xs
xsm
sm
md
lg

ออกพรรษาร่วมลุ้น "บั้งไฟพญานาค"หนองคาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชาชนจากทั่วสารทิศ เดินทางมาเฝ้าชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค บริเวณริมแม่น้ำโขงด้านอำเภอโขงเจียม ที่เคยมีปรากฏการณ์ลูกไฟผุดขึ้นจากลำน้ำโขง
หนองคาย - อำเภอโพนพิสัย จ.หนองคาย จัดงานแสงสีเสียง 750 ปีเมืองปากห้วยหลวงและ 100 ปีเมืองโพนพิสัย 24-26 ตุลาคมนี้ยิ่งใหญ่ พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมงานออกพรรษาลุ้น"บั้งไฟพญานาค"ตลอดแนวลำน้ำโขง เชื่อบั้งไฟฯ จะขึ้นมากกว่าทุกปี เพราะเป็นปีที่มีแปด 2 หนตามปีอธิกมาส

ลูกไฟสีแดงอมชมพูพุ่งขึ้นจากลำแม่น้ำโขงเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร แล้วพุ่งขึ้นไปในอากาศ สูงประมาณ 50 -150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วก็จะดับหายไปในอากาศ โดยไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ ลูกไฟที่เกิดขึ้นจะไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง ขนาดของลูกไฟมีขนาดตั้งแต่เท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดเท่าฟองไข่ไก่ และจะเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนถึงเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันออกพรรษา นั่นคือ "บั้งไฟพญานาค"

ตามตำนานการเกิดบั้งไฟพญานาค ตามพุทธประวัติเชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระองค์ได้เสด็จเผยแผ่ศาสนาไปทั่วชมพูทวีป พญานาคีบังเกิดความเลื่อมใสและศรัทธายิ่ง จึงจำแลงกายเป็นบุรุษขอบวชเป็นสาวก ค่ำคืนหนึ่งพญานาคีเผลอหลับใหลคืนร่างเดิม พระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่อง จึงขอให้ลาสิกขา เนื่องจากเป็นเดรัจฉาน จะบวชเป็นภิกษุไม่ได้ พญานาคียอมตามคำขอ แต่ขอว่ากุลบุตรที่จะบวชให้เรียกขานว่า "นาค" เพื่อเป็นศักดิ์ศรีของพญานาคก่อนค่อยเข้าโบสถ์

จากนั้นเป็นต้นมาจึงเรียกกุลบุตรทั้งหลายที่จะบวชว่า "พ่อนาค" ต่อมาเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าได้เสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จไปโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา 3 เดือน เมื่อกลับสู่โลกมนุษย์ เหล่าบรรดาพญานาคี นาคเทวี พร้อมทั้งบริวาร ได้จัดทำเครื่องบูชาและพ่นบั้งไฟถวาย ชาวบ้านเรียกว่า "บั้งไฟพญานาค"

ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค จะเกิดขึ้นในวันออกพรรษาขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปี2550 ตรงกับวันศุกร์ ที่ 26 ตุลาคม 2550 ส่วนพื้นที่ที่คาดว่าจะเกิดปรากฏการณ์นี้ได้แก่ ลำน้ำโขงเขต อ.สังคม, อ.ศรีเชียงใหม่,อ.เมืองหนองคาย,อ.โพนพิสัย,กิ่ง อ.รัตนวาปี, อ.ปากคาด, อ.บึงกาฬ และ อ.บึงโขงหลง โดยอำเภอที่มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นมากที่สุดคือ อ.โพนพิสัย และกิ่ง อ.รัตนวาปี

อย่างไรก็ตาม จากสถิติการเกิดบั้งไฟพญานาคในแต่ละปีจะเห็นว่า จำนวนบั้งไฟพญานาคไม่แน่ไม่นอน มากบ้างน้อยบ้าง แต่จะพบว่านับวันบั้งไฟพญานาค จะมีให้เห็นลดน้อยลงไปทุกที ลองพิจารณาตามเหตุผลที่ทำให้บั้งไฟพญานาคมีจำนวนลดลงตามหลักวิทยาศาสตร์อ้างอิง กล่าวคือ

นายแพทย์มนัส กนกศิลป์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย ผู้ศึกษาค้นคว้าปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคมานานกว่า10 ปี เปิดเผยว่า สำหรับปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคปรากฏการณ์ที่มีให้ชาวริมฝั่งแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคายได้เห็นมานานหลายสิบปีนั้น ในปีนี้ คาดว่าจะมีปรากฏให้เห็นอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งคงจะไม่ต่ำกว่าจำนวนที่เกิดเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในปัจจุบันเป็นสิ่งหยุดยั้งไม่ได้

บางเรื่องอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ อาทิ ระบบนิเวศวิทยาในแม่น้ำโขง ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว ทำให้สารอินทรีย์ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของการเกิดบั้งไฟพญานาคไหลลงสู่แม่น้ำสาขาหรือแม่น้ำโขงน้อยลง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์เอง การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ก็ทำให้เชื่อได้ว่าปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนี้อาจจะมีปริมาณลดลง

เรียกได้ว่าหากเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์ระดับโลกที่ไม่ใช่เกิดจากฝีมือของมนุษย์สร้างขึ้นแล้ว บั้งไฟพญานาคก็น่าจะติด 1 ใน 7 อันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยทีเดียว เนื่องจากบั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างไม่สามารถจะระบุได้ชัดเจนว่าเกิดขึ้นในวันออกพรรษาด้วยเหตุหลายอย่างที่สามารถใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ แม้จะสามารถอธิบายได้แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม หากจะบอกเล่าเรื่องราวให้ใครฟังว่า มีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหนาตา และเห็นได้ชัดเจนประจักษ์อย่างแม่นยำในวันออกพรรษา ไม่มีใครในโลกนี้จะเชื่อ จึงอยากให้มาดู มาพิสูจน์ให้เห็นกับตา ซึ่งคาดว่าปริมาณของบั้งไฟพญานาคน่าจะลดลงเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ล้วนแล้วเกิดจากระบบนิเวศ และเงื่อนไขของเวลา ซึ่งหากในปีนี้ยังไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่แน่ว่าในปีต่อไปจะมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคอีกหรือไม่

ทั้งนี้ เพราะขณะนี้ดินฟ้าอากาศนับวันยิ่งแปรปรวน และต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งมีส่วนสำคัญของการเกิดปรากฏการณ์นี้ รวมทั้งภาวะโลกร้อนในปัจจุบันก็มีส่วนทำให้จำนวนบั้งไฟพญานาคลดลงได้เช่นกัน

ด้านนายโกเมน โปตะวัฒน์ ปราชญ์ท้องถิ่น ชาวอำเภอโพนพิสัย ให้ความเห็นว่า ชาวโพนพิสัย ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลมีความเชื่อว่า ท้องถิ่นเมืองโพนพิสัยแห่งนี้ เป็นเมืองที่อยู่ของพญานาค ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า ชื่อเมืองพัทลุง เมืองหน้าด่านของพญานาค ส่วนการที่เกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นนั้น สืบเนื่องจาก เป็นวันออกพรรษา เมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว ในวันนั้นเป็นวันออกพรรษาซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้า จะเสด็จกลับจากสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ หลังจากไปเทศนาโปรด พระมารดา เป็นเวลา 3 เดือน เหล่ามนุษย์ เทพยดาบนสวรรค์ เทพเทวา ทุกภพ ทุกภูมิ ต่างยินดีปรีดา เฉลิมฉลอง จึงถือเป็นวันออกพรรษาครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ส่วนพญานาค ผู้ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมาร่วมรับเสด็จ และเฉลิมฉลองกับเหล่ามนุษย์ และเหล่าทวยเทพได้ ดังนั้นพญานาคจึงพากันพ่นลูกไฟขึ้นมาแทนดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สำหรับในปีนี้ ปราชญ์ท้องถิ่น เชื่อว่าบั้งไฟพญานาค จะขึ้นมากกว่าทุกปี เพราะเป็นปีที่มีแปดสองหนตามปีอธิกมาส ซึ่งปีไหนมีเดือนแปดสองหนหรือวันออกพรรษาไทยกับลาวตรงกันคนโบราณ เชื่อว่าบั้งไฟพญานาคจะมีให้เห็นมากกว่าทุกปี ประกอบกับทางอำเภอโพนพิสัยและจังหวัดหนองคายมีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่

โดยเฉพาะในปีนี้ ชาวโพนพิสัย มีความพร้อมเพรียง และสมัครสมานสามัคคีเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นปีครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งเมืองโพนพิสัย จึงคาดว่าจะเกิดขึ้นมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา

ปรากฏการณ์ซึ่งอยู่เหนือความคาดการณ์ ต่างมีหลายปัจจัยเกื้อหนุน ไม่ว่าจะเกิดมาก หรือ น้อย อย่างไรก็เชื่อว่าจะมีบั้งไฟพญานาคให้เห็นแน่นอน แต่ไม่ชัดเจนว่าจะยั่งยืนแค่ไหน ดังนั้นก่อนที่ลูกไฟจะลับหายไปชั่วนิรันดร หากคุณได้มีโอกาสพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเอง น่าจะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไปอีกนาน

สำหรับกิจกรรมพิเศษในปีนี้ อำเภอโพนพิสัย ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่และประชาชน ร่วมกันจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากเป็นปีที่อำเภอโพนพิสัยก่อตั้งขึ้นครบ 100 ปี จึงมีการจัดเตรียมพิธีบวงสรวงพระยาสุนทรธรรมธาดา ผู้ก่อตั้งเมือง และยังจะมีการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม กล่าวคือ เมืองปากห้วยหลวง ที่เป็นเมืองริมแม่น้ำโขงอายุเก่าแก่ถึง 750 ปี แต่นับวันความสำคัญลดน้อยลงเหลือเพียงความทรงจำของบรรพชน

ดังนั้น ในปีนี้จึงมีการจัดแสดงแสงสีเสียง 750 ปี เมืองปากห้วยหลวง และ 100 ปี เมืองโพนพิสัย ขึ้นพร้อมกัน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนี้จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม
กำลังโหลดความคิดเห็น