ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยได้ต่อต้านอำนาจเก่าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาปีกว่า ในที่สุดคณะทหารก็เข้ามาต่อยอดยึดอำนาจขับไล่รัฐบาลชุดนั้นออกจากตำแหน่ง เป็นการขับไล่เหลือบฝูงเก่าออกไป หลังจากที่กินชาติบ้านเมืองจนเหลือแต่โครงกระดูกและเนื้อหนังบาง ๆ ที่ห่อหุ้มอยู่เท่านั้น
ประชาชนต่างมุ่งหวังว่าอำนาจรัฐใหม่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตที่สุดในโลกที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราให้ลุล่วงไปด้วยดี ฟื้นฟูชาติกลับสู่ความปกติสุขได้ดังเดิม
แต่เพียงไม่ถึงปีประชาชนก็ต้องผิดหวัง เพราะอำนาจรัฐใหม่ปฏิเสธไม่ยอมทำหน้าที่สี่ประการที่เป็นต้นเหตุของวิกฤต และเป็นภารกิจที่รับตกทอดมา
มิหนำซ้ำยังมีพฤติกรรมสมานฉันท์อย่างลับ ๆ กับอำนาจเก่า และบ่อนทำลายความสามัคคีของพลังประชาชนอย่างน่าบัดสีอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาด้านหนึ่งต่อสู้กับอำนาจเก่า โดยใช้กลไกสองอย่างคือ คตส. อย่างหนึ่ง และพลังของประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกอย่างหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ปล่อยเกาะ คตส. ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้การสนับสนุน ทั้งขัดแข้งขัดขาอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ก็พอคาดคะเนได้ว่าหวังจะใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองหาประโยชน์จากอำนาจเก่าเท่านั้น
ส่วนการบ่อนทำลายภาคประชาชนนั้นก็พอเห็นได้ว่าคนพวกนี้กลัวประชาชน และไม่ต้องการให้ประชาชนเติบใหญ่เข้มแข็ง เพราะเกรงว่าจะควบคุมไม่ได้
พวกเขาวางใจว่าเครื่องมือสองชิ้นนี้จะทำลายอำนาจเก่าและจะต่อสู้กันเองจนบอบช้ำไปด้วยกัน ในขณะที่พวกเขาเองก็ตั้งหน้าตั้งตาสถาปนาอำนาจหวังสืบทอดอำนาจควบคู่ไปกับการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่หยุดยั้ง
ทางหนึ่งก็กินบ้านโกงเมืองที่อำนาจเก่าชงค้างไว้ต่อไปอย่างหน้าด้าน อีกทางหนึ่งก็สร้างเรื่องใหม่ ๆ ที่เป็นหนทางได้ประโยชน์อย่างดื้อด้านที่สุด
ภายใต้การสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นรัฐบาลที่ซื่อสัตย์สุจริต มีจริยธรรมและคุณธรรม มีความจงรักภักดีต่อบ้านเมือง ทำให้คนหลงเชื่อวางใจอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ
คือความจริงปรากฏว่าอำนาจใหม่นั้นไม่ได้ทำสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนแม้แต่น้อย ที่เขาทำพอจะจำแนกได้เป็นสามเรื่องเท่านั้น คือ
เรื่องแรก ทำลายอำนาจเก่าและประนีประนอมกับอำนาจเก่าไปในตัว คือแสวงหาประโยชน์จากอำนาจเก่าแต่ก็ไม่ต้องการให้อำนาจเก่าฟื้นตัวขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะถูกล้างแค้น ดังคำขู่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่สอง ทำลายและดิสเครดิตภาคประชาชนให้อ่อนแอ ทำให้แตกความสามัคคีและทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ขัดขวางไม่ให้มีอำนาจใด ๆ ในบ้านเมือง ให้จมปลักดักดานอยู่เหมือนเดิม ในขณะเดียวกันก็พยายามใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือคู่กับ คตส. ในการทำลายอำนาจเก่าด้วย
เรื่องที่สาม คือการวางฐานอำนาจเพื่อการสืบทอดอำนาจควบคู่กับการแสวงหาประโยชน์ของพวกพ้องอย่างมูมมามและละโมบโลภมาก ทำนองเดียวกับคนใส่เสื้อนอกแต่งตัวเรียบร้อย นั่งกินอาหาร แต่ไม่ใช่การกิน หากเป็นการแดก และเป็นการแดกด่วนอย่างมูมมามที่สุด
ความจริงทั้งสามเรื่องนี้ปรากฏชัดเจนเพียงแค่ 3-4 เดือนแรกเท่านั้น ประกอบกับวิกฤตที่สุดในโลกกำลังลุกลามไปทุกปริมณฑล ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เสียงด่าว่าและทวงหาความยุติธรรมก้องกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน
นานวันเข้าความชั่วช้าลามกก็ปรากฏชัดเจนขึ้นโดยลำดับ ไม่ว่าการจงใจทำผิดกฎหมาย การใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ การละเมิดจริยธรรม และคุณธรรม การใช้เล่ห์เหลี่ยมอุบายในการทำลายล้างผู้อื่นทุกรูปแบบ
เล่ห์กลอุบายที่ชั่วร้ายนานาประการที่อำนาจเก่าเคยใช้ได้ถูกนำมาใช้เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ในที่สุดสภาพรัฐบาลที่มีผ้าเหลืองห่อหุ้มตัวและหลอกลวงคนให้หลงเชื่อว่าเป็นพระก็หลุดรุ่ยกลายเป็นโจร และยอมรับสารภาพต่อประชาชนว่าเป็นโจร
เพียงแต่เถียงว่าเป็นโจรที่กลับใจ ซึ่งไม่มีใครเชื่อถือ แต่คนทั้งหลายต่างก็เชื่อว่าสภาพเช่นนี้คือสภาพที่เหลือบฝูงใหม่เข้ามาแทนที่เหลือบฝูงเก่า และสูบเลือดสูบเนื้อชาติบ้านเมืองและประชาชนต่อไปเหมือนเดิม
ต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนจึงต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือและต้องหลีกเลี่ยงไม่ตกเป็นเป้าหมายของการกวาดล้างเหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 อีกต่อไป
ทั้งยังต้องทำให้ฝ่ายประชาชนมีความเข้มแข็งเติบใหญ่ มีความรู้เท่าทันทุกสถานการณ์ และเป็นพลังหลักของบ้านเมืองที่จะกอบกู้ชาติบ้านเมืองต่อไปในวันข้างหน้า
ด้วยเหตุนี้ประชาชนผู้รักชาติจึงต้องไม่ตกเข้าไปอยู่ในท่ามกลางเขาควาย หรือท่ามกลางฝูงเหลือบสองฝูง คือเหลือบฝูงเก่ากับเหลือบฝูงใหม่ที่ถึงอย่างไรก็ต้องขับเคี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่มีทางประนีประนอมให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปได้
ด้วยเหตุนี้เราจึงประกาศจุดยืนเสนอให้ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งประเทศถอยออกมาจากฝูงเหลือบทั้งสองฝูงนี้ ถอยออกมาจากระหว่างเขาควายที่กำลังปะทะกัน
ออกมายืนอยู่ข้างนอก แล้วรีบสร้างความเข้มแข็งเติบใหญ่ของภาคประชาชนอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ละคนต้องขยายกลุ่มเป็นกลุ่มละ 10 คนเป็นอย่างน้อย แต่ละคนในกลุ่มก็ต้องไปขยายกลุ่มอีกคนละ 10 คน ต่อเนื่องกันไปอย่าได้หยุดยั้ง
หมั่นประชุมปรึกษาและทำความเข้าใจในสถานการณ์ของบ้านเมือง แล้วกำหนดภาระหน้าที่ของแต่ละกลุ่มแต่ละคนให้ชัดเจน ในเบื้องต้นเป็นภารกิจในการสร้างความเข้มแข็งและขยายความเติบใหญ่ของประชาชน ในระยะต่อไปก็แปรสภาพเป็นกำลังหลักในการกอบกู้บ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตที่สุดในโลก
ให้เสือสองตัวมันกัดกันจนตายไปข้างหนึ่ง หรือเจ็บสาหัสไปทั้งสองข้าง หรือไม่ก็เหมือนกับการปล่อยให้ฝูงเหลือบสองฝูงกัดกันเองให้พินาศกันไปข้างหนึ่ง โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือหรือถูกทำลายจากสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้
ไม่นานดอกประชาชนผู้รักชาติจะต้องทำหน้าที่พิทักษ์รักษาชาติบ้านเมืองเพื่อลูกหลานของเราและความดำรงอยู่ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ตราบใดที่ประชาชนไม่ได้มีอำนาจรัฐเป็นของตนเอง ก็ต้องตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นและทำหน้าที่อย่างมากก็เพียงขับไล่เหลือบฝูงหนึ่งออกไปเพื่อให้เหลือบฝูงใหม่เข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อต่อไปเท่านั้น.
ประชาชนต่างมุ่งหวังว่าอำนาจรัฐใหม่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตที่สุดในโลกที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราให้ลุล่วงไปด้วยดี ฟื้นฟูชาติกลับสู่ความปกติสุขได้ดังเดิม
แต่เพียงไม่ถึงปีประชาชนก็ต้องผิดหวัง เพราะอำนาจรัฐใหม่ปฏิเสธไม่ยอมทำหน้าที่สี่ประการที่เป็นต้นเหตุของวิกฤต และเป็นภารกิจที่รับตกทอดมา
มิหนำซ้ำยังมีพฤติกรรมสมานฉันท์อย่างลับ ๆ กับอำนาจเก่า และบ่อนทำลายความสามัคคีของพลังประชาชนอย่างน่าบัดสีอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาด้านหนึ่งต่อสู้กับอำนาจเก่า โดยใช้กลไกสองอย่างคือ คตส. อย่างหนึ่ง และพลังของประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกอย่างหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ปล่อยเกาะ คตส. ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ให้การสนับสนุน ทั้งขัดแข้งขัดขาอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ก็พอคาดคะเนได้ว่าหวังจะใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองหาประโยชน์จากอำนาจเก่าเท่านั้น
ส่วนการบ่อนทำลายภาคประชาชนนั้นก็พอเห็นได้ว่าคนพวกนี้กลัวประชาชน และไม่ต้องการให้ประชาชนเติบใหญ่เข้มแข็ง เพราะเกรงว่าจะควบคุมไม่ได้
พวกเขาวางใจว่าเครื่องมือสองชิ้นนี้จะทำลายอำนาจเก่าและจะต่อสู้กันเองจนบอบช้ำไปด้วยกัน ในขณะที่พวกเขาเองก็ตั้งหน้าตั้งตาสถาปนาอำนาจหวังสืบทอดอำนาจควบคู่ไปกับการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่หยุดยั้ง
ทางหนึ่งก็กินบ้านโกงเมืองที่อำนาจเก่าชงค้างไว้ต่อไปอย่างหน้าด้าน อีกทางหนึ่งก็สร้างเรื่องใหม่ ๆ ที่เป็นหนทางได้ประโยชน์อย่างดื้อด้านที่สุด
ภายใต้การสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นรัฐบาลที่ซื่อสัตย์สุจริต มีจริยธรรมและคุณธรรม มีความจงรักภักดีต่อบ้านเมือง ทำให้คนหลงเชื่อวางใจอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ
คือความจริงปรากฏว่าอำนาจใหม่นั้นไม่ได้ทำสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนแม้แต่น้อย ที่เขาทำพอจะจำแนกได้เป็นสามเรื่องเท่านั้น คือ
เรื่องแรก ทำลายอำนาจเก่าและประนีประนอมกับอำนาจเก่าไปในตัว คือแสวงหาประโยชน์จากอำนาจเก่าแต่ก็ไม่ต้องการให้อำนาจเก่าฟื้นตัวขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะถูกล้างแค้น ดังคำขู่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่สอง ทำลายและดิสเครดิตภาคประชาชนให้อ่อนแอ ทำให้แตกความสามัคคีและทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ขัดขวางไม่ให้มีอำนาจใด ๆ ในบ้านเมือง ให้จมปลักดักดานอยู่เหมือนเดิม ในขณะเดียวกันก็พยายามใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือคู่กับ คตส. ในการทำลายอำนาจเก่าด้วย
เรื่องที่สาม คือการวางฐานอำนาจเพื่อการสืบทอดอำนาจควบคู่กับการแสวงหาประโยชน์ของพวกพ้องอย่างมูมมามและละโมบโลภมาก ทำนองเดียวกับคนใส่เสื้อนอกแต่งตัวเรียบร้อย นั่งกินอาหาร แต่ไม่ใช่การกิน หากเป็นการแดก และเป็นการแดกด่วนอย่างมูมมามที่สุด
ความจริงทั้งสามเรื่องนี้ปรากฏชัดเจนเพียงแค่ 3-4 เดือนแรกเท่านั้น ประกอบกับวิกฤตที่สุดในโลกกำลังลุกลามไปทุกปริมณฑล ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า เสียงด่าว่าและทวงหาความยุติธรรมก้องกระหึ่มไปทั้งแผ่นดิน
นานวันเข้าความชั่วช้าลามกก็ปรากฏชัดเจนขึ้นโดยลำดับ ไม่ว่าการจงใจทำผิดกฎหมาย การใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ การละเมิดจริยธรรม และคุณธรรม การใช้เล่ห์เหลี่ยมอุบายในการทำลายล้างผู้อื่นทุกรูปแบบ
เล่ห์กลอุบายที่ชั่วร้ายนานาประการที่อำนาจเก่าเคยใช้ได้ถูกนำมาใช้เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ในที่สุดสภาพรัฐบาลที่มีผ้าเหลืองห่อหุ้มตัวและหลอกลวงคนให้หลงเชื่อว่าเป็นพระก็หลุดรุ่ยกลายเป็นโจร และยอมรับสารภาพต่อประชาชนว่าเป็นโจร
เพียงแต่เถียงว่าเป็นโจรที่กลับใจ ซึ่งไม่มีใครเชื่อถือ แต่คนทั้งหลายต่างก็เชื่อว่าสภาพเช่นนี้คือสภาพที่เหลือบฝูงใหม่เข้ามาแทนที่เหลือบฝูงเก่า และสูบเลือดสูบเนื้อชาติบ้านเมืองและประชาชนต่อไปเหมือนเดิม
ต่อหน้าสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนจึงต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือและต้องหลีกเลี่ยงไม่ตกเป็นเป้าหมายของการกวาดล้างเหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 อีกต่อไป
ทั้งยังต้องทำให้ฝ่ายประชาชนมีความเข้มแข็งเติบใหญ่ มีความรู้เท่าทันทุกสถานการณ์ และเป็นพลังหลักของบ้านเมืองที่จะกอบกู้ชาติบ้านเมืองต่อไปในวันข้างหน้า
ด้วยเหตุนี้ประชาชนผู้รักชาติจึงต้องไม่ตกเข้าไปอยู่ในท่ามกลางเขาควาย หรือท่ามกลางฝูงเหลือบสองฝูง คือเหลือบฝูงเก่ากับเหลือบฝูงใหม่ที่ถึงอย่างไรก็ต้องขับเคี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่มีทางประนีประนอมให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปได้
ด้วยเหตุนี้เราจึงประกาศจุดยืนเสนอให้ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งประเทศถอยออกมาจากฝูงเหลือบทั้งสองฝูงนี้ ถอยออกมาจากระหว่างเขาควายที่กำลังปะทะกัน
ออกมายืนอยู่ข้างนอก แล้วรีบสร้างความเข้มแข็งเติบใหญ่ของภาคประชาชนอย่างเด็ดเดี่ยว แต่ละคนต้องขยายกลุ่มเป็นกลุ่มละ 10 คนเป็นอย่างน้อย แต่ละคนในกลุ่มก็ต้องไปขยายกลุ่มอีกคนละ 10 คน ต่อเนื่องกันไปอย่าได้หยุดยั้ง
หมั่นประชุมปรึกษาและทำความเข้าใจในสถานการณ์ของบ้านเมือง แล้วกำหนดภาระหน้าที่ของแต่ละกลุ่มแต่ละคนให้ชัดเจน ในเบื้องต้นเป็นภารกิจในการสร้างความเข้มแข็งและขยายความเติบใหญ่ของประชาชน ในระยะต่อไปก็แปรสภาพเป็นกำลังหลักในการกอบกู้บ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตที่สุดในโลก
ให้เสือสองตัวมันกัดกันจนตายไปข้างหนึ่ง หรือเจ็บสาหัสไปทั้งสองข้าง หรือไม่ก็เหมือนกับการปล่อยให้ฝูงเหลือบสองฝูงกัดกันเองให้พินาศกันไปข้างหนึ่ง โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือหรือถูกทำลายจากสัตว์เดรัจฉานเหล่านี้
ไม่นานดอกประชาชนผู้รักชาติจะต้องทำหน้าที่พิทักษ์รักษาชาติบ้านเมืองเพื่อลูกหลานของเราและความดำรงอยู่ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ตราบใดที่ประชาชนไม่ได้มีอำนาจรัฐเป็นของตนเอง ก็ต้องตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นและทำหน้าที่อย่างมากก็เพียงขับไล่เหลือบฝูงหนึ่งออกไปเพื่อให้เหลือบฝูงใหม่เข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อต่อไปเท่านั้น.