ผู้จัดการรายวัน - คลังเผยฐานะการคลังของรัฐบาลปีงบประมาณ 2550 มีรายได้นำส่งรวม 1,444,993 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณก่อน 7.9% ขณะที่มีรายจ่ายรวม 1,574,967 ล้านบาทสูงกว่าปีงบประมาณก่อน 12.9% ทำให้มียอดขาดดุลเงินสดรวม 158,731 ล้านบาท ระบุเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐที่ใช้นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือนกันยายน 2550 ว่า รัฐบาลมีดุลเงินสดเกินดุล 72,046 ล้านบาท ในขณะที่ตลอดปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 158,731 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะใช้นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือหลักเครื่องมือหนึ่งในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจในปี 2550 ขยายตัวได้ในระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ทั้งนี้ รัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 146,200 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 12,531 ล้านบาท
สำหรับฐานะการคลังเดือนกันยายน 2550 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 191,986 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.5 เนื่องจากได้รับรายได้พิเศษจากการยุบเลิกทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 36,951ล้านบาท นอกจากนั้นรายได้จากภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีสุรา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 150,889 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 4,572.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.9 โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำ 116,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 2,876.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.5 เป็นรายจ่ายลงทุน 28,077 ล้านบาทลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 4,282.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.2 และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 6,654 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 3,166.90 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32.2
ทั้งนี้ จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนกันยายน 2550 เกินดุล 41,097 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 30,949 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดเกินดุล 72,046 ล้านบาท
สำหรับฐานะการคลังตลอดปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,444,993 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2549 ร้อยละ 7.9 โดยภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีสุรา ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะ นอกจากนี้การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและรายได้จากส่วนราชการอื่นยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเช่นเดียวกัน
ด้านรายจ่ายรัฐบาล ตลอดปีงบประมาณ 2550 การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,574,967 ล้านบาท สูงกว่าการเบิกจ่ายในปีงบประมาณที่แล้วร้อยละ 12.9 โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 1,470,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 15.7 คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 93.91 ของวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ 1,566,200 ล้านบาท โดยเป็นรายจ่ายประจำ 1,208,133.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 200,813.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.9 และเป็นรายจ่ายลงทุน 262,706.22 ล้านบาทลดลงจากปีงบประมาณก่อน 713.16 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 0.3 และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 104,127 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้วร้อยละ 16.4
และดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุลทั้งสิ้น 129,973 ล้านบาท (ต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะขาดดุล 146,200 ล้านบาท) และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 28,758 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจ่ายเงินเหลื่อมจ่ายสุทธิจำนวน 21,925 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลังขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 158,731 ล้านบาท โดยรัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการใช้เงินคงคลัง 12,531 ล้านบาท การออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 97,115 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 49,085 ล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือนกันยายน 2550 ว่า รัฐบาลมีดุลเงินสดเกินดุล 72,046 ล้านบาท ในขณะที่ตลอดปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 158,731 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะใช้นโยบายการคลังเป็นเครื่องมือหลักเครื่องมือหนึ่งในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจในปี 2550 ขยายตัวได้ในระดับไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 ทั้งนี้ รัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 146,200 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 12,531 ล้านบาท
สำหรับฐานะการคลังเดือนกันยายน 2550 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 191,986 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.5 เนื่องจากได้รับรายได้พิเศษจากการยุบเลิกทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 36,951ล้านบาท นอกจากนั้นรายได้จากภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีสุรา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขณะที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 150,889 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 4,572.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.9 โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำ 116,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 2,876.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.5 เป็นรายจ่ายลงทุน 28,077 ล้านบาทลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 4,282.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.2 และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 6,654 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 3,166.90 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32.2
ทั้งนี้ จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้น ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนกันยายน 2550 เกินดุล 41,097 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 30,949 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดเกินดุล 72,046 ล้านบาท
สำหรับฐานะการคลังตลอดปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,444,993 ล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2549 ร้อยละ 7.9 โดยภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษียาสูบ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีสุรา ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีธุรกิจเฉพาะ นอกจากนี้การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจและรายได้จากส่วนราชการอื่นยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเช่นเดียวกัน
ด้านรายจ่ายรัฐบาล ตลอดปีงบประมาณ 2550 การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 1,574,967 ล้านบาท สูงกว่าการเบิกจ่ายในปีงบประมาณที่แล้วร้อยละ 12.9 โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 1,470,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 15.7 คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 93.91 ของวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ 1,566,200 ล้านบาท โดยเป็นรายจ่ายประจำ 1,208,133.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 200,813.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.9 และเป็นรายจ่ายลงทุน 262,706.22 ล้านบาทลดลงจากปีงบประมาณก่อน 713.16 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 0.3 และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 104,127 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้วร้อยละ 16.4
และดุลการคลังรัฐบาลตามกระแสเงินสด จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุลทั้งสิ้น 129,973 ล้านบาท (ต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะขาดดุล 146,200 ล้านบาท) และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 28,758 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจ่ายเงินเหลื่อมจ่ายสุทธิจำนวน 21,925 ล้านบาท ทำให้ดุลการคลังขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 158,731 ล้านบาท โดยรัฐบาลชดเชยการขาดดุลด้วยการใช้เงินคงคลัง 12,531 ล้านบาท การออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 97,115 ล้านบาท และการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 49,085 ล้านบาท