ผู้จัดการรายวัน - คลังเดินหน้าแผนกระจายพันธบัตรออมทรัพย์สู่รายย่อย เล็งเปิดบูธขายในภูมิภาคเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมปรับวงเงินให้ใหญ่ขึ้นและประมูลถี่น้อยลง ชี้มาตรการสำรอง 30% คลอดมาครบ 1 ปีควรยกเลิกได้แล้ว เพราะจะทำให้มีการลงทุนระยะยาวกระเตื้องขึ้นและรัฐกู้เงินได้ถูกลง
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ในปีหน้า กระทรวงการคลังมีแผนที่จะกระตุ้นให้ประชาชนในภูมิภาคได้เข้าถึงพันธบัตรออมทรัพย์ได้มากขึ้น โดยจะมีการออกบูธในต่างจังหวัด เพื่อให้ประชาชนสามารถจองพันธบัตรผ่านบูธดังกล่าวได้ทันที รวมถึงจะมีการปรับแผนการออกพันธบัตรให้มีวงเงินที่ใหญ่ขึ้นและไม่ออกจำหน่ายบ่อยเกินไป ซึ่งการออกพันธบัตรดังกล่าวจะมี 4 แบบ อายุพันธบัตร 5, 10, 15 และ 20 ปี ประมูลทุก 2 เดือน โดยพันธบัตรอายุ 5 ปี วงเงิน 80,000 ล้านบาท 10 ปี 60,000-80,000 ล้านบาท ส่วน 15 ปีและ 20 ปีจะออกวงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท
"ประโยชน์ของการออกวงเงินเยอะและไม่ถี่นั้นจะช่วยพัฒนาตลาดรองได้เพราะตอนนี้ตลาดรองเล็กมาก และการออกบ่อยเกินไปทำให้คนมองว่าถ้าซื้อรอบนี้ไม่ทันก็รอรอบหน้าคนเลยไม่ค่อยสนใจจะสนใจตลาดแรกมากกว่า ซึ่งตอนนี้ยังมีคนที่ต้องการซื้ออยู่ เช่น ประกันชีวิตที่ต้องการพันธบัตรระยะยาวในการลงทุน ส่วนปีหน้าตลาดพันธบัตรจะเป็นขาขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจหากดีก็จะดีตามไปด้วย"นายพงษ์ภาณุกล่าว
คลังจ้างธ.กรุงเทพขายบอนด์2ปีซ้อน
วานนี้(9 ต.ค.)กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ลงนามในบันทึกข้อตกลงแต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 อายุ 3 ปี วงเงินรวม 6,000 ล้านบาท จำหน่ายเดือนละ 1 รุ่น รุ่นละ 500 ล้านบาท จำนวน 12 รุ่น กำหนดจำหน่ายตั้งแต่ตุลาคม 2550-กันยายน 2551 วงเงินซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาท และวงเงินขั้นสูงไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยจะประกาศ 2 วันล่วงหน้าก่อนวันจำหน่ายวันแรกของแต่ละรุ่น
นายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการออมของประชาชน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์ในแต่ละรุ่น กระทรวงการคลังจะประกาศอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร 2 วันทำการก่อนวันจำหน่าย โดยใช้อัตราเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี จำนวน 5 วันทำการก่อนวันประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นฐาน บวกด้วยส่วนต่างไม่เกินร้อยละ 15 ของอัตราผลตอบแทน
ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการมอบหมายจากกระทรวงการคลัง ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลต่อเนื่องกันเป็นที่ 2 ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ธนาคารสามารถจัดจำหน่ายและกระจายพันธบัตรได้ครอบคลุมประชาชนรายย่อยทั่วประเทศ ตามวัตถุประสงค์และความต้องการของกระทรวงการคลัง โดยอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรปีงบประมาณ พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างร้อยละ 3.50-5.50 หรือเฉลี่ย 12 เดือนเท่ากับร้อยละ 4.51 สำหรับการจ่ายดอกเบี้ยผู้ถือพันธบัตรจะได้รับดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง โดยจ่ายเป็นเงินงวดละเท่า ๆ กันจนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด
แนะธปท.เลิกกันสำรอง30%
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า มาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งออกมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ก็เห็นว่าควรจะมีการพิจารณายกเลิกได้แล้ว แต่จะไม่กดดัน ธปท.ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากธปท.เป็นหน่วยงานที่จะต้องดูแลด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่หากมีการยกเลิกก็จะช่วยให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวแคบลง ซึ่งจะช่วยให้มีการลงทุนในระยะยาวมากขึ้นและรัฐบาลกู้เงินได้ถูกลง
รอเจบิคสรุปเงินกู้สิ้นเดือนนี้
ส่วนการหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำให้ใช้ในโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น ยังคงรอข้อสรุปจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค) ภายในสิ้นเดือนนี้ว่าจะอนุมัติการปล่อยสินเชื่อให้หรือไม่ ซึ่งหากเจบิคยอมปล่อยกู้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกพันธบัตรเพื่อใช้ในการสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวและกู้ภายในประเทศน้อยลง
"โดยส่วนตัวแล้วยังหวังว่าเจบิคจะปล่อยกู้ให้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่คิดนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับการหาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ ซึ่งก็ยังคงต้องรอข้อสรุปไม่เกินสิ้นเดือนนี้"นายพงษ์ภาณุ กล่าว
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ในปีหน้า กระทรวงการคลังมีแผนที่จะกระตุ้นให้ประชาชนในภูมิภาคได้เข้าถึงพันธบัตรออมทรัพย์ได้มากขึ้น โดยจะมีการออกบูธในต่างจังหวัด เพื่อให้ประชาชนสามารถจองพันธบัตรผ่านบูธดังกล่าวได้ทันที รวมถึงจะมีการปรับแผนการออกพันธบัตรให้มีวงเงินที่ใหญ่ขึ้นและไม่ออกจำหน่ายบ่อยเกินไป ซึ่งการออกพันธบัตรดังกล่าวจะมี 4 แบบ อายุพันธบัตร 5, 10, 15 และ 20 ปี ประมูลทุก 2 เดือน โดยพันธบัตรอายุ 5 ปี วงเงิน 80,000 ล้านบาท 10 ปี 60,000-80,000 ล้านบาท ส่วน 15 ปีและ 20 ปีจะออกวงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท
"ประโยชน์ของการออกวงเงินเยอะและไม่ถี่นั้นจะช่วยพัฒนาตลาดรองได้เพราะตอนนี้ตลาดรองเล็กมาก และการออกบ่อยเกินไปทำให้คนมองว่าถ้าซื้อรอบนี้ไม่ทันก็รอรอบหน้าคนเลยไม่ค่อยสนใจจะสนใจตลาดแรกมากกว่า ซึ่งตอนนี้ยังมีคนที่ต้องการซื้ออยู่ เช่น ประกันชีวิตที่ต้องการพันธบัตรระยะยาวในการลงทุน ส่วนปีหน้าตลาดพันธบัตรจะเป็นขาขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจหากดีก็จะดีตามไปด้วย"นายพงษ์ภาณุกล่าว
คลังจ้างธ.กรุงเทพขายบอนด์2ปีซ้อน
วานนี้(9 ต.ค.)กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ลงนามในบันทึกข้อตกลงแต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 อายุ 3 ปี วงเงินรวม 6,000 ล้านบาท จำหน่ายเดือนละ 1 รุ่น รุ่นละ 500 ล้านบาท จำนวน 12 รุ่น กำหนดจำหน่ายตั้งแต่ตุลาคม 2550-กันยายน 2551 วงเงินซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 บาท และวงเงินขั้นสูงไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยจะประกาศ 2 วันล่วงหน้าก่อนวันจำหน่ายวันแรกของแต่ละรุ่น
นายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ.2551 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการออมของประชาชน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์ในแต่ละรุ่น กระทรวงการคลังจะประกาศอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร 2 วันทำการก่อนวันจำหน่าย โดยใช้อัตราเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี จำนวน 5 วันทำการก่อนวันประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นฐาน บวกด้วยส่วนต่างไม่เกินร้อยละ 15 ของอัตราผลตอบแทน
ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการมอบหมายจากกระทรวงการคลัง ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลต่อเนื่องกันเป็นที่ 2 ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ธนาคารสามารถจัดจำหน่ายและกระจายพันธบัตรได้ครอบคลุมประชาชนรายย่อยทั่วประเทศ ตามวัตถุประสงค์และความต้องการของกระทรวงการคลัง โดยอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรปีงบประมาณ พ.ศ.2550 ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างร้อยละ 3.50-5.50 หรือเฉลี่ย 12 เดือนเท่ากับร้อยละ 4.51 สำหรับการจ่ายดอกเบี้ยผู้ถือพันธบัตรจะได้รับดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง โดยจ่ายเป็นเงินงวดละเท่า ๆ กันจนกว่าพันธบัตรจะครบกำหนด
แนะธปท.เลิกกันสำรอง30%
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า มาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งออกมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ก็เห็นว่าควรจะมีการพิจารณายกเลิกได้แล้ว แต่จะไม่กดดัน ธปท.ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากธปท.เป็นหน่วยงานที่จะต้องดูแลด้านอัตราแลกเปลี่ยน แต่หากมีการยกเลิกก็จะช่วยให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวแคบลง ซึ่งจะช่วยให้มีการลงทุนในระยะยาวมากขึ้นและรัฐบาลกู้เงินได้ถูกลง
รอเจบิคสรุปเงินกู้สิ้นเดือนนี้
ส่วนการหาแหล่งเงินทุนเพื่อนำให้ใช้ในโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น ยังคงรอข้อสรุปจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค) ภายในสิ้นเดือนนี้ว่าจะอนุมัติการปล่อยสินเชื่อให้หรือไม่ ซึ่งหากเจบิคยอมปล่อยกู้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกพันธบัตรเพื่อใช้ในการสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวและกู้ภายในประเทศน้อยลง
"โดยส่วนตัวแล้วยังหวังว่าเจบิคจะปล่อยกู้ให้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่คิดนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับการหาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศ ซึ่งก็ยังคงต้องรอข้อสรุปไม่เกินสิ้นเดือนนี้"นายพงษ์ภาณุ กล่าว