xs
xsm
sm
md
lg

ร้องศาล ปค.งดขึ้นค่ารถเมล์-นัดไต่สวนฉุกเฉิน 15 ต.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสาร ร้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่ให้ปรับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ ขณะที่ศาลฯ เตรียมไต่สวนฉุกเฉิน15 ต.ค.นี้ เพื่อพิจารณาจะสั่งระงับการปรับขึ้นไว้ จนกว่ามีคำพิพากษาหรือไม่

วานนี้ (12 ต.ค.) นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารสาธารณะ ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และรมว.คมนาคม ต่อศาลปกครองกลาง โดยขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่เห็นชอบให้มีการขึ้นค่าโดยสารรถ ขสมก. รถร่วม ขสมก. รถ บขส. และรถร่วมบริการ บขส. โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ตามคำฟ้อง นายบุญชัย ระบุว่า ตนเองเป็นประชาชนผู้บริโภค มีความจำเป็นต้องเดินทางสัญจรโดยใช้บริการของกรมการขนส่งทางบก ได้รับทราบผ่านทางสื่อมวลชนว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง มีมติเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ให้รถร่วม ขสมก. รถมินิมัส ปรับขึ้นค่าโดยสารธรรมดา (เมล์ร้อน) 50 สตางค์ ต่อคนต่อเที่ยววิ่ง ส่วนรถโดยสารปรับอากาศขึ้นค่าโดยสารตามช่วงระยะทางละ 1 บาท ต่อคนต่อเที่ยววิ่ง ขณะที่รถร่วม บขส. ขึ้นค่าโดยสารกิโลเมตรละ 3 สตางค์ มีผลใช้บังคับในวันที่ 15 ต.ค. นี้ แต่ในส่วนของบริษัทขนส่ง จำกัด จะตรึงราคาค่าโดยสารเดิมก่อน จนไปถึงวันที่ 15 ม.ค. 51 ทำให้การปรับขึ้นค่าโดยสารมีผลเฉพาะรถร่วมให้บริการของเอกชนที่ได้รับสัญญาจากราชการให้นำมาให้บริการแก่ประชาชน

ดังนั้นการปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าว จึงเป็นการปรับสำหรับในกรุงเทพฯ โดยขึ้นอัตราเท่ากันคือ 50 สตางค์ ส่วนการเดินทางระหว่างจังหวัดปรับขึ้นในอัตรา กม.ละ 3 สตางค์ หมายถึง หากการเดินทางระหว่างจังหวัดที่อยู่ห่างกัน 500 กม. จะต้องเพิ่มค่าโดยสารขึ้นอีก 15 บาท ถือเป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนทั่วไปให้ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งตนที่ต้องใช้บริการด้วย

และเนื่องจากปัจจุบัน ปริมาณรถที่ให้บริการแก่ประชาชน จะมีปริมาณจำนวนรถจากรถร่วมให้บริการของเอกชน สูงกว่ารถจากภาครัฐ คือบริษัทขนส่งจำกัด และขสมก. แม้รถจากภาครัฐจะไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว แต่จากปริมาณจำนวนรถจากเอกชนมีมากกว่าประชาชน รวมทั้งตนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถูกบังคับโดยปริยายให้จำเป็นต้องหันมาใช้บริการจากรถร่วมเอกชน

"การให้บริการนี้เป็นการบริการแก่สาธารณะ ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่คำนวณแล้วจะเห็นได้ว่ารถที่ให้บริการจากบริษัทขนส่ง จำกัด หรือรถร่วมเอกชน ก็ยังมีกำไรอยู่ และที่ผ่านมาแม้จะเกิดการผันผวนจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิงก็ตาม แต่ทางราชการก็เคยปรับราคาขึ้นมาให้หลายครั้งมาก แต่เมื่อราคาน้ำมันลดลง ทางราชการกลับไม่ปรับลดให้เลย ยังตรึงคงที่อยู่ ประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้ฟ้องคดีต้องจ่ายค่าโดยสารเกินจริงตลอดมา จนผู้ให้บริการไม่ว่าจะเป็นจากภาครัฐ หรือจากรถร่วมเอกชน ได้กำไรสูงไปแล้ว ดังนั้นจึงขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่ให้ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารดังกล่าว"

ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 13.30 น. ตามคำขอให้กำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยให้ระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารรถ ขสมก. รถร่วมขสมก. รถบขส. และรถร่วมบขส. ที่กำหนดใหม่ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. นี้ไว้ จนกว่าจะมีคำพิพากษาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น