ยามเฝ้าแผ่นดินจี้“สุรยุทธ์”ยืดอกสำนึกผิด พร้อมคืนที่ดินเขายายเที่ยงให้กับรัฐ เผยท่าทีนายกฯ วันนี้ สุดเลอะเทอะ ใช้ลีลาวาจาโวหารตีกรรเชียงไปเรื่อย เชื่อยังไม่เป็นโจรกลับใจแน่ เตือนขิงแก่เจอสมาชิก สนช.ซักฟอกยาวแน่ ขณะเดียวกันหวั่น พปช.ฟื้น หลัง”ประชัย-เสนาะ”เปิดศึกซัดกันนัว
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน เอเอสทีวี คืนวันที่ 9 ตุลาคม 2550 นายคำนูณ สิทธิ สมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ทั้งนี้ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกรณีที่ น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการตำรวจและสิทธิมนุษยชน สนช. จะหยิบยกประเด็นพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สร้างบ้านในที่ดินเขายายเที่ยงมาอภิปรายในสภาฯ
โดย ผู้ดำเนินรายการ บอกว่า รัฐไม่ได้เปิดโอกาสให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเข้าไปถือครองในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันในพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่สามารถนำมาใช้ในด้านเกษตรกรรมได้ นอกจากนี้ท่าทีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ก็สมควรที่รับผิดพร้อมทั้งคืนที่ดินดังกล่าวให้กับรัฐ แต่วันนี้ยังเชื่อว่านายกรัฐมนตรี คงไม่ทำอย่างที่กล่าวมาข้างต้นแน่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเองยังไม่ต้องการกลับใจ ใช้ลีลาวาจาโวหารตีกรรเชียงไปเรื่อย ไม่มีความสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของนายกรัฐมนตรีในวันนี้มันเลอะเทอะมาก ไม่รู้ทำไมถึงกล้าที่จะพูดเรื่องการกลับใจออกมา ทั้งๆ ที่ท่านเองยังเป็นโจรที่ยังไม่กลับใจแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันวิธีที่นายกรัฐมนตรีตอบผู้สื่อข่าวหลังๆ ดูท่าทีลักษณะของนายกรัฐมนตรีมันช่างคล้ายคลึงกับนักการเมืองเข้าไปทุกที โดยเฉพาะท่าทีของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ก่อนเข้ามารับตำแหน่งก็อีกอย่าง แต่เมื่อเข้ามาร่วมรัฐบาลกลับออกอาการไปอีกอย่าง ท่าทีของ พล.อ.สนธิ มันทำให้อดคิดไปถึงกระแสการเรียกร้องให้ท่านลาออกจากตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ขณะที่ท่านยังอยู่ในตำแหน่งไม่ได้ ช่วงนั้นมีความพยายามที่จะให้ท่านออก เนื่องด้วยท่าทีของท่านไม่ไม่ชัดเจนเหมือนกับครั้งที่เกิดขึ้นในเวลานี้
เตือน"ขิงแก่"มัวนั่งเฉยเจอ สนช.เปิดซักฟอกยาวแน่
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีย้อนถามผู้สื่อข่าวให้ไปถามผู้บริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี เกี่ยวกับเรื่องความสมานฉันท์นั้น ผู้ดำเนินรายการ บอกว่า จริงอยู่ผู้สื่อข่าวได้รับเงินเดือนจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ด้วยวิธีคิดและการอยู่ในภาคสนามประจำทำเนียบรัฐบาล หรือสายทหาร แนวความคิดมันก็อาจจะแตกต่างกับสิ่งที่ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการคิด แต่ผู้สื่อข่าวก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พยายามถามคำถามอย่างไม่ย่อถ้อ ดังนั้นจึงรู้สึกเห็นใจกับผู้สื่อข่าวคนนั้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวันนี้เมื่อ น.ต.ประสงค์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวเรื่องนี้ออกมา ทำให้รู้สึกดีเป็นอย่างมาก
จากนั้น ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงการเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาลด้านคุณธรรม จริยธรรม ของสมาชิก สนช.ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ โดยเชื่อว่า การอภิปรายนั้นจะยาวไปถึงช่วงเย็น หากรัฐบาลไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.เงินตรา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ..ออกไปก่อนหน้านี้ สมาชิก สนช.คงเปิดซักฟอกกันยาวแน่ แต่การอภิปรายครั้งนี้รู้สึกแปลกใจมาก ทำไมนายกรัฐมนตรีต้องมาตั้งรับเฉพาะเรื่องการสร้างบ้านในที่ดินเขายายเที่ยง ไม่คิดว่าสมาชิก สนช.จะมีเรื่องอื่นเป็นเรื่องเด็ดมาซักฟอกรัฐบาล ดังนั้นการอภิปรายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ รัฐบาลคงรับบทหนักแน่
หวั่นเกาเหลา”ประชัย-เสนาะ”ส่ง พปช.ขึ้นหิ้ง
ในช่วงที่สอง ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึง ความขัดแย้งระหว่างนายประชัย เลี่ยวไพรัช ว่าที่หัวหน้าพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย กับนายฉลอง เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เคยพูดไปครั้งหนึ่งแล้วว่า รู้สึกเสียดายและเสียใจกับการแยกทางของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กับนายประชัย เนื่องจากจากวิธีการคิดและบริหารนั้นไม่เหมือนกัน อีกทั้งการแยกทางของทั้งคู่ยังอาจจะทำให้ภาพทางการเมืองนั่นเปลี่ยนแปลงไปในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมันก็มีเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายขึ้นมานั้นคือ การที่ได้เห็นทั้งนายเสนาะ และนายประชัยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อมวลชนกันอย่างรุนแรง โดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใคร ดังนั้นเมื่อประชาชนเห็นภาพอย่างนี้แล้วก็เกิดความไม่รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที กลัวว่าความขัดแย้งของฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มันจะทำให้พรรคพลังประชาชนเกิดความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพขึ้นมาโดยทันที ทั้งๆ ที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งนี้หากย้อนกลับไปมองแนวนโยบายของพรรคประชาราช ที่เปิดยุทธวิธีรุกผ่านสื่อมวลชน มันก็รู้สึกว่า จะใช้ไม่ได้ผล ไม่สามารถคาดหวังอนาคตอะไรได้ ดังนั้นต้องรอดูความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ว่าจะไปจบในลักษณะใด
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน เอเอสทีวี คืนวันที่ 9 ตุลาคม 2550 นายคำนูณ สิทธิ สมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ทั้งนี้ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกรณีที่ น.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการตำรวจและสิทธิมนุษยชน สนช. จะหยิบยกประเด็นพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สร้างบ้านในที่ดินเขายายเที่ยงมาอภิปรายในสภาฯ
โดย ผู้ดำเนินรายการ บอกว่า รัฐไม่ได้เปิดโอกาสให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเข้าไปถือครองในที่ดินดังกล่าวตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันในพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่สามารถนำมาใช้ในด้านเกษตรกรรมได้ นอกจากนี้ท่าทีของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ก็สมควรที่รับผิดพร้อมทั้งคืนที่ดินดังกล่าวให้กับรัฐ แต่วันนี้ยังเชื่อว่านายกรัฐมนตรี คงไม่ทำอย่างที่กล่าวมาข้างต้นแน่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเองยังไม่ต้องการกลับใจ ใช้ลีลาวาจาโวหารตีกรรเชียงไปเรื่อย ไม่มีความสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของนายกรัฐมนตรีในวันนี้มันเลอะเทอะมาก ไม่รู้ทำไมถึงกล้าที่จะพูดเรื่องการกลับใจออกมา ทั้งๆ ที่ท่านเองยังเป็นโจรที่ยังไม่กลับใจแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันวิธีที่นายกรัฐมนตรีตอบผู้สื่อข่าวหลังๆ ดูท่าทีลักษณะของนายกรัฐมนตรีมันช่างคล้ายคลึงกับนักการเมืองเข้าไปทุกที โดยเฉพาะท่าทีของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ก่อนเข้ามารับตำแหน่งก็อีกอย่าง แต่เมื่อเข้ามาร่วมรัฐบาลกลับออกอาการไปอีกอย่าง ท่าทีของ พล.อ.สนธิ มันทำให้อดคิดไปถึงกระแสการเรียกร้องให้ท่านลาออกจากตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ขณะที่ท่านยังอยู่ในตำแหน่งไม่ได้ ช่วงนั้นมีความพยายามที่จะให้ท่านออก เนื่องด้วยท่าทีของท่านไม่ไม่ชัดเจนเหมือนกับครั้งที่เกิดขึ้นในเวลานี้
เตือน"ขิงแก่"มัวนั่งเฉยเจอ สนช.เปิดซักฟอกยาวแน่
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีย้อนถามผู้สื่อข่าวให้ไปถามผู้บริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี เกี่ยวกับเรื่องความสมานฉันท์นั้น ผู้ดำเนินรายการ บอกว่า จริงอยู่ผู้สื่อข่าวได้รับเงินเดือนจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่ด้วยวิธีคิดและการอยู่ในภาคสนามประจำทำเนียบรัฐบาล หรือสายทหาร แนวความคิดมันก็อาจจะแตกต่างกับสิ่งที่ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ผู้จัดการคิด แต่ผู้สื่อข่าวก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พยายามถามคำถามอย่างไม่ย่อถ้อ ดังนั้นจึงรู้สึกเห็นใจกับผู้สื่อข่าวคนนั้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวันนี้เมื่อ น.ต.ประสงค์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวเรื่องนี้ออกมา ทำให้รู้สึกดีเป็นอย่างมาก
จากนั้น ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงการเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาลด้านคุณธรรม จริยธรรม ของสมาชิก สนช.ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ โดยเชื่อว่า การอภิปรายนั้นจะยาวไปถึงช่วงเย็น หากรัฐบาลไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.เงินตรา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ..ออกไปก่อนหน้านี้ สมาชิก สนช.คงเปิดซักฟอกกันยาวแน่ แต่การอภิปรายครั้งนี้รู้สึกแปลกใจมาก ทำไมนายกรัฐมนตรีต้องมาตั้งรับเฉพาะเรื่องการสร้างบ้านในที่ดินเขายายเที่ยง ไม่คิดว่าสมาชิก สนช.จะมีเรื่องอื่นเป็นเรื่องเด็ดมาซักฟอกรัฐบาล ดังนั้นการอภิปรายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ รัฐบาลคงรับบทหนักแน่
หวั่นเกาเหลา”ประชัย-เสนาะ”ส่ง พปช.ขึ้นหิ้ง
ในช่วงที่สอง ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึง ความขัดแย้งระหว่างนายประชัย เลี่ยวไพรัช ว่าที่หัวหน้าพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย กับนายฉลอง เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เคยพูดไปครั้งหนึ่งแล้วว่า รู้สึกเสียดายและเสียใจกับการแยกทางของ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กับนายประชัย เนื่องจากจากวิธีการคิดและบริหารนั้นไม่เหมือนกัน อีกทั้งการแยกทางของทั้งคู่ยังอาจจะทำให้ภาพทางการเมืองนั่นเปลี่ยนแปลงไปในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมันก็มีเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายขึ้นมานั้นคือ การที่ได้เห็นทั้งนายเสนาะ และนายประชัยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อมวลชนกันอย่างรุนแรง โดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใคร ดังนั้นเมื่อประชาชนเห็นภาพอย่างนี้แล้วก็เกิดความไม่รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที กลัวว่าความขัดแย้งของฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มันจะทำให้พรรคพลังประชาชนเกิดความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพขึ้นมาโดยทันที ทั้งๆ ที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งนี้หากย้อนกลับไปมองแนวนโยบายของพรรคประชาราช ที่เปิดยุทธวิธีรุกผ่านสื่อมวลชน มันก็รู้สึกว่า จะใช้ไม่ได้ผล ไม่สามารถคาดหวังอนาคตอะไรได้ ดังนั้นต้องรอดูความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ว่าจะไปจบในลักษณะใด