"บรรหาร" หน้าบาน "เสธ.หนั่น" นำสมาชิกพรรคมหาชนเข้าสังกัดพรรคชาติไทย ระบุ รธน.-ระเบียบ กกต.ทำพรรคเล็กอยู่ยาก พร้อมชวน "เสนาะ" มาทำงานร่วมกัน ด้าน "ชูวิทย์" ทำเก๋าบุกขอเคลียร์ปัญหาแต่"เติ้ง"เดินหนี ขณะที่ "ประชา"หิ้วลูกเขยเข้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ด้านประชาราชยังชุลมุนไม่จบ "เสนาะ" ประกาศทำพรรคต่อ แต่ส่ง "ป้าอุ" ต่อรอง "สุรเกียรติ์-พินิจ" แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ต้องเจรจารอบใหม่
การเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งในการโยกย้ายพรรคของแต่ละกลุ่มการเมืองและการยุบพรรคเพื่อไปร่วมกับพรรคการเมืองที่มีความแข็งแกร่งกว่า จนชุลมุนในช่วงที่ผ่านมาเริ่มลงตัวแล้วในหลายกลุ่มและหลายพรรคการเมือง ล่าสุด พล.อ.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ได้นำสมาชิกกว่า 15 คนเข้าสังกัดพรรคชาติไทย
โดยเมื่อเวลา 10.45 น. วานนี้ (29 ต.ค.) พล.อ.สนั่น พร้อม กรรมการบริหารพรรคมาหชน และสมาชิกพรรค15 คน เช่น นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ นายอรรคพล สรสุชาติ นายอัศวิน วิภูศิริ นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ น.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส พล.ต.อ.ประสาน วงศ์ใหญ่ พล.ท.บุญยัง บูชา นายมนฑล สุทธาธนโชติ (มงคล จงสุทธนามณี)นายกิจขจร ใจสุข นายศักดิ์ชัย จงสุทธนามณี น.ส.ธัญญา สุทธาธนโชติ นายวิจิตร ยอดสุวรรณ นางจิรวรรณ จงสุทธนามณีวัฒนะศิริธร เดินทางเข้าพรรคชาติไทย เพื่อยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย โดยมี นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งคอยต้อนรับ พร้อมถือป้ายข้อความ ยินดีต้อนรับพล.ต.สนั่นและคณะด้วยความยินดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.ต.สนั่น และคณะเดินทางมาถึง นายบรรหาร ได้เข้าไปสวมกอดพล.ต.สนั่น ด้วยความยินดี พร้อมกล่าวว่ายินดีต้อนรับเข้าสู่บ้าน พรรคชาติไทย ขณะเดียวกันยังหอบแก้ม พล.ต.สนั่น เช่นเดียวกับ พล.ต.สนั่น ก็หอมแก้ม นายบรรหาร โดยทั้งคู่มีสีหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินอาย ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและชื่นมื่น
จากนั้นนายบรรหาร ได้นำพล.ต.สนั่นและคณะร่วมแถลงข่าว โดยนายบรรหาร กล่าวว่า สื่อมวลชนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงรวดเร็วกระทันหันกับการที่พรรคมหาชน จะมารวมกับพรรคชาติไทยเพราะไม่เคยมีข่าวมาก่อน จึงขอชี้แจงว่า ตนกับ พล.ต.สนั่น มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากกว่าหลายคนที่อยู่ในแวดวงการเมืองขณะนี้ เพราะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2539 เมื่อตนเป็น รมว.คมนาคม พล.ต.สนั่น เป็น รมช.คมนาคม ทำงานด้วยความเข้าใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อมาปี 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ลาออกจากนายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั้นเป็น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้มาชวนตนจัดตั้งรัฐบาล จึงได้เข้าร่วมกันทำงาน จากนั้นก็ประสานกันมาตลอด แม้ พล.ต.สนั่น มาตั้งพรรคมหาชนความสัมพันธ์ก็ยังแน่บแน่น จนมาปี 2548 พรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมหาชนจับมือกันเป็นฝ่ายค้าน และมีสัญญาใจว่าพรรคชาติไทยไปไหนจะต้องมีพรรคมหาชน จะลงน้ำลุยโคลนไปด้วยกัน ซึ่งเป็นสัจจะวาจาของลูกผู้ชาย
"มาถึงตอนนี้ก็ทราบข่าวว่า พล.ต.สนั่นจะนำสมาชิกพรรคไปร่วมพรรคอื่น ผมก็ได้เรียนพล.ต.สนั่นว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกรุณานำสมาชิกมาร่วมงานกับพรรคชาติไทยฉันพี่ ฉันน้อง เพราะผมอายุมากแล้ว 75 ปี มากกว่าพล.ต.สนั่นอายุแค่ 60 ปี ดังนั้นต้องพิจารณาตัวเองแล้ว เราต้องมาช่วยกันกอบกู้ และบุคคลกรของ พรรคมหาชนก็มีมาก และพร้อมทุกด้านกว่าพรรคชาติไทย จึงมาพูดจากันโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มาด้วยใจรัก จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ และเมื่อมาอยู่แล้วจะไม่ให้น้อยหน้า ปรึกษาหารือกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน"
ด้านพล.ต.สนั่น กล่าวว่า วันนี้ตนเต็มใจและตั้งใจจะมาร่วมงานทางการเมืองกับพี่ชาย ซึ่งเคยร่วมงานทางการเมืองมา 30 ปีแล้ว ตนกับนายบรรหาร ก็ไม่เคยมีความขัดแย้งทางการเมืองกัน ท่านเป็นคนที่รักษาคำพูด ในทางการเมือง ตนจึงเคารพท่านมากกว่าคนอื่น อย่างไรก็ตามหลังจากมีการยึดอำนาจตนมีความตั้งใจที่จะนำพรรคมหาชนให้อยู่ได้ แต่รัฐธรรมนูญร่างเสร็จ กฎหมายลูก รวมทั้งระเบียบ กกต.ออกมาก็เห็นว่าพรรคเล็กคงจะอยู่ไม่ได้ เราต้องยอมรับสภาพความจริงว่ารัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้พรรคเล็ก แม้แต่ส.ส.ระบบสัดส่วนก็เพิ่มจาก 5 % เป็น 10 % ซึ่งพรรคมหาชนก็ไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ทั่วประเทศ ซึ่งดูแล้วก็ไม่มีโอกาส ได้ส.ส.แม้แต่เขตเดียว จึงตัดสินใจมาร่วมกับพรรคชาติไทย มาช่วยสร้างสรรค์ พรรคชาติไทยให้บรรลุเป้าหมายตามที่หัวหน้าพรรคชาติไทยวางไว้ จะมาร่วมงานกับท่าน ร่วมกับท่านสร้างงานใหญ่ให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.ต.สนั่นจะสนับสนุนพรรคชาติไทยได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็จะทำ อย่างไรก็ตามพรรคมหาชนก็ยังอยู่ เพราะขณะนี้ไม่สามาถยุบหรือรวมได้ ส่วนที่เหลือก็ดูแลพรรคมหาชนต่อไป แม้หลังเลือกตั้งก็ยุบรวมได้ ต้องรอยุบสภาคราวหน้า หรืออยู่อีก 4 ปีถึงจะยุบรวมได้
**เสธ.หนั่นชวน"เสนาะ"มาอยู่ด้วยกัน
สำหรับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช มีโอกาสมารวมกันได้หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า แล้วค่อยว่ากัน วันนี้ขอเป็นเรื่องนี้ก่อน "ผมจีบ เสธ.หนั่นมาตั้ง 30 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาจ่บ แต่เพิ่งมาหมั่นกันเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา และแต่งงานกันวันนี้"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้พล.ต.สนั่นอยู่ในตำแหน่งอะไร นายบรรหาร กล่าวว่า ขอหารือกับท่านอีกทีดูตามความเหมาะสม ส่วนท่านจะลงสมัครแบบเขตหรือสัดส่วน ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของท่าน
ด้าน พล.ต.สนั่น ยืนยันว่าจะอยู่กับพรรคชาติไทยต่อไป ไม่ย้ายกลับไปพรรคมหาชน และถ้ามีโอกาสก็จะยุบรวมทันที เพราะพรรคเรามีสมาชิกอยู่ 2 ล้านคนก็อยากมารวมกับพรรคชาติไทย แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาส เพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงนายเสนาะ ว่า ยากให้พิจารณาให้ดีว่าจะไปอยู่กับใครขอให้ดูศักดิ์ศรีและเกียรติยศ และอยากให้มาทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่ชวนพรรคมหาชนไปทำงานร่วมทางการเมืองด้วย ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งขอโทษ ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน แต่เมื่อมาอยู่กับพรรคชาติไทยแล้วจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และยืนยันอดีตสามพรรคร่วมฝ่ายค้านยังมีความสัมพันธ์เหมือนเดิม
**"ชูวิทย์"หน้าแตก"บรรหาร"เมิน
สำหรับความเคลื่อนไหวอีกด้านของพรรคชาติไทย ในช่วงเช้า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์โจมตีการทำงาน ในลักษณะรวมศูนย์แบบหลงจู๊ของนายบรรหาร และยังเรียกร้องให้วางมือทางการเมือง หลังการเลือกตั้ง ได้เดินทางเข้าพรรคชาติไทย โดยทันทีที่เดินทางไปถึงได้ตรงไปยังห้องกาแฟ ภายในพรรค เมื่อทราบว่านายบรรหาร นั่นอยู่ แต่เมื่อนายบรรหาร หันมาเห็นนายชูวิทย์ ก็รียลุกเดินออกจากห้องทันที ทำให้นายชูวิทย์ ต้องเดินมาคุยกับนายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทยแทน
นายจองชัย ให้สัมภาษณ์ว่า นายชูวิทย์ เป็นคนดีสิ่งที่พูดก็หวังดีกับพรรค แต่ถูกมองว่าทำร้ายพรรค เมื่อนายสนธยา สวัสดี รองโฆษกพรรคชาติไทย ออกมาให้สัมภาษณ์เปรียบว่านายชูวิทย์เอาขี้มาปาพรรค ซึ่งนายชูวิทย์ก็รู้ว่าใครใช้ามา ส่วนตัวก็รับอาสามาคุยกับหัวหน้าพรรคเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่การที่นายชูวิทย์ เข้ามาในพรรคตนไม่ทราบว่าเขามาทำไม เพราะเรื่องทั้งหมดจบแล้ว แต่เข้าใจว่าคงมาเคลียร์เรื่องเอาขี้ปาพรรคเพราะคนที่พูดเป็นเด็กเมื่อวานซืน นายชูวิทย์ ย่อมโกรธ ซึ่งเขาเป็นบุคลากรที่มีคุณธรรม หากเสียไปก็น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงการขับออกจากพรรค ต้องดูท่าทีของหัวหน้าพรรคว่าจะม่ต่อเรื่องนี้อย่างไร
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อที่จะบอกว่าตนไม่ผิด ไม่ได้เป็นหนี้ บุญคุณใคร เพราะการมาทำงานการเมืองเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยการ เอาเวลาส่วนตัวเข้าแลก ดังนั้นตนจึงเป็นหนี้ประชาชน ไม่ใช่อย่างที่ ใครบางคนเข้าใจ ผิดว่าตนเป็นหนี้หัวหน้าพรรค ซึ่งตนยังมีเรื่องแถมให้ฟังอีกและจะแถลงข่าวที่สวน ชูวิทย์ ในวันอังคารที่ 30 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามตนตัดสินใจแล้วว่าจะยังอยู่กับ พรรคชาติไทย ไม่ไปไหน และยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด จึงไม่จำเป็น ต้องขอโทษใคร
อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายชูวิทย์เรื่องการแถลงข่าว ในวันที่ 30 ต.ค.แต่นายชูวิทย์ ปฎิเสธว่า ไม่มีการแถลงข่าวแล้ว เพราะจบแล้ว
โดยมีรายงานว่านายจองชัย พร้อมด้วยนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ได้เรียก นายชูวิทย์ เข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อขอให้เรื่องนี้จบ
**มัชฌิมาฯส่ง"การุณ"ลง กทม.
วันเดียวกัน นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย แถลงข่าว เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ กทม.เพิ่มเติม อาทิ นายการุณ ใสงาม นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ เข้าร่วมงานทางการเมือง
นายประชัย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ไปอยู่กับพรรคชาติไทย ว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตยไม่รู้สึกกังวล เพราะเรายืนยันที่จะขายนโยบายที่โดดเด่นของพรรค ส่วนใครจะชอบใคร เลือกใคร เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ เพียงแต่ใครจะทำนโยบายให้กับประเทศ มีประโยชน์มากที่สุด ก็จะได้รับคะแนนเสียงนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการนำนายการุณ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ เข้ามาใน กทม.จะมีผลถึงคะแนนเสียงในบุรีรัมย์หรือไม่ นายประชัย กล่าวว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้ภรรยาของนายการุณ เป็นมือ 1 ในการหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ และนำนายการุณ มาลงในพื้นที่ กทม. เชื่อมั่นว่าจะได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคพยายามที่จะสับเปลี่ยนกำลัง วางจุดอ่อนจุดแข็งและความเหมาะสม ขอยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของ นายการุณ ไม่ได้เกิดจากปัญหาภายในพรรค และขอให้รอว่าการเคลื่อนไหว ทางการเมืองจะนิ่ง ก็ต่อเมื่อถึงวันที่เปิดรับสมัครในวันที่ 7-16 พฤศจิกายน 2550
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ไปซบอกพรรคชาติไทย ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่นักการเมืองอาวุโส จะเห็นว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มีบารมีมากพอคุ้มครองกลุ่มได้ โดยไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรี และไม่เสียความรู้สึก แต่ไม่ได้หมายความว่า การที่พรรคชาติไทยมี ส.ส.รุ่นเก่า มาก จะเป็นพรรคที่แข็งแกร่งกว่าพรรคอื่น เพราะการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบใหม่ของ กกต. จะมีผลให้ ส.ส.เก่าสอบตกได้มากถึงร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม พรรคมัชฌิมาธิปไตยยืนยันว่า จะยอมรับเสียงของประชาชน ไม่ว่าจะเลือกพรรคใดให้เป็นเสียง ข้างมากในการเป็นผู้นำ และยินดีที่จะสนับสนุนพรรคนั้น ๆ
**ประชานำลูกเขยสังกัด"เพื่อแผ่นดิน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยนายพินิจ จารุสมบัติ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงข่าวเปิดตัว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ให้ดำรงตำแหน่งประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายสุวิทย์ กล่าวว่า การเชิญ พล.ต.อ.ประชา เข้ามาร่วมงาน เป็นการพูดคุยผ่านนายพินิจ
ด้านนายพินิจ กล่าวว่า พรรคได้วางตัว พล.ต.อ.ประชา เป็น ส.ส.สัดส่วน อันดับ 1 ของกลุ่ม จ.อุดรธานี หนองคาย เลย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร
ส่วน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า จะมาพร้อมกับบุตรเขยอีก 1 คน และจะมีสมาชิก ของอดีตพรรคชาติพัฒนาบางส่วนมาร่วมงานด้วยแต่ไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งเคยร่วมงานกันในพรรคชาติพัฒนา เพราะตนสนิทกับทุกพรรค และคุ้นเคยกับหลาย ๆ คน เชื่อว่าน่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางอุไรวรรณ เทียนทอง จะมาร่วมงานกับ พรรคเพื่อแผ่นดิน หรือไม่ นายสุวิทย์ ไม่ยืนยันชัดเจน โดยระบุว่า หากใครเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของ พรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยินดีที่จะให้ทำงานร่วมกัน
**"เสนาะ"ประกาศเดินหน้า"ประชาราช"
สำหรับความเคลื่อนไหวที่บ้านพักนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ย่านเมืองทองธานี ว่า เวลาประมาณ 16.40 น. วันเดียวกันนายฉลอง เรี่ยวแรง กรรมการบริหารพรรคประชาราช ได้เดินทางเข้าพบนายเสนาะ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับกระแสข่าวจะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองต่าง ๆ นายฉลอง ยังให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังเข้าพบนายเสนาะ ว่า นายเสนาะยืนยันว่า จะเดินหน้าสู้ต่อไป แม้ว่าจะได้ ส.ส. แค่ 10 คนก็ตาม เราจะสู้ด้วยศักดิ์ศรีที่มีอยู่ โดยจะส่งผู้สมัครใน จ.นนทบุรี ปทุมธานี และสระแก้ว โดยในวันนี้ (30 ต.ค.) นายเสนาะจะแถลงจุดยืนของพรรคประชาราชด้วยตัวเอง เพื่อยุติความสับสนที่จะเกิดขึ้น
ด้านนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยานายเสนาะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบปะหารือกับสมาชิกพรรคประชาราช ว่า ตนและนายเสนาะ รวมทั้งลูกหลาน จะยังคงอยู่กับพรรคประชาราช ส่วนสมาชิกพรรคคนอื่นๆ จะให้โอกาสไปอยู่กับพรรคไหนก็ได้ ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวที่จะพิจารณา และจะไม่มีปัญหากับนายเสนาะ แต่ขณะนี้ยังไม่มี ส.ส.ที่จะแสดงความจำนงย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น พรรคประชาราชถือว่ามีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องของการทำงานทางการเมืองต่อไป
**ประชาราชรวมเพื่อแผ่นดินยังไม่สรุป
จากนั้น นางอุไรวรรณ และนายสุชาติ บรรดาศักดิ์ รองเลขาธิการพรรคประชาราช ได้นั่งรถตู้ออกจากบ้านพัก ไปยังสำนักกฎหมายของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยคาดว่าจะมีการหารือถึงข้อสรุปเกี่ยวกับการย้ายพรรค โดยมีนายสุรเกียรติ์ นายพินิจ จารุสมบัติ และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมหารือด้วย
หลังการหารือ นางอุไรวรรณ กล่าวว่าจากการหารือกับนายสุรเกียรติ์ นายพินิจ จารุสมบัติ และ พล.ต.อ.ประชา ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการทำงานร่วมกัน แต่คาดว่าจะรู้ผลในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีอดีต ส.ส.ของพรรคประชาราช ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะพื้นที่ไม่ทับซ้อน
"การพูดคุยวันนี้ไม่ใช่เรื่องการโอนอ่อนผ่อนตาม แต่เป็นการใช้เหตุและผล และจะนำข้อหารือที่ได้ไปคุยกับนายเสนาะต่อไป".
การเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งในการโยกย้ายพรรคของแต่ละกลุ่มการเมืองและการยุบพรรคเพื่อไปร่วมกับพรรคการเมืองที่มีความแข็งแกร่งกว่า จนชุลมุนในช่วงที่ผ่านมาเริ่มลงตัวแล้วในหลายกลุ่มและหลายพรรคการเมือง ล่าสุด พล.อ.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ได้นำสมาชิกกว่า 15 คนเข้าสังกัดพรรคชาติไทย
โดยเมื่อเวลา 10.45 น. วานนี้ (29 ต.ค.) พล.อ.สนั่น พร้อม กรรมการบริหารพรรคมาหชน และสมาชิกพรรค15 คน เช่น นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ นายอรรคพล สรสุชาติ นายอัศวิน วิภูศิริ นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ น.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส พล.ต.อ.ประสาน วงศ์ใหญ่ พล.ท.บุญยัง บูชา นายมนฑล สุทธาธนโชติ (มงคล จงสุทธนามณี)นายกิจขจร ใจสุข นายศักดิ์ชัย จงสุทธนามณี น.ส.ธัญญา สุทธาธนโชติ นายวิจิตร ยอดสุวรรณ นางจิรวรรณ จงสุทธนามณีวัฒนะศิริธร เดินทางเข้าพรรคชาติไทย เพื่อยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย โดยมี นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งคอยต้อนรับ พร้อมถือป้ายข้อความ ยินดีต้อนรับพล.ต.สนั่นและคณะด้วยความยินดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.ต.สนั่น และคณะเดินทางมาถึง นายบรรหาร ได้เข้าไปสวมกอดพล.ต.สนั่น ด้วยความยินดี พร้อมกล่าวว่ายินดีต้อนรับเข้าสู่บ้าน พรรคชาติไทย ขณะเดียวกันยังหอบแก้ม พล.ต.สนั่น เช่นเดียวกับ พล.ต.สนั่น ก็หอมแก้ม นายบรรหาร โดยทั้งคู่มีสีหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินอาย ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและชื่นมื่น
จากนั้นนายบรรหาร ได้นำพล.ต.สนั่นและคณะร่วมแถลงข่าว โดยนายบรรหาร กล่าวว่า สื่อมวลชนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงรวดเร็วกระทันหันกับการที่พรรคมหาชน จะมารวมกับพรรคชาติไทยเพราะไม่เคยมีข่าวมาก่อน จึงขอชี้แจงว่า ตนกับ พล.ต.สนั่น มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากกว่าหลายคนที่อยู่ในแวดวงการเมืองขณะนี้ เพราะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2539 เมื่อตนเป็น รมว.คมนาคม พล.ต.สนั่น เป็น รมช.คมนาคม ทำงานด้วยความเข้าใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่อมาปี 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ลาออกจากนายกรัฐมนตรี พล.ต.สนั้นเป็น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้มาชวนตนจัดตั้งรัฐบาล จึงได้เข้าร่วมกันทำงาน จากนั้นก็ประสานกันมาตลอด แม้ พล.ต.สนั่น มาตั้งพรรคมหาชนความสัมพันธ์ก็ยังแน่บแน่น จนมาปี 2548 พรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคมหาชนจับมือกันเป็นฝ่ายค้าน และมีสัญญาใจว่าพรรคชาติไทยไปไหนจะต้องมีพรรคมหาชน จะลงน้ำลุยโคลนไปด้วยกัน ซึ่งเป็นสัจจะวาจาของลูกผู้ชาย
"มาถึงตอนนี้ก็ทราบข่าวว่า พล.ต.สนั่นจะนำสมาชิกพรรคไปร่วมพรรคอื่น ผมก็ได้เรียนพล.ต.สนั่นว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกรุณานำสมาชิกมาร่วมงานกับพรรคชาติไทยฉันพี่ ฉันน้อง เพราะผมอายุมากแล้ว 75 ปี มากกว่าพล.ต.สนั่นอายุแค่ 60 ปี ดังนั้นต้องพิจารณาตัวเองแล้ว เราต้องมาช่วยกันกอบกู้ และบุคคลกรของ พรรคมหาชนก็มีมาก และพร้อมทุกด้านกว่าพรรคชาติไทย จึงมาพูดจากันโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มาด้วยใจรัก จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ และเมื่อมาอยู่แล้วจะไม่ให้น้อยหน้า ปรึกษาหารือกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน"
ด้านพล.ต.สนั่น กล่าวว่า วันนี้ตนเต็มใจและตั้งใจจะมาร่วมงานทางการเมืองกับพี่ชาย ซึ่งเคยร่วมงานทางการเมืองมา 30 ปีแล้ว ตนกับนายบรรหาร ก็ไม่เคยมีความขัดแย้งทางการเมืองกัน ท่านเป็นคนที่รักษาคำพูด ในทางการเมือง ตนจึงเคารพท่านมากกว่าคนอื่น อย่างไรก็ตามหลังจากมีการยึดอำนาจตนมีความตั้งใจที่จะนำพรรคมหาชนให้อยู่ได้ แต่รัฐธรรมนูญร่างเสร็จ กฎหมายลูก รวมทั้งระเบียบ กกต.ออกมาก็เห็นว่าพรรคเล็กคงจะอยู่ไม่ได้ เราต้องยอมรับสภาพความจริงว่ารัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้พรรคเล็ก แม้แต่ส.ส.ระบบสัดส่วนก็เพิ่มจาก 5 % เป็น 10 % ซึ่งพรรคมหาชนก็ไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ทั่วประเทศ ซึ่งดูแล้วก็ไม่มีโอกาส ได้ส.ส.แม้แต่เขตเดียว จึงตัดสินใจมาร่วมกับพรรคชาติไทย มาช่วยสร้างสรรค์ พรรคชาติไทยให้บรรลุเป้าหมายตามที่หัวหน้าพรรคชาติไทยวางไว้ จะมาร่วมงานกับท่าน ร่วมกับท่านสร้างงานใหญ่ให้เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.ต.สนั่นจะสนับสนุนพรรคชาติไทยได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็จะทำ อย่างไรก็ตามพรรคมหาชนก็ยังอยู่ เพราะขณะนี้ไม่สามาถยุบหรือรวมได้ ส่วนที่เหลือก็ดูแลพรรคมหาชนต่อไป แม้หลังเลือกตั้งก็ยุบรวมได้ ต้องรอยุบสภาคราวหน้า หรืออยู่อีก 4 ปีถึงจะยุบรวมได้
**เสธ.หนั่นชวน"เสนาะ"มาอยู่ด้วยกัน
สำหรับนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช มีโอกาสมารวมกันได้หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า แล้วค่อยว่ากัน วันนี้ขอเป็นเรื่องนี้ก่อน "ผมจีบ เสธ.หนั่นมาตั้ง 30 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาจ่บ แต่เพิ่งมาหมั่นกันเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา และแต่งงานกันวันนี้"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้พล.ต.สนั่นอยู่ในตำแหน่งอะไร นายบรรหาร กล่าวว่า ขอหารือกับท่านอีกทีดูตามความเหมาะสม ส่วนท่านจะลงสมัครแบบเขตหรือสัดส่วน ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของท่าน
ด้าน พล.ต.สนั่น ยืนยันว่าจะอยู่กับพรรคชาติไทยต่อไป ไม่ย้ายกลับไปพรรคมหาชน และถ้ามีโอกาสก็จะยุบรวมทันที เพราะพรรคเรามีสมาชิกอยู่ 2 ล้านคนก็อยากมารวมกับพรรคชาติไทย แต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาส เพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวถึงนายเสนาะ ว่า ยากให้พิจารณาให้ดีว่าจะไปอยู่กับใครขอให้ดูศักดิ์ศรีและเกียรติยศ และอยากให้มาทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ยังขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่ชวนพรรคมหาชนไปทำงานร่วมทางการเมืองด้วย ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งขอโทษ ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน แต่เมื่อมาอยู่กับพรรคชาติไทยแล้วจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และยืนยันอดีตสามพรรคร่วมฝ่ายค้านยังมีความสัมพันธ์เหมือนเดิม
**"ชูวิทย์"หน้าแตก"บรรหาร"เมิน
สำหรับความเคลื่อนไหวอีกด้านของพรรคชาติไทย ในช่วงเช้า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์โจมตีการทำงาน ในลักษณะรวมศูนย์แบบหลงจู๊ของนายบรรหาร และยังเรียกร้องให้วางมือทางการเมือง หลังการเลือกตั้ง ได้เดินทางเข้าพรรคชาติไทย โดยทันทีที่เดินทางไปถึงได้ตรงไปยังห้องกาแฟ ภายในพรรค เมื่อทราบว่านายบรรหาร นั่นอยู่ แต่เมื่อนายบรรหาร หันมาเห็นนายชูวิทย์ ก็รียลุกเดินออกจากห้องทันที ทำให้นายชูวิทย์ ต้องเดินมาคุยกับนายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทยแทน
นายจองชัย ให้สัมภาษณ์ว่า นายชูวิทย์ เป็นคนดีสิ่งที่พูดก็หวังดีกับพรรค แต่ถูกมองว่าทำร้ายพรรค เมื่อนายสนธยา สวัสดี รองโฆษกพรรคชาติไทย ออกมาให้สัมภาษณ์เปรียบว่านายชูวิทย์เอาขี้มาปาพรรค ซึ่งนายชูวิทย์ก็รู้ว่าใครใช้ามา ส่วนตัวก็รับอาสามาคุยกับหัวหน้าพรรคเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่การที่นายชูวิทย์ เข้ามาในพรรคตนไม่ทราบว่าเขามาทำไม เพราะเรื่องทั้งหมดจบแล้ว แต่เข้าใจว่าคงมาเคลียร์เรื่องเอาขี้ปาพรรคเพราะคนที่พูดเป็นเด็กเมื่อวานซืน นายชูวิทย์ ย่อมโกรธ ซึ่งเขาเป็นบุคลากรที่มีคุณธรรม หากเสียไปก็น่าเสียดาย แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงการขับออกจากพรรค ต้องดูท่าทีของหัวหน้าพรรคว่าจะม่ต่อเรื่องนี้อย่างไร
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อที่จะบอกว่าตนไม่ผิด ไม่ได้เป็นหนี้ บุญคุณใคร เพราะการมาทำงานการเมืองเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยการ เอาเวลาส่วนตัวเข้าแลก ดังนั้นตนจึงเป็นหนี้ประชาชน ไม่ใช่อย่างที่ ใครบางคนเข้าใจ ผิดว่าตนเป็นหนี้หัวหน้าพรรค ซึ่งตนยังมีเรื่องแถมให้ฟังอีกและจะแถลงข่าวที่สวน ชูวิทย์ ในวันอังคารที่ 30 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามตนตัดสินใจแล้วว่าจะยังอยู่กับ พรรคชาติไทย ไม่ไปไหน และยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด จึงไม่จำเป็น ต้องขอโทษใคร
อย่างไรก็ตามในช่วงเย็นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายชูวิทย์เรื่องการแถลงข่าว ในวันที่ 30 ต.ค.แต่นายชูวิทย์ ปฎิเสธว่า ไม่มีการแถลงข่าวแล้ว เพราะจบแล้ว
โดยมีรายงานว่านายจองชัย พร้อมด้วยนายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ได้เรียก นายชูวิทย์ เข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อขอให้เรื่องนี้จบ
**มัชฌิมาฯส่ง"การุณ"ลง กทม.
วันเดียวกัน นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย แถลงข่าว เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในพื้นที่ กทม.เพิ่มเติม อาทิ นายการุณ ใสงาม นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ เข้าร่วมงานทางการเมือง
นายประชัย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน ไปอยู่กับพรรคชาติไทย ว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตยไม่รู้สึกกังวล เพราะเรายืนยันที่จะขายนโยบายที่โดดเด่นของพรรค ส่วนใครจะชอบใคร เลือกใคร เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ เพียงแต่ใครจะทำนโยบายให้กับประเทศ มีประโยชน์มากที่สุด ก็จะได้รับคะแนนเสียงนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการนำนายการุณ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ เข้ามาใน กทม.จะมีผลถึงคะแนนเสียงในบุรีรัมย์หรือไม่ นายประชัย กล่าวว่า พรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้ภรรยาของนายการุณ เป็นมือ 1 ในการหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ และนำนายการุณ มาลงในพื้นที่ กทม. เชื่อมั่นว่าจะได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคพยายามที่จะสับเปลี่ยนกำลัง วางจุดอ่อนจุดแข็งและความเหมาะสม ขอยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของ นายการุณ ไม่ได้เกิดจากปัญหาภายในพรรค และขอให้รอว่าการเคลื่อนไหว ทางการเมืองจะนิ่ง ก็ต่อเมื่อถึงวันที่เปิดรับสมัครในวันที่ 7-16 พฤศจิกายน 2550
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ไปซบอกพรรคชาติไทย ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่นักการเมืองอาวุโส จะเห็นว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มีบารมีมากพอคุ้มครองกลุ่มได้ โดยไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรี และไม่เสียความรู้สึก แต่ไม่ได้หมายความว่า การที่พรรคชาติไทยมี ส.ส.รุ่นเก่า มาก จะเป็นพรรคที่แข็งแกร่งกว่าพรรคอื่น เพราะการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบใหม่ของ กกต. จะมีผลให้ ส.ส.เก่าสอบตกได้มากถึงร้อยละ 50 อย่างไรก็ตาม พรรคมัชฌิมาธิปไตยยืนยันว่า จะยอมรับเสียงของประชาชน ไม่ว่าจะเลือกพรรคใดให้เป็นเสียง ข้างมากในการเป็นผู้นำ และยินดีที่จะสนับสนุนพรรคนั้น ๆ
**ประชานำลูกเขยสังกัด"เพื่อแผ่นดิน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยนายพินิจ จารุสมบัติ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงข่าวเปิดตัว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ให้ดำรงตำแหน่งประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายสุวิทย์ กล่าวว่า การเชิญ พล.ต.อ.ประชา เข้ามาร่วมงาน เป็นการพูดคุยผ่านนายพินิจ
ด้านนายพินิจ กล่าวว่า พรรคได้วางตัว พล.ต.อ.ประชา เป็น ส.ส.สัดส่วน อันดับ 1 ของกลุ่ม จ.อุดรธานี หนองคาย เลย สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร
ส่วน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า จะมาพร้อมกับบุตรเขยอีก 1 คน และจะมีสมาชิก ของอดีตพรรคชาติพัฒนาบางส่วนมาร่วมงานด้วยแต่ไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ซึ่งเคยร่วมงานกันในพรรคชาติพัฒนา เพราะตนสนิทกับทุกพรรค และคุ้นเคยกับหลาย ๆ คน เชื่อว่าน่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางอุไรวรรณ เทียนทอง จะมาร่วมงานกับ พรรคเพื่อแผ่นดิน หรือไม่ นายสุวิทย์ ไม่ยืนยันชัดเจน โดยระบุว่า หากใครเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของ พรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ยินดีที่จะให้ทำงานร่วมกัน
**"เสนาะ"ประกาศเดินหน้า"ประชาราช"
สำหรับความเคลื่อนไหวที่บ้านพักนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ย่านเมืองทองธานี ว่า เวลาประมาณ 16.40 น. วันเดียวกันนายฉลอง เรี่ยวแรง กรรมการบริหารพรรคประชาราช ได้เดินทางเข้าพบนายเสนาะ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับกระแสข่าวจะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองต่าง ๆ นายฉลอง ยังให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังเข้าพบนายเสนาะ ว่า นายเสนาะยืนยันว่า จะเดินหน้าสู้ต่อไป แม้ว่าจะได้ ส.ส. แค่ 10 คนก็ตาม เราจะสู้ด้วยศักดิ์ศรีที่มีอยู่ โดยจะส่งผู้สมัครใน จ.นนทบุรี ปทุมธานี และสระแก้ว โดยในวันนี้ (30 ต.ค.) นายเสนาะจะแถลงจุดยืนของพรรคประชาราชด้วยตัวเอง เพื่อยุติความสับสนที่จะเกิดขึ้น
ด้านนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยานายเสนาะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบปะหารือกับสมาชิกพรรคประชาราช ว่า ตนและนายเสนาะ รวมทั้งลูกหลาน จะยังคงอยู่กับพรรคประชาราช ส่วนสมาชิกพรรคคนอื่นๆ จะให้โอกาสไปอยู่กับพรรคไหนก็ได้ ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวที่จะพิจารณา และจะไม่มีปัญหากับนายเสนาะ แต่ขณะนี้ยังไม่มี ส.ส.ที่จะแสดงความจำนงย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น พรรคประชาราชถือว่ามีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องของการทำงานทางการเมืองต่อไป
**ประชาราชรวมเพื่อแผ่นดินยังไม่สรุป
จากนั้น นางอุไรวรรณ และนายสุชาติ บรรดาศักดิ์ รองเลขาธิการพรรคประชาราช ได้นั่งรถตู้ออกจากบ้านพัก ไปยังสำนักกฎหมายของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยคาดว่าจะมีการหารือถึงข้อสรุปเกี่ยวกับการย้ายพรรค โดยมีนายสุรเกียรติ์ นายพินิจ จารุสมบัติ และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมหารือด้วย
หลังการหารือ นางอุไรวรรณ กล่าวว่าจากการหารือกับนายสุรเกียรติ์ นายพินิจ จารุสมบัติ และ พล.ต.อ.ประชา ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการทำงานร่วมกัน แต่คาดว่าจะรู้ผลในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีอดีต ส.ส.ของพรรคประชาราช ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะพื้นที่ไม่ทับซ้อน
"การพูดคุยวันนี้ไม่ใช่เรื่องการโอนอ่อนผ่อนตาม แต่เป็นการใช้เหตุและผล และจะนำข้อหารือที่ได้ไปคุยกับนายเสนาะต่อไป".