xs
xsm
sm
md
lg

"ประสงค์"นำซักฟอกรัฐบาลวันนี้-"สุรยุทธ์"ไปฟังแต่ให้"ธีรภัทร์"ตอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ประสงค์"นำทีมอภิปรายจริยธรรมรัฐบาลวันนี้ ปลอบไม่ต้องกลัว เพราะไม่ใช่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ "สุรยุทธ์" เผยจะไปนั่งฟัง แต่ให้"ธีรภัทร์"เป็นคนตอบแทน อ้างไม่ไปฟังก็ได้เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับ ส่วนที่อนุกมธ.ตำรวจและสิทธิมนุษยชนฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ดินเขายายเที่ยง ต้องแจ้งก่อน อย่าแอบขึ้นไปดูเอง ด้าน"ไพบูลย์"กรำงานหนัก วูบกลางที่ประชุมครม. ต้องนำตัวส่งรพ.ด่วน แพทย์ระบุเส้นเลือดหัวใจตีบ และเกิดจากความเครียด

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรม และจริยธรรมแก่นักการเมือง ข้าราชการ และประชาชน สนช. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมพูดคุยทำความเข้าใจกับ น.ต.ประสงค์ หลังจากมีปัญหากระทบกระทั่งกันในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตนพร้อมพูดคุยกับนายกฯ ทุกเรื่องเช่นกัน และที่นายกฯ บอกว่า จะไม่ตอบโต้ หรือไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ก็ต้องการถามว่าท่านพูดขึ้นมาก่อนทำไม เพราะหากท่านไม่พูด ก็คงจบไปแล้ว ขอให้ไปคิดดูกันเองแล้วกัน
 
"ผมไม่ได้เป็นคนพูดขึ้นก่อนเลย และคนที่พูดขึ้นมาก่อน ผมก็ถามไปว่าเรื่องอะไร แล้วกลับบอกว่าไม่พูดแล้ว ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะพูดกันในสภาหลายเรื่อง เพราะเมื่อผมถามไปแล้วไม่ตอบ จบปัญหาแล้ว เขาบอกว่าจบปัญหาแล้วก็จบ แต่สิ่งที่เขาพูดออกมา เขาต้องรับผิดชอบเองไม่ใช่ผม" น.ต.ประสงค์ กล่าว
 
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ทั้งนายกรัฐมนตรี และน.ต.ประสงค์ ต่างเป็น"ลูกป๋า" จะต้องให้พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ช่วยเคลียร์หรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า อย่าไปดึง พล.อ.เปรม มาเกี่ยวข้อง
 
น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึงการอภิปรายในประเด็นจริยธรรมของรัฐบาล ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (10ต.ค.) ว่า จะเป็นการซักถามเกี่ยวกับปัญหาด้านคุณธรรม จริยธรรม และการบริหารงานของรัฐบาลในทุกเรื่อง ทุกกระทรวง ไม่ใช่เรื่องหนึ่งเรื่องใด หรือเฉพาะเรื่องที่ดินเขายายเที่ยง แต่ใครจะอภิปรายเรื่องอะไร ถือเป็นเรื่องของ สนช. ที่จะอภิปราย และประเด็นเรื่อง "โจรกลับใจ" ก็เป็นประเด็นที่นายกฯ พูดขึ้นมาเอง จึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมา แต่การอภิปรายจะต้องไปพูดในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
 
"นายกรัฐมนตรี ควรมารับฟังการอภิปรายของ สนช. เพราะสภาฯ ต้องการเปิดโอกาสให้รัฐบาลชี้แจงข้อสงสัย ความไม่เข้าใจของประชาชน ซึ่งผมทำหน้าที่ตรงนี้ ดังนั้น เรื่องทุกอย่างที่สงสัย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใด และหากการบริหารงานของรัฐบาลไม่มีคุณธรรม จริยธรรม หรือผิดกฎหมาย หรือผิดระเบียบข้อบังคับ ก็จะต้องมาพูดคุยกัน ซึ่งหลักมีเท่านี้"น.ต.ประสงค์ กล่าว
 
อย่างไรก็ตาม คงไปบังคับนายกรัฐมนตรีไม่ได้ว่าจะมาหรือไม่ แต่ต้องการให้เข้าใจว่า ญัตตินี้ไม่ใช่ญัตติไม่ไว้วางใจ แต่เป็นญัตติที่ถามคุณธรรม จริยธรรมของรัฐบาล ดังนั้นใครเป็นรัฐบาลจะต้องใส่ใจว่า จะพูดกันเมื่อไร และเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีคนไหน ส่วนจะมาหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ และให้สังคมช่วยกันตัดสินว่า สิ่งที่อภิปรายมีน้ำหนัก และน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
 
"ญัตตินี้ไม่ใช่ญัตติไม่ไว้วางใจ จะกลัวอะไรกันมากมาย มันเป็นญัตติธรรมดา ที่อยากจะซักถามการบริหารงานของรัฐบาล แต่ทุกอย่างหากว่าผิดกฎหมายแล้ว สนช.เป็นคนทำกฎหมาย หากอะไรที่ผิดกฎหมาย สภานิติบัญญัติฯ จะต้องช่วยกันทำให้มันถูกต้องขึ้น" น.ต.ประสงค์ กล่าว
 
ส่วนกรณีที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เตือน สนช.ว่า ญัตติดังกล่าว อาจจะเป็นการ"หยิกเล็บเจ็บเนื้อ" เพราะ สนช.บางคนมีหุ้นในสื่อเกิน 5% นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นคำเตือนที่หวังดีของประธานสนช. แต่เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับจิตสำนึก หาก สนช.คนใดทำผิดกฎหมาย จะต้องพิจารณาตัวเอง เพราะจิตสำนึกจะทำให้คนเป็นคนเต็มคนหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
 
สำหรับกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานคมช. จะเชิญองค์กรต่างๆ ที่เคยตั้งขึ้นมาพูดคุยหารือกันนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตอนนี้ พล.อ.สนธิ ไม่ได้เป็นประธาน คมช.แล้ว หากจะเชิญองค์กรต่างๆ ไปพูดคุยสามารถทำได้ แต่องค์กรเหล่านั้นมีสิทธิไม่ไปก็ได้ จะไปบังคับไม่ได้ และต้องการถามว่า พล.อ.สนธิจะเชิญองค์กรต่างๆ ไปคุยในฐานะอะไร หากในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แล้วตนซึ่งเป็นสนช. ต้องบอกว่า คนละหน้าที่กัน แต่หากเชิญตอนเป็นประธาน คมช. ก็อาจจะพิจารณาง่ายกว่า
 
"ผมอยากจะให้ทุกคนที่ทำหน้าที่ของตัว อ่านบทบาทหน้าที่ของตัว เราเคยตำหนิรัฐบาลชุดก่อนว่าแทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซงสภานิติบัญญัติฯ ดังนั้น ถ้าฝ่ายบริหารมาแทรกแซงด้วยวิธีการอย่างนี้ เหมาะสมหรือไม่ แต่ผมไม่ได้หมายความว่า จะไม่รู้จักกัน จะพูดคุยกันไม่ได้ แต่หมายความว่า ให้ตระหนักในหน้าที่ ตอนนี้อยู่ที่ตรงจุดไหน และควรแสดงบทบาทอยู่ในหน้าที่ เพราะถ้าเชิญในฐานะฝ่ายบริหาร ถือเป็นคนละหน้าที่กัน" น.ต.ประสงค์ กล่าว
 
สนช.สายทหารยันไม่มีล็อบบี้
 
พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ รองประธานกมธ.วิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรมและจริยธรรม แก่นักการเมือง ข้าราชการและประชาชน สนช. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีการล็อบบี้ให้สนช.สายทหาร ถอนชื่อออกจากการเปิดอภิปรายการบริหารงานของรัฐบาลว่า ตนไม่เคยได้ยิน หรือทราบเรื่องนี้ แต่ดูสนช.ยังเงียบๆ กันอยู่ น่ากลัวจะไม่มีซะล่ะมั้ง ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากที่ประชุมในคณะกรรมาธิการ ดังกล่าวที่มี น.ต.ประสงค์ เป็นประธาน ได้มอบหมายให้ตน และ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ เลขานุการ กมธ. เป็นผู้ประสานงานว่าใครจะอภิปรายบ้าง โดยส่วนตัว ยังตัดสินใจอยู่ว่าจะอภิปรายหรือไม่ ขอนอนคิดดูก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอญัตติดังกล่าวไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นอภิปรายก็ได้ หรือหาก สนช.คนไหนก็ตามที่ไม่ได้เข้าชื่อ หากต้องการอภิปรายก็สามารถใช้สิทธิลุกขึ้นอภิปรายได้
 
พล.อ.ปานเทพ กล่าวด้วยว่า น.ต.ประสงค์ จะอภิปรายเป็นคนแรก โดยเน้นภาพรวมเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และจะพูดรวมไปถึงประเด็นที่ดินเขายายเที่ยงด้วย จากนั้นจะตามด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ที่ลงชื่อไว้ โดยประเด็นอภิปรายจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ อาทิ การเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ความเป็นธรรมในการโยกย้ายข้าราชการ โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงกลาโหม ปัญหาการทำงานและการทุจริตภายในกระทรวงคมนาคม และการทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาล ที่ไม่สามารถทำตามเหตุผล 4 ข้อในการยึดอำนาจได้
 
ด้าน พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ เลขานุการ กมธ. ยืนยันว่า ไม่มีการล็อบบี้ให้ถอนชื่อ แต่ ข่าวก็คือข่าว เพราะพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกฯ ยังไม่ได้บอกตน เพราะหากจะล็อบบี้ ท่านคงล็อบบี้ตนเป็นคนแรก เพราะเห็นชื่อตนอยู่ อย่างไรก็ตาม อยากชี้แจงว่า ในการอภิปรายนั้น กรรมาธิการฯเพียงทำตามภารกิจ ที่ต้องการศึกษา เพื่อที่ส่งเสริมการ สร้างคุณธรรมและจริยธรรม ไม่ได้มุ่งเจาะจง บุคคลใด หรือเรื่องใดเป็นพิเศษ
 
พล.ท.เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม กรรมาธิการฯ และสนช. กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวว่าใครล็อบบี้ใคร หรือห้ามอย่างไร แต่ขอยืนยันว่าจะไม่ถอนชื่อ ส่วนเรื่องที่จะนำเข้าอภิปรายในที่ประชุมยังไม่มี เพราะชอบฟังมากกว่าพูด แต่อาจจะขอคิดอีกทีว่าจะพูดหรือไม่ แต่ถ้าใครจะมาสั่งให้ถอนชื่อ ก็จะไม่ถอนแน่นอน
 
อนุ กมธ.ตำรวจฯ บุกเขายายเที่ยงวันนี้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมอนุกมธ. ตำรวจและสิทธิมนุษยชน สนช. ซึ่งมี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานฯ มีมติรับเรื่องร้องเรียน กรณีบ้านพักของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่เขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่นายทวีศักดิ์ จันทร์ศรี และนายสราวุฒิ ทองเพ็ง ประชาชนในพื้นที่เคยร้องเรียนต่อ ผบ.ตร. เข้าสู่การพิจารณา
 
นายกฤษศักดา วัฒนพงษ์ เลขานุการคณะอนุกมธ.ฯ เปิดเผยว่า วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 09.30 น. จะส่งตัวแทนคณะอนุกมธ.ฯ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาข้อมูลจากหน่วยงานราชการมาพิจารณา เพื่อสรุปว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าตามที่มีการร้องเรียนจริงหรือไม่ และจะได้พิจารณาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามคดีอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
 
เมื่อได้ข้อมูลเพียงพอ จะส่งให้กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาต่อไปว่า ต้องเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นความจงใจลดความน่าเชื่อถือ หรือหวังผลทางการเมืองกับนายกฯ แต่เป็นการทำตามหน้าที่ของสนช. เพื่อให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริง
 
"ขอยืนยันว่า แม้ที่สุดนายกรัฐมนตรีประกาศคืนที่ดิน แต่จะไม่มีผลให้พ้นผิดแต่อย่างใด เรื่องนี้เป็นเรื่องของความผิดกฎหมายอาญา ซึ่งถือว่าความผิดสำเร็จไปแล้ว และไม่มีข้อกำหนดเรื่องการเว้นโทษ แต่มีเพียงเหตุบรรเทาโทษ หรือลดโทษเท่านั้น" นายกฤษศักดา กล่าว
 
"สุรยุทธ์"โยน"ธีรภัทร์"ชี้แจงแทน
 
ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าว ถึงกรณีที่สนช. เปิดอภิปรายรัฐบาล ในวันนี้ (10 ต.ค.) ว่า ตนมอบหมายให้นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง ในช่วงต้นคงจะต้องรับฟังคำอภิปรายก่อนถึงจะชี้แจงได้
 
เมื่อถามว่า กรณีที่มีการพาดพิงถึงเรื่องที่ดินเขายายเที่ยง จะชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงมอบให้นายธีรภัทร์ ชี้แจงโดยตนได้มอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องสามารถจะชี้แจงไว้แล้ว ตนจะไปรับฟังการอภิปรายเฉยๆ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้มอบหมายให้นายธีรภัทร์ เป็นผู้ชี้แจงใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นเป็นอย่างนั้น ถ้าหากมีเรื่องเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็คงต้องถามกันอีกครั้งว่ารัฐมนตรีบางท่านอาจจะชี้แจงเองบ้าง
 
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงให้นายธีรภัทร์ เป็นผู้ชี้แจง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง การถือครองหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ตามที่กฎหมายกำหนด อะไรต่างๆ เหล่านี้ เมื่อซักว่า กลัวหรือไม่ว่าจะถูกวิพากวิจารณ์กล่าวอ้างว่า นายกฯ เป็นเจ้าของเรื่อง แต่ให้รัฐมนตรีเป็นผู้ชี้แจง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ในระเบียบสามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว แม้แต่การไม่เข้ารับฟังการอภิปราย ก็สามารถทำได้ เป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นข้อบังคับของการประชุม จะเข้าไปฟัง และให้มีผู้ชี้แจง
 
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวตอบถึงกรณีล่าสุดทางอนุกรรมาธิการตำรวจและสิทธิมนุษย์ชน จะส่งคนไปตรวจสอบพื้นที่เขายายเที่ยง ที่จะดำเนินการอำนวยความสะดวก ว่า ขอให้บอกมา ขอให้ทำเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อที่จะได้พิจารณา ส่วนหนักใจหรือไม่ หากกรรมาธิการคณะดังกล่าวจะขอเข้าไปดูนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา พร้อมที่จะให้ดู ขอเพียงทำให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่แอบปีนขึ้นไป ก็ไม่ดี
 
"บิ๊กบัง"เตรียมทำหน้าที่กาวใจ
 
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงความรู้สึกในการประชุม ครม.ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกว่า "ก็ดีครับ ดูทุกคนร่วมกันทำงานดี"
 
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สนธิ ไม่ได้ตอบคำถามที่ น.ต. ประสงค์ ถามว่าจะเรียกประชุมองค์กรที่เกิดจาก คปค. ในฐานะอะไร แต่เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าน.ต.ประสงค์ จะไม่ยอมอ่อนข้อ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นอะไร ตนเชื่อว่าคุยกันได้ แต่ถ้าไม่คุย มันก็ไม่รู้เรื่อง เมื่อถามว่าจะได้คุยกันเมื่อไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในไม่นานนี้ โดยจะคุยกับองค์กรที่ คมช.ตั้งมาทั้งหมด
 
"มีชัย-นาม"พร้อมหารือ"สนธิ"
 
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ มีความคิดที่จะเชิญองค์กรที่จัดตั้งขึ้นหลังการรัฐประหารมาหารือ ว่า ตนพร้อมที่จะไปร่วมหารือด้วย หากเป็นการหารือที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ก็ไม่ถือว่าสายเกินไป และไม่ใช่เรื่องการแทรกแซงการทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามไม่ต้องการให้มองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นความระหองระแหง หรือความขัดแย้ง เพราะการทำงานย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นธรรมดา
 
"หากได้มีการเข้าหารือตามที่ พล.อ.สนธิ เชิญ สนช. ก็เตรียมสะท้อนปัญหา และทำความเข้าใจในการทำงานระหว่าง สนช.กับรัฐบาล ในเวลาที่เหลือ โดยเฉพาะการเสนอกฎหมาย ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้เสร็จทันกรอบเวลาที่เหลือ" นายมีชัย กล่าว
 
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวว่า คตส.พร้อมหารือกับพล.อ.สนธิ และรู้สึกเป็นเกียรติ ไม่รู้สึกว่าเป็นการแทรกแซงการทำงาน เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา พล.อ.สนธิ ไม่เคยแทรกแซง และไม่เคยชี้นำ คตส.
 
"ธีรภัทร"แนะทางออกให้ลืมๆ กันไป
 
นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ. สนธิ อาสาจะเป็นกาวใจ กรณีความขัดแย้งระหว่าง น.ต.ประสงค์ กับนายกรัฐมนตรีว่า เป็นความปรารถนาดีของ พล.อ.สนธิ และคิดว่าท่านคงต้องการให้เกิดความเข้าใจ สมานฉันท์กัน เพราะทุกฝ่ายก็ล้วนแต่มาจาก คมช. ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือ สนช. ฉะนั้นในฐานะที่ท่านเป็นอดีตประธานคมช. ก็คงมีความปรารถนาดีที่ต้องการให้มีการพูดจากทำความเข้าใจกัน
 
เมื่อถามว่า เวลานี้มีคามคิดเห็นออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งต้องการปราบปรามอำนาจเก่าให้สิ้นซาก อีกฝ่ายต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ คิดว่าองค์ประกอบอาจจะมีส่วนอยู่บ้างแต่คงมีองค์ประกอบอื่นด้วย คงไม่ใช่เรื่องใดโดยเฉพาะ เมื่อถามว่า ปัญหาจะปานปลายจนเกิดวิกฤตการณ์ตามมาหรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ตนขอใช้คำพูดของอดีตนักการเมืองที่มีชื่อ ที่บอกว่านักการเมืองที่ดีต้องสามารถแยกแยะ สามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจำ อะไรคือสิ่งที่ควรลืม ฉะนั้นถ้ามีเรื่องไรที่ควรจะลืมกันได้ก็ควรลืม ใครที่มีเรื่องที่คิดว่ามันไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็น่าจะลืมๆกันไป
 
"ไพบูลย์"วูบระหว่างประชุม ครม.
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.45 น. ในระหว่างการประชุมครม. ได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน คือ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดีอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ระหว่างนายไพบูลย์ เดินทางด้วยรถเข็น เพื่อมาขึ้นรถพยาบาล นายไพบูลย์ ได้บอกผู้สื่อข่าวที่เข้ามารุมล้อมด้วยสีหน้าอิดโรยว่า "ไม่เป็นไร ๆ ผมยังไหว"
 
นพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นาย ไพบูลย์ ทำงานหนักมากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ความดันต่ำ เกิดอาการแน่นหน้าอก หน้าซีด เวียนศีรษะ โดย นพ. มงคล เล่าว่า ระหว่างนั่งพิจารณาในที่ประชุม นายไพบูลย์ ได้ขออนุญาตนายกฯ ออกนอกห้องประชุม โดยแจ้งว่ารู้สึกวิงเวียน และแน่นหน้าอก จากนั้นนายกฯ จึงสั่งให้ตนช่วยตามไปดู ตนจึงให้ทีมแพทย์ประจำครม. ตรวจอาการเบื้องต้นพบว่า นายไพบูลย์ มีระดับความดันอยู่ที่ 60 ซึ่งถือว่าต่ำมาก
 
เมื่อถามว่า นายไพบูลย์มีโรคประจำตัวอยู่หรือไม่ นพ.มงคล กล่าวว่า มีเล็กๆ น้อยๆ เป็นปกติของผู้สูงอายุ แต่ไม่มีโรคอะไรรุนแรง ทั้งนี้นายไพบูลย์ ได้รับการส่งตัวไปตรวจอาการอย่างละเอียดที่ รพ.รามาธิบดี โดยปัจจุบันนายไพบูลย์ อายุ 66 ปี
 
แพทย์แถลงเส้นเลือดหัวใจตีบ
 
ต่อมา เมื่อเวลา 15.30 น. คณะแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงอาการป่วยของนายไพบูลย์ หลังจากการขยายหลอดเลือดด้วยวิธีทำบอลลูนให้ โดย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน คณบดีคณะแพทยศาสตร์ กล่าวว่า นายไพบูลย์ มีอาการแน่นหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียนกะทันหัน ระหว่างประชุม ครม. ตรวจพบว่า หลอดเลือดหัวใจตีบ และอุดตัน จึงรักษาโดยบอลลูน ล่าสุด อาการทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นที่พอใจของแพทย์ที่รักษา และแข็งแรงดี ขณะนี้แพทย์ให้เข้ารักษาต่อที่ห้องบำบัดผู้ป่วยวิกฤติ (ซีซียู)
 
รศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ หัวหน้าหน่วยโรคหัวใจ แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า สาเหตุอาการของนายไพบูลย์ เนื่องจากหลอดเลือดหัวใจอุดตันจากลิ่มเลือดเป็นภาวะเร่งด่วน เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ จะทำให้หัวใจวายได้ โชคดีที่มาถึงมือแพทย์เร็ว จึงรักษาโดยทันที ใช้เวลาขยายหลอดเลือดเพียง 20 นาทีเท่านั้น ขณะนี้ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 สัปดาห์ อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด พักในซีซียู ก่อน จากนั้นอีก 2-3 วันจะย้ายไปพักห้องธรรมดา ระหว่างนี้ต้องเฝ้าดูอาการ หวังว่าอาการน่าจะดีขึ้น แพทย์ตรวจพบหลอดเลือดหัวใจตีบ 1 เส้น ที่เป็นลิ่มเลือด ส่วนอีก 2 เส้นที่ตีบเช่นกัน แพทย์จะวินิจฉัยก่อนจึงจะตรวจรักษาต่อไป
 
"อาการหัวใจวาย (Heart attack) อาจจะทำให้ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ หรือหัวใจตายได้ทุกเมื่อ จึงถือว่าน่าเป็นห่วงอยู่และต้องดูแลใกล้ชิด เรื่องการเยี่ยมยังไม่อยากให้เยี่ยมมาก เพราะว่าท่านเจ็บหน้าอกมาก ยาที่ให้การรักษาต่อเนื่องจะทำให้ง่วง อยากให้ท่านได้พักผ่อนเต็มที่ คงต้องจำกัดผู้เข้าเยี่ยมในระยะแรก การปฎิบัติภารกิจในหน้าที่ น่าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ในคนปกติที่รับการบอลลูนจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ถึงจะกลับไปทำงานได้ ท่านไพบูลย์ ไม่มีประวัติโรคหัวใจ ที่เกิดได้ ถ้าไม่มีความเสี่ยง น่าจะเป็นเรื่องของอายุ และความเครียด ต่อไปต้องเฝ้าระวังและปรับพฤติกรรมหลายอย่างทั้งอาหาร ยาและการออกกำลังกาย" แพทย์เจ้าของไข้ กล่าว 
 
ส่วนคนทั่วไปที่ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อน โอกาสที่จะเป็นเส้นเลือดอุดตันฉับพลันได้ แต่ไม่สูง อาจเกิดได้ประมาณร้อยละ 1 ถ้ามีความเครียดโอกาสเกิดจะเพิ่มสูงเป็นร้อยละ 8-9
 
ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังที่ นายไพบูลย์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ว่า ได้รับรายงานแล้ว เนื่องจากมีปัญหาหลอดเลือดหัวใจ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้งานของนายไพบูลย์ มากเกินไป ต้องปรับอะไรอีกหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงต้องปรับกันหลายเรื่อง ตนไม่สามารถบอกได้ว่าอะไร ส่วนของรองนายกรัฐมนตรี ก็มีการแบ่งมอบงานกันอยู่แล้ว ว่าใครจะปรับหน้าที่ดูแลในแต่ละส่วนได้ ด้านกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ก็มีรัฐมนตรีช่วยดูแลอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น