทำลายเกลื่อนอีสาน
นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีใบปลิวซึ่งไม่เป็นอันควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ จะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ เพราะ เป็นเรื่องสถาบันระดับสูง แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานอภัยโทษ แต่การกระทำดังกล่าว เป็นการบ่อนทำลาย ที่ทำกันอยู่ ซึ่งเลวร้ายมาก
"อยากเห็นหรือ ว่ามันทำอย่างไร ก็ไปหามาสิ ผมจะมาพูดได้อย่างไร มันพูดไม่ได้ เรื่องนี้จริงๆ เพื่อคนๆ คนหนึ่ง ทำลายแม้กระทั่งทุกอย่างได้ ผมไม่ได้บอกว่าคนๆ นั้นเขาเป็นคนทำนะ แต่ต้องไปดูได้ในภาคอีสาน มีเยอะมาก" ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น พรรคได้จัดให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่ได้รับการพิจารณาให้ลงสมัครส.ส.ในนามพรรค ลงชื่อเป็นรายภาคด้วย ซึ่งในส่วนของ กทม.นั้นปรากฎว่าไม่มีชื่อของ นายเนติภูมิ นวรัตน์ บุตรชาย ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์ ที่พรรคได้แถลงข่าวเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคไปก่อนหน้านี้ รวมทั้ง ไม่มีชื่อ นายเอกภพ วงศ์อารยะ บุตรชาย นายอารีย์ วงศ์อารยะ นายวันและนายดวง อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ปรากฏในใบเซ็นชื่อก่อนเข้าร่วมประชุมสัมมนาด้วย
สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่น่าสนใจนั้น อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายกวี ณ ลำปาง อดีต ส.ก.กทม. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน นายฤทธิ์ลือชา คุ้มแพรวพรรณ หรือ ฤทธิ์ ลือชา นักแสดงดาวร้ายชื่อดัง ที่แสดงความจำนงขอลงสมัครส.ส.กทม. ในเขต มีนบุรี หรือ เขตหนองจอก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ก็มีการเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส.หญิง หน้าใหม่ของพรรค ประมาณ 30 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ส่วนใหญ่จะมีนามสกุลเดียวกับอดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี อาทิ นางอนุสรา ยังตรง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ นางดวงแข อรรณนพพร จ.ขอนแก่น นางจารุวรรณ ชัยจิตวณิชกุล จ.อุดรธานี น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ จ.เชียงราย น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ จ.เชียงใหม่ น.ส.ฐิติพร เขียวฤทธิ์ จ.สุโขทัย และ ท.พญ. ศรีญาดา ชินวัตร จ.ภูเก็ต
**ประกาศสานต่อนโยบายแม้ว
นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะทำงานดูแลกำกับนโยบายหาเสียง พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้แถลงถึงนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงว่า จะนำผลงานที่สำเร็จในอดีตของพรรคไทยรักไทยมาปรับใช้ โดยพรรคจะเน้นนโยบาย 3 ป. คือ ปรองดอง ประชาธิปไตย และ ปากท้อง
นอกจากนี้ พรรคจะยังคงใช้นโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ซึ่งแบ่งเป็นหัวข้อย่อยได้ 12 ประการคือ 1. ไม่มีการขึ้นภาษี 2.พักหนี้เกษตรกร 3.พัฒนาโครงการกองทุนหมู่บ้าน 4. โครงการจัดสรรเงินทุนประจำหมู่บ้าน หรือ เอสเอ็มแอลตามขนาด 3-5-7 แสนบาท 5. โครงการโอท็อประยะที่สอง 6. ธนาคารประชาชน 7. เพิ่มทุนจดทะเบียน เอสเอ็มอี 8. เร่งออกโฉนด เอกสารสิทธิ์พิชิตความจน 9. โครงการโคล้านตัว แสนฟาร์ม 10. ประกันราคาพืชผลของเกษตรกร 11. โครงการแรงงานบินก่อน ผ่อนทีหลัง มีสินเชื่อโดยไม่ต้องค้ำประกัน และ12. เดินหน้าผู้ว่าฯ ซีอีโอ
นายนพดล กล่าวด้วยว่า จุดแข็งของพรรคคือ ทีมงานที่พร้อม ซึ่ง 80-90% เคยทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมานตรี หากพรรคได้เป็นรัฐบาลเราจะเอานโยบายที่ดีของรัฐบาลทักษิณ ที่รัฐบาลชุดนี้ไม่ทำ กลับมาทำเอง และอะไรที่รัฐบาลชุดนี้ทำไว้ แต่ไม่ดีเราก็จะเอามาแก้ไข
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายเหล่านี้ใช้เงินจำนวนมาก จะนำเงินจากไหนมา นายนพดล กล่าวว่า มนุษย์มีสองมือ วันนี้เราเปิดมือซ้ายให้เห็นนโยบายต่างๆ และเร็วๆ นี้เราก็จะเปิดมือขวา ให้เห็นว่า เราจะหาเงินมาจากที่ไหน แต่วันนี้ยังขออุบไว้ก่อน เพราะพรรคอื่นอาจก๊อปปี้ไปได้
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการร่วมงานกับพรรคพลังประชาชนว่า เพราะ รู้ว่านโยบายของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ต้องการของประชาชน สามารถทำให้สำเร็จได้ และเห็นผลชัดเจน เมื่อไม่มีการสานต่อก็ทำให้เกิดความเสียหายทันทีเหมือนในปัจจุบัน ส่วนจะลงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในระบบไหนนั้น ตนไม่ใส่ใจ จะลงหรือไม่ก็ได้ แต่ขอมาช่วยค้ำประกันความสำเร็จ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และการเข้ามาร่วมงานกับพรรคครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้บริหารพรรคสามารถที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายด้วยตัวเองได้ แต่หากสงสัยอะไรก็สามารถปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณได้
เมื่อถูกถามถึงเรื่องคดีส่งเสือไปจีน นายปลอดประสพ กล่าวว่า คดีนี้จบไปแล้ว ซึ่งทุกคนก็รู้ดี แต่ตนก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า คดีนี้กลับมาได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมามีการอนุมัติถึง 5 ครั้ง ก็ไม่เห็นว่าจะมีความผิด อีกทั้งหลังจากที่ตนอนุมัติไปแล้วก็มีการอนุมัติต่ออีก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความผิด ซึ่งคดีนี้มีบรรทัดฐานในการพิจารณาอยู่ แต่ถ้าอยากจะสอบสวนตนก็ไม่ว่า แต่ยืนยันว่าตนไม่ผิด หรือหากจะหาเรื่องยัดเยียดความผิดให้ ก็เชิญ
**โจมตีรัฐบาลสุรยุทธ์ให้คนคิดถึงแม้ว
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงการประชุมในช่วงบ่ายว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค ได้แนะแนวทางการหาเสียงแก่ผู้สมัคร ว่า ให้อธิบายต่อประชาชน ให้เห็นถึงการรัฐประหาร 1 ปีที่ผ่านมา ทำลายโอกาสของประเทศอย่างมาก จากที่เราเคยเป็นหนึ่งในอาเซียน ต้องตกไปอยู่ปลายแถว ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ประชาชนหวนรำลึกถึงผลงานรัฐบาลในอดีต รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงผลเสียของ รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ทำให้การเมืองอ่อนแอ
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาพรรคนั้น แม้ว่ากกต.จะบอกว่าสามารถทำได้ แต่นายสมัคร ระบุว่า พรรคไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเดือดเนื้อร้อนใจโดยไม่จำเป็น รวมทั้งกรณีการนำภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาประกบคู่กับผู้สมัครนั้น เราไม่อยากทำให้ท่านถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่จำเป็น การเลือกตั้งเราควรต่อสู้ด้วยตัวของเราเอง ซึ่งจะทำให้ประชาชนระลึกถึงเอง สำหรับเรื่องเอกสารลับนั้น นายสมัคร ได้กำชับสมาชิกว่า จะต้องทำให้สังคมเห็นว่า มีแผนการที่จะสกัดกั้นพรรคพลังประชาชน ซึ่งหลังจากนี้ กกต. จะเป็นผู้รับเรื่องดำเนินการต่อ
** คุยกวาด ส.ส. กว่า 200
ร.ท.กุเทพ กล่าวด้วยว่า น.พ.สุรพงษ์ สืบวงส์ลี เลขาธิการพรรค ได้มีการทำโพลสำรวจสำรวจความนิยมของพรรค ว่าจะได้ส.ส.กี่คน ปรากฏว่า ในภาคเหนือ 55 คน อีสาน 100 คน กลาง 40 คน กทม.15 คน และระบบสัดส่วน 40 คน
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า นายสมัครยังกล่าวกับสมาชิกอีกว่า หากผู้สมัครต้องการให้หัวหน้าพรรค ถ่ายรูปคู่กับผู้สมัคร เพื่อติดป้ายหาเสียง ก็ยินดี แม้แต่ในภาคอีสาน วันนี้ประชาชนก็ผูกพันกับผลงานของพรรค ถ้าพรรคได้เสียงข้างมาก แม้เราไม่ชูตัวหัวหน้าเป็นนายกฯ แต่คนที่เป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนที่เคยประกาศว่าจะนิรโทษกรรมให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111คน หากได้จัดตั้งรัฐบาลนั้น วันนี้ยังถือว่าอีกยาวไกล เพราะว่าการนิรโทษกรรมจะเกิดได้เมื่อมีความเห็นร่วมกันในสภา
"เรื่องของการถ่ายรูปคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อติดป้ายหาเสียงนั้นท่านหัวหน้าพรรคกล่าวว่า ยังไม่ควรทำ แต่ถ้าหาก กกต.ระบุขนาดของรูปอย่างชัดเจนว่า ต้องกว้างยาวเท่าไร จึงสามารถกระทำได้ แต่ถ้าหากเป็นการจัดทำในลักษณะแผ่นพับ ก็คงแล้วแต่ตัวผู้สมัครที่จะไปดำเนินการเอง" โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าว
**แฉใบปลิวบ่อนทำลายเกลื่อนอีสาน
นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีใบปลิวซึ่งไม่เป็นอันควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นจำนวนมาก ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ จะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ เพราะ เป็นเรื่องสถาบันระดับสูง แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานอภัยโทษ แต่การกระทำดังกล่าว เป็นการบ่อนทำลาย ที่ทำกันอยู่ ซึ่งเลวร้ายมาก
"อยากเห็นหรือ ว่ามันทำอย่างไร ก็ไปหามาสิ ผมจะมาพูดได้อย่างไร มันพูดไม่ได้ เรื่องนี้จริงๆ เพื่อคนๆ คนหนึ่ง ทำลายแม้กระทั่งทุกอย่างได้ ผมไม่ได้บอกว่าคนๆ นั้นเขาเป็นคนทำนะ แต่ต้องไปดูได้ในภาคอีสาน มีเยอะมาก" ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว