เมื่อต้นปีได้มีโอกาสไปคารวะนักหนังสือพิมพ์อาวุโสที่ผู้เขียนเคารพคนหนึ่ง ท่านปรารภว่า “ไม่ว่าจะขจัดทุจริตคอร์รัปชันอย่างไรก็ไม่หมดหรอก โดยเฉพาะในกองทัพในการซื้ออาวุธ” ท่านตั้งประเด็นเพราะส่วนใหญ่แล้ว เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับการจัดหาอาวุธของกองทัพแล้ว ข้อมูลมักเป็นเรื่องลับเสมอ เนื่องจากรายละเอียด “ความต้องการของกองทัพ” เป็นความลับเพราะข้อมูลมีผลกระทบกับความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของชีวิตทหาร เพราะระบบอาวุธยุทโธปกรณ์จะมีจุดอ่อน จุดแข็งตามธรรมชาติของสรรพสิ่งอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนไม่ได้ตอบโต้อะไร นอกจากคิดในใจว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นเช่นนี้เพราะทุจริตคอร์รัปชัน และเชื่อมั่นว่า ทหารสมัยใหม่ในส่วนที่เป็นกลุ่มคนชั้นหนึ่งของกองทัพจะกล้าคิด กล้าพูด และมีความเป็นทหารอาชีพด้วยสาเหตุหลายประการ แต่ที่สำคัญมีความเป็นสากลมากขึ้นตามกระแสโลกาภิวัตน์ซึ่งการที่กองทัพตกลงจะทำอะไร คิดอะไร และซื้ออะไรมาบรรจุประจำการในกองทัพ ประชาคมการทหารโลกเฝ้าดูอยู่โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน
และประการสำคัญ คือบริษัทอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์ที่แข่งขันก็จะสร้างขบวนการให้ร้ายผ่านสื่อเสนอเพื่อกระตุ้นให้สังคมกระเพื่อมและตั้งประเด็นถามวัฒนธรรมตามเดิมๆ ที่ว่า “มีคอมมิชชัน” เท่าไรซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะแจงรายละเอียดการตั้งราคาสินค้าประเภทอาวุธยุทโธปกรณ์เพราะเป็นความลับสุดยอดที่แต่ละบริษัทจะต้องปิดบังต่างกับการซื้อเครื่องบินโดยสาร
การที่เกริ่นมานี้เพื่อให้สังคมมองภาพรวมในการที่กองทัพอากาศ จัดหาเครื่องบินรบทดแทนในส่วนที่ต้องปลดประจำการ เพราะหาอะไหล่ไม่ได้อีกแล้ว และในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวิถีการเมืองที่เป็นจุดอ่อนของกองทัพเพราะถูกสังคมโจมตีได้ง่ายเนื่องจากในประชาคมส่วนที่ต่อต้านทหารหรือ คมช.แล้ว ก็อาจจะมองว่ากองทัพฉวยโอกาส แต่หากวิเคราะห์ด้วยเหตุผลก็ต้องพิจารณาว่า ระบบอาวุธมีเกณฑ์การพิจารณาจากเทคโนโลยี วงจรชีวิตของเทคโนโลยี ระบบการดำรงสภาพและเพิ่มขีดความสามารถ หรือ UP-GRADE PROGRAMME ระบบการหาอะไหล่ที่เป็นสากลหาง่าย และการฝึกอบรมเทคนิคนักบินและช่างในการใช้ระบบต่างๆ ที่มีความยากซับซ้อนจากยุคหนึ่งสู่อีกยุคหนึ่ง หากขบวนการต่อยอดเทคโนโลยีขาดตอนแล้ว จะต้องเริ่มต้นใหม่ JAS GRIPEN ถือว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ระดับ F 16
ด้วยความเข้าใจในระบบเวหายสศิลปะและการรบทางอากาศ จึงจำเป็นพอใช้เวทีนี้เขียนเรื่องนี้ตามความเห็นไม่เกี่ยวกับกองทัพอากาศ หรือใครๆ โดยเฉพาะโดยเฉพาะ SAAB ด้วยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติให้กองทัพอากาศดำเนินการจัดซื้อเครื่องบินรบอเนกประสงค์ แบบ JAS 39 GRIPEN จำนวน 12 เครื่อง ในวงเงิน 34.4 พันล้านบาท ซึ่งสังคมคนเสียภาษีไทยคงให้ความสนใจ
โดยหลักการยุทธศาสตร์สงครามแล้ว กองทัพต้องจัดทำแผนพัฒนากองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกด้านการเมือง สังคม และเทคโนโลยี แต่สำคัญที่สุดต้องอยู่ที่ประเด็นสถานการณ์เศรษฐกิจของชาติ หากสำนักงบประมาณแจ้งไม่มีงบประมาณซื้อทุกอย่างก็ยุติลง และปกติสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะวิเคราะห์กลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมและต้องเป็นไปตามแผนพัฒนาชาติในทุกๆ ด้าน รวมถึงความมั่นคงอันเป็นฐานสำคัญของหลักการดำรงชาติ
กองทัพอากาศรู้จัก JAS 39 GRIPEN มากกว่าการเรียนรู้ใน WEBSITE ได้อย่างไร อาจจะเป็นคำถามที่สังคมอยากรู้ ข้อเท็จจริงโดยในปี พ.ศ.2540 กองทัพอากาศยุค พล.อ.อ.ธนนิตย์ เนียมทันต์ เป็น ผบ.ทอ.จัดสัมมนาว่าด้วยเรื่องการใช้กำลังทางอากาศในศตวรรษที่ 21 และได้เชิญผู้บัญชาการทหารอากาศสวีเดน เป็นหนึ่งในองค์ปาฐกถาด้วยความปรารถนาจะเรียนรู้ว่า กองทัพอากาศของประเทศที่เป็นกลางตามหลักนโยบายความเป็นกลาง ค.ศ.1812 หรือ THE POLICY OF 1812 ของเจ้าชายฌอน เบปติส เบอร์นาเดด (PRINCE JEAN BAPTISE BERNADOTTE) ที่เห็นว่าการสงครามในยุโรปทำให้สวีเดนสูญเสียดินแดน จึงประกาศตัวเป็นกลาง มีหลักยุทธศาสตร์ในการกำหนดนโยบายกำลังทางอากาศอย่างไร จึงจะสามารถประกันความเป็นกลางไว้ได้ด้วยหลักรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศและความเข้มแข็งของกองทัพ ซึ่งในส่วนของกองทัพอากาศไทยได้เห็นและรู้แนวคิดในการใช้เครื่องบินรบแบบ JAS 39 GRIPEN สร้างหลักประกันให้กับความมั่นคงของชาติและความเป็นกลางของสวีเดน
บริษัท SAAB เป็นผู้สร้าง JAS 39 GRIPEN ซึ่ง JAS เป็นตัวย่อของ JAKT แปลว่า อากาศสู่อากาศ ATTACK หรือการโจมตีภาคพื้นดิน และ S คือ SPANING หรือการลาดตระเวน ดังนั้น ปรัชญาเรื่องตัวของ JAS คือ ความเป็นอเนกประสงค์ จึงมีความอ่อนตัว (FLEXIBILITY) ในการรบทางอากาศทุกมิติโดยเฉพาะการบินลาดตระเวน คือการบินได้นานกว่าปกติแต่ประหยัด
เริ่มต้นในปี ค.ศ.1982 นั้น กองทัพอากาศสวีเดน จำต้องหาเครื่องบินทดแทนเครื่องบินรบเก่าแบบ JA 37 VIGGEN โดยมีตัวเลือกเครื่องบินรบแบบ F-16, F/A-18 หรือ F-20 ที่รู้จักกันในนาม TIGER SHARK แต่รัฐบาลสวีเดนเลือกที่จะพัฒนา GRIPEN ด้วยศักยภาพเทคโนโลยีของสวีเดนเอง และในปี 1995 บริษัท SAAB MILITARY AIRCRAFT และ BRITISH AEROSPACE หรือ BAE SYSTEM ของอังกฤษร่วมมือเป็น SAAB-BAe GRIPEN AB โดยมีเป้าหมายทางธุรกิจในการสร้างเพื่อการแข่งขัน การตลาด และการบินสนับสนุนโครงการให้มีลักษณะสากลในตลาดเครื่องบินรบ
การที่ BAE ร่วมมือกับ SAAB ในการสร้าง JAS 39 GRIPEN นั้นเป็นการเสริมการตลาดระหว่างเครื่องบินรบขนาดเล็ก แบบ HAWK และเครื่องบินรบขนาดใหญ่แบบ TORNADO และ TYPHOON ทำให้เครื่องบินรบคุณภาพสูงแบบ JAS 39 GRIPEN เป็นเครื่องบินรบอเนกประสงค์ขนาดกลางที่เป็นตัวเลือกให้กับประเทศลูกค้าที่ต้องการเครื่องบินรบขนาดกลางแต่รบได้ทุกความเข้มข้นสงครามโดยมีมาตรฐานสากล และเป็นเครื่องบินรบชั้นแนวหน้าในเชิงการตลาดของสวีเดน-อังกฤษที่ต้องแข่งขันกับ F-16A/B/C/D หรือในเครื่องบินรบชั้นนี้
แนวคิดทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของ JAS 39 GRIPEN ที่สวีเดนพัฒนา คือการร่อนลงบนทางหลวงได้ ซ่อนตัวในถ้ำได้ และการเตรียมตัวพร้อมรบใช้เวลาเพียง 10 นาที ขณะที่ต้องการเจ้าหน้าที่ภาคพื้นบริการเพียง 5 คน ก็สามารถที่จะทำการบินรบได้ทันที ทำให้ประหยัดเวลาในการหมุนเวียนบินรบ (TURN AROUND TIME) อันเป็นหัวใจของการบริหารจัดการการรบทางอากาศที่ต้องการเที่ยวบินมากต่อวันปฏิบัติการรบ เช่น มีเครื่องรบ 12 เครื่อง สามารถทำการบินได้เครื่องละ 4 เที่ยวต่อวันนั้น หมายความว่า กองทัพอากาศจะมี 48 เที่ยวบิน ที่สามารถเลือกปฏิบัติการบินรบตามภารกิจต่างๆ ได้ในหนึ่งวัน ซึ่งในปัจจุบันกำลังทางอากาศอยู่ในยุคที่ 4 ที่เครื่องยนต์เครื่องบินมีสมรรถนะสูง เช่น เครื่องยนต์แบบ VOLVO AERO RM 12 เครื่องยนต์เดียว ให้แรงขับ 18,100 ปอนด์ และ JAS 39 GRIPEN มี DELTA CANARO หรือปีกสามเหลี่ยมเล็ก) ด้านหน้าปีกใหญ่ทำให้มีความสามารถสูงในการเลี้ยวซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญในการบินรบ และประหยัดระยะทางในการเลี้ยว เพราะวงเลี้ยวมีวงแคบมากรวมถึงเมื่อขึ้นหรือลงสนามบินนั้น CANARD นี้ปรับมุมได้ และเมื่อปรับมุมมาที่ 90 องศา ในการบินลงสัมผัสพื้นทางวิ่งไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็จะทำหน้าที่เป็น BRAKE สร้างแรงต้านขนาดใหญ่ ทำให้ใช้ทางวิ่งเพียง 800 เมตร หรือ 2,400 ฟุต เท่านั้น
อุปกรณ์ที่สำคัญทำหน้าที่เป็น “ตา” ให้นักบิน คือ เรดาร์ชนิดพหุกิจกรรมระบบ FULSE DOPPLER PS-05/A หน้าตัดต่ำข้าศึกตรวจจับได้ยาก ทำให้ GRIPEN เห็นก่อนจึงเหมือนมีตาที่ไวกว่าเห็นข้าศึกก่อนเสมอ และระบบบินด้วยกลไกอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงระบบเครื่องวัดต่างๆ ง่ายต่อการมองผ่านและมี DATA LINK ที่แสดงค่าและภาวะแวดล้อมได้ครบถัวน ทำให้นักบินตระหนักถึงสถานการณ์ในอนาคตได้ง่าย เรียกว่าSITUATION AWARENESS อันเป็นหัวใจของการบินรบในอากาศที่รู้อนาคตก่อนข้าศึก 5 วินาทีก็ชนะศึกแล้ว
ความสามารถของ GRIPEN ถูกบดบังไปในห้วงที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา เป็น ผบ.ทอ.และสร้างแผนพัฒนาทดแทน เครื่องบิน แบบ F-5 ด้วย SU-30 ของรัสเซีย ที่อดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้ระบบ BARTER TRADE แลกไก่สดแช่แข็งกับSU-30 จนเป็นเรื่องอื้อฉาวอยู่พักหนึ่ง
แต่หลังจากกันยายน 2548 พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก เข้ารับตำแหน่งแทนอย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อน ให้มีการพิจารณาใหม่เพราะสังคมมีข้อกังขาในหลายๆ เรื่อง จนคณะกรรมการเลือกแบบเครื่องบินรบต้องตั้งกันใหม่ และเลือก JAS 39 GRIPEN เป็นเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ ซึ่งทำให้กองทัพอากาศเป็นกองทัพอากาศที่มีคุณภาพมาตรฐาน EU และในปัจจุบันกองทัพอากาศที่ใช้ JAS 39 GRIPEN ได้แก่ ทอ.สวีเดน 204 เครื่อง สาธารณรัฐเช็กและฮังการีสมาชิกนาโต 28 เครื่อง สหพันธ์รัฐแอฟริกาใต้ 28 เครื่อง และกองทัพอากาศอังกฤษใช้เป็นฝึกนักบินลองเครื่องที่ EMPIRE TEST PILOT SCHOOL ที่มีชื่อเสียงและการที่ประเทศไทยซื้อ GRIPEN สวีเดนเป็นประเทศที่ประชาธิปไตยมากที่สุดแห่งหนึ่งแม้กระทั่งอังกฤษและไทยก็ประยุกต์ใช้ระบบ OMBUDSMAN ที่ดังเดิมเป็นของสวีเดน
จึงอยากให้ใครก็ได้ถามรัฐสภาสวีเดนว่ารายการซื้อนี้มี “คอมมิชชัน” หรือเปล่าครับ