เป็นเพราะไม่ได้ไปเยือนที่นั่น..มานานแล้ว ทันทีที่พรรคพวกมาเชิญชวนเปลี่ยนที่นอนที่ดื่มจากกรุงเทพฯ เป็นที่นั่น...ผมก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล...
แน่ะ..ทำเป็นลึกลับ ที่นั่นที่นี่...
ที่แท้ก็แค่ที่ “เขาใหญ่” แค่นี้เอง..
เขาใหญ่....เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย จัดตั้งเมื่อ 18 ก.ย. 2502 ครอบคลุมพื้นที่ 1,350,000 ไร่ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สระบุรี นครราชสีมา..
ในชีวิตผมไปตะลุยเขาใหญ่มาแล้ว 5-6 ครั้ง ยังไม่เคยไปถึงยอดเขาร่มที่ว่ากันว่าเป็นยอดเขาสูงสุดของอุทยานฯ ซึ่งสูง 1,351 เมตร จากระดับน้ำทะเล (จริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามีทางไปถึงจุดสูงสุดที่ว่าได้หรือเปล่า..)
ครั้งนี้เวลาจำกัด ก่อนกลับกรุงเทพฯ พ่อ แม่ ลูก (สาว) ทำได้แค่ขับรถขึ้นไปเยือน “ผาเดียวดาย” ถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือกันคนละแช็กสองแช็ก ยืนชมวิวทิวทัศน์ ค้อมคารวะขุนเขาและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ...แค่ครึ่งชั่วโมง...
ระหว่างยืนกอดอกอยู่หน้าผาเดียวดายแต่ไม่ดายเดียว...ผมเผลอฟุ้งซ่านแอบคิดว่า ถ้าเกิดลื่นไถลตกเหวไป..จะรอดไหมเรา หลวงพ่อทวดที่ห้อยคออยู่จะช่วยได้ไหมนี่...จะโดนกิ่งไม้แหลมทิ่มอก หัวฟาดหินสิ้นชีวิต หรือจะโชคดีไปนอนค้างเติ่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่รอดตายแบบปาฏิหาริย์...!!??
เอ่อ...อยากรู้จริงๆ ว่าจะรอดไหม...ลองกระโดดดูดีไหมเอ็ง...!!
เรื่องจริงครับท่านผู้อ่าน บทจะฟุ้งซ่านขึ้นมามันก็เป็นอย่างนี้...ท่านผู้อ่านบางคนก็คงไม่แตกต่างจากผมหรอก...
เอาเป็นว่า...เมื่อได้ยืนค้อมคารวะธรรมชาติ นอกจากรู้สึกว่าตัวเองเล็กเป็นผงธุลีดินแล้ว ก็ยังระลึกได้ว่าจริงๆ แล้วเราก็เป็นส่วนหนึ่ง ผลิตผลหนึ่งของธรรมชาติ..เหมือนกิ้งกือ ไส้เดือน หน่อไผ่ ต้นสัก...ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต
เพียงแต่เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์...และเป็นสัตว์ที่มีอะไรที่มากกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะเรามีอะไรที่มากกว่าสัญชาตญาณ เรามีความรู้ มีปัญญา มีสติ...เมื่อไหร่ไร้สติสิ้นปัญญา..เราก็ไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไป...
อำลาผาเดียวดายเมื่อบ่ายคล้อย...ปล่อยรถลงด้วยเกียร์ต่ำ เท้าต้องแตะเบรกแทบทุก 5 วินาที และมีอยู่หลายช่วงที่ต้องหักพวงมาลัยหลบหลุมบ่อบนถนนลาดยาง ระหว่างทางไม่เห็นเพื่อนสิงสาราสัตว์นอกจากลิงสองตัวและงูตัวหนึ่งที่เลื้อยข้ามถนน...
ผมรู้สึกอำลาเขาใหญ่ด้วยความเดียวดาย และเคว้งคว้างกลางวันอาทิตย์..
ไม่เหมือนเมื่อตอนกลางคืนตอนที่คณะของเรานั่งรถไปส่องสัตว์...แม้จะมีสรรพสัตว์ให้ชมน้อยลง แต่ก็ยังได้เห็นฝูงกวาง เก้ง ชะมด หมาป่า...
และไม่เหมือนเมื่อบ่ายวันเสาร์ตอนไปเดินเล่นริมน้ำตก แทบทุกคนโดนทากเกาะแข้งเกาะขาให้ระทึกใจเล่น...โดยเฉพาะตัวผมพวกอย่างหนา มาถึงที่พักแล้วตั้งนานจึงจะรู้ว่ามีเจ้าหอยทากตัวเล็กติดขามาด้วย...ทำให้หวนรำลึกถึงปี 2521 ไปทำข่าวที่ อ.บ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี ขณะเดินเก็บภาพขบวนทหารที่มุ่งหน้าไปประจัญบานกับ ผกค. ขบวนของทหารถูก ผกค.ซุ่มโจมตีต้องกระโดดลงไปแช่น้ำในคูอยู่ชั่วโมงกว่า ขึ้นจากคูเดินกลับตลาดเหมามอเตอร์ไซค์เข้าตัวเมืองสุราษฎร์ฯ ทันทีที่ถึงห้องพักรีบรุดเข้าห้องน้ำ อาบน้ำทั้งชุดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนและเปียกปอน..
พอถอดกางเกงยีนส์ออก แทบจะเป็นลม...เห็นเจ้าปลิงสองตัวมันเกาะอยู่ที่ขาอ่อน...
เฮ่อ..ชักจะไปไกลนะนี่..จากเขาใหญ่ไปสุราษฎร์ฯ บ้านคุณสุเทพโน่นเลย...
ครับ...กลับจากเขาใหญ่หนนี้ต้องมาขออนุญาตย้ำเตือนมิตรรักแฟนเพลงว่า ควรอย่างยิ่งที่เราควรจะแบ่งปันเวลาของเราไปเยี่ยมยามถามข่าว ไปค้อมคาวระ หรือไปมีส่วนร่วมส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติกันบ้าง...
กักขังตัวเอง กักขังลูกหลานไว้กับบ้านและห้างสรรพสินค้าอย่างเดียวจะทำให้เราและลูกหลานของเราอยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไป และมีโอกาสสูงที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว...
ระหว่างเดินเล่นปล่อยอารมณ์อยู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้แวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์...และได้พบกับท่านผู้นำที่ทุกวันนี้ผมคิดว่า...ท่านคือนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยงท่านหนึ่ง
ผมพบกับท่านในหลากหลายอิริยาบถ หลากหลายกิจกรรม ทั้งในเครื่องแบบสมัยเป็นผบ.ทบ. ทั้งในชุดพลเรือนสบายๆ และชุดนักเดินป่า...
ยอมรับว่าผมพิศมองทีละภาพ ทีละอิริยาบถ...ของประธานกรรมการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้วยความชื่นชมและทึ่งในสุขภาพพลานามัยอันสมบูรณ์...
หยิบแผ่นพับ..แนะนำมูลนิธิฯ ที่เชิญชวนร่วมบริจาค ด้วยความตั้งใจว่าเร็วๆ นี้จะร่วมทำบุญบริจาคเล็กๆ ให้กับมูลนิธิฯ...
ละสายตา ลาท่านผู้นำบนแผ่นภาพ...ด้วยความรู้สึกชื่นชม แต่แวบต่อมาก็รู้สึกสงสารระคนผิดหวัง...
ผิดหวังที่ท่านพูดคำว่า “โจรกลับใจ..” และ “เขามาขอ แต่ทำให้ไม่ได้” ออกมาพันคอและกลายเป็นกับดักตัวเอง...
ผิดหวังที่ท่านเริ่มออกอาการไม่นิ่ง...แทนที่จะปล่อยวางในบางเรื่อง และเดินหน้าบริหารประเทศให้ดีที่สุดภายใต้เวลาที่เหลืออยู่..
ถามว่าจะให้ท่าน “ปล่อยวาง” อะไร..!? อย่างน้อยก็น่าที่จะปล่อยวางเรื่องต่อปากต่อคำในเรื่องที่ไม่จำเป็น ปล่อยวางในสิ่งที่มีปัญหาหรือแม้กระทั่งทรัพย์สินที่มีปัญหา อย่างกรณีที่ดินเขายายเที่ยงที่เป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย...และปลายบานเป็นปัญหาจริยธรรมคุณธรรม..
จริงอยู่ต้นทุนทางสังคมท่านสูง กรรมดีท่านมาก ถึงแม้ท่านไม่ปล่อยวางอย่างที่ผมสะเออะเสนอแนะก็คงไม่มีใครทำอะไรท่านได้หรอก...แต่ส่วนลึกท่านจะไม่สบายใจ...มันจะเป็นปมดำอยู่ในความรู้สึกส่วนลึก...
ผมยืนยันท่านไม่ได้เป็นโจร..ฉะนั้นจงอย่ากลับใจ...เพียงแค่ปล่อยวางในสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา ยึดมั่นในความพอเพียงด้วยความจริงใจ...ก็พอแล้ว
รับรองท่านจะไม่รู้สึกเหมือนยืนอยู่บนหน้าผาแห่งความเดียวดายดังส่วนลึกที่เป็นอยู่..
โชคดีครับท่านนายกฯ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์!!
แน่ะ..ทำเป็นลึกลับ ที่นั่นที่นี่...
ที่แท้ก็แค่ที่ “เขาใหญ่” แค่นี้เอง..
เขาใหญ่....เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย จัดตั้งเมื่อ 18 ก.ย. 2502 ครอบคลุมพื้นที่ 1,350,000 ไร่ ใน 5 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สระบุรี นครราชสีมา..
ในชีวิตผมไปตะลุยเขาใหญ่มาแล้ว 5-6 ครั้ง ยังไม่เคยไปถึงยอดเขาร่มที่ว่ากันว่าเป็นยอดเขาสูงสุดของอุทยานฯ ซึ่งสูง 1,351 เมตร จากระดับน้ำทะเล (จริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามีทางไปถึงจุดสูงสุดที่ว่าได้หรือเปล่า..)
ครั้งนี้เวลาจำกัด ก่อนกลับกรุงเทพฯ พ่อ แม่ ลูก (สาว) ทำได้แค่ขับรถขึ้นไปเยือน “ผาเดียวดาย” ถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์มือถือกันคนละแช็กสองแช็ก ยืนชมวิวทิวทัศน์ ค้อมคารวะขุนเขาและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ...แค่ครึ่งชั่วโมง...
ระหว่างยืนกอดอกอยู่หน้าผาเดียวดายแต่ไม่ดายเดียว...ผมเผลอฟุ้งซ่านแอบคิดว่า ถ้าเกิดลื่นไถลตกเหวไป..จะรอดไหมเรา หลวงพ่อทวดที่ห้อยคออยู่จะช่วยได้ไหมนี่...จะโดนกิ่งไม้แหลมทิ่มอก หัวฟาดหินสิ้นชีวิต หรือจะโชคดีไปนอนค้างเติ่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่รอดตายแบบปาฏิหาริย์...!!??
เอ่อ...อยากรู้จริงๆ ว่าจะรอดไหม...ลองกระโดดดูดีไหมเอ็ง...!!
เรื่องจริงครับท่านผู้อ่าน บทจะฟุ้งซ่านขึ้นมามันก็เป็นอย่างนี้...ท่านผู้อ่านบางคนก็คงไม่แตกต่างจากผมหรอก...
เอาเป็นว่า...เมื่อได้ยืนค้อมคารวะธรรมชาติ นอกจากรู้สึกว่าตัวเองเล็กเป็นผงธุลีดินแล้ว ก็ยังระลึกได้ว่าจริงๆ แล้วเราก็เป็นส่วนหนึ่ง ผลิตผลหนึ่งของธรรมชาติ..เหมือนกิ้งกือ ไส้เดือน หน่อไผ่ ต้นสัก...ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต
เพียงแต่เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์...และเป็นสัตว์ที่มีอะไรที่มากกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะเรามีอะไรที่มากกว่าสัญชาตญาณ เรามีความรู้ มีปัญญา มีสติ...เมื่อไหร่ไร้สติสิ้นปัญญา..เราก็ไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไป...
อำลาผาเดียวดายเมื่อบ่ายคล้อย...ปล่อยรถลงด้วยเกียร์ต่ำ เท้าต้องแตะเบรกแทบทุก 5 วินาที และมีอยู่หลายช่วงที่ต้องหักพวงมาลัยหลบหลุมบ่อบนถนนลาดยาง ระหว่างทางไม่เห็นเพื่อนสิงสาราสัตว์นอกจากลิงสองตัวและงูตัวหนึ่งที่เลื้อยข้ามถนน...
ผมรู้สึกอำลาเขาใหญ่ด้วยความเดียวดาย และเคว้งคว้างกลางวันอาทิตย์..
ไม่เหมือนเมื่อตอนกลางคืนตอนที่คณะของเรานั่งรถไปส่องสัตว์...แม้จะมีสรรพสัตว์ให้ชมน้อยลง แต่ก็ยังได้เห็นฝูงกวาง เก้ง ชะมด หมาป่า...
และไม่เหมือนเมื่อบ่ายวันเสาร์ตอนไปเดินเล่นริมน้ำตก แทบทุกคนโดนทากเกาะแข้งเกาะขาให้ระทึกใจเล่น...โดยเฉพาะตัวผมพวกอย่างหนา มาถึงที่พักแล้วตั้งนานจึงจะรู้ว่ามีเจ้าหอยทากตัวเล็กติดขามาด้วย...ทำให้หวนรำลึกถึงปี 2521 ไปทำข่าวที่ อ.บ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี ขณะเดินเก็บภาพขบวนทหารที่มุ่งหน้าไปประจัญบานกับ ผกค. ขบวนของทหารถูก ผกค.ซุ่มโจมตีต้องกระโดดลงไปแช่น้ำในคูอยู่ชั่วโมงกว่า ขึ้นจากคูเดินกลับตลาดเหมามอเตอร์ไซค์เข้าตัวเมืองสุราษฎร์ฯ ทันทีที่ถึงห้องพักรีบรุดเข้าห้องน้ำ อาบน้ำทั้งชุดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนและเปียกปอน..
พอถอดกางเกงยีนส์ออก แทบจะเป็นลม...เห็นเจ้าปลิงสองตัวมันเกาะอยู่ที่ขาอ่อน...
เฮ่อ..ชักจะไปไกลนะนี่..จากเขาใหญ่ไปสุราษฎร์ฯ บ้านคุณสุเทพโน่นเลย...
ครับ...กลับจากเขาใหญ่หนนี้ต้องมาขออนุญาตย้ำเตือนมิตรรักแฟนเพลงว่า ควรอย่างยิ่งที่เราควรจะแบ่งปันเวลาของเราไปเยี่ยมยามถามข่าว ไปค้อมคาวระ หรือไปมีส่วนร่วมส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติกันบ้าง...
กักขังตัวเอง กักขังลูกหลานไว้กับบ้านและห้างสรรพสินค้าอย่างเดียวจะทำให้เราและลูกหลานของเราอยู่ในโลกส่วนตัวมากเกินไป และมีโอกาสสูงที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว...
ระหว่างเดินเล่นปล่อยอารมณ์อยู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้แวะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์...และได้พบกับท่านผู้นำที่ทุกวันนี้ผมคิดว่า...ท่านคือนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยงท่านหนึ่ง
ผมพบกับท่านในหลากหลายอิริยาบถ หลากหลายกิจกรรม ทั้งในเครื่องแบบสมัยเป็นผบ.ทบ. ทั้งในชุดพลเรือนสบายๆ และชุดนักเดินป่า...
ยอมรับว่าผมพิศมองทีละภาพ ทีละอิริยาบถ...ของประธานกรรมการมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ด้วยความชื่นชมและทึ่งในสุขภาพพลานามัยอันสมบูรณ์...
หยิบแผ่นพับ..แนะนำมูลนิธิฯ ที่เชิญชวนร่วมบริจาค ด้วยความตั้งใจว่าเร็วๆ นี้จะร่วมทำบุญบริจาคเล็กๆ ให้กับมูลนิธิฯ...
ละสายตา ลาท่านผู้นำบนแผ่นภาพ...ด้วยความรู้สึกชื่นชม แต่แวบต่อมาก็รู้สึกสงสารระคนผิดหวัง...
ผิดหวังที่ท่านพูดคำว่า “โจรกลับใจ..” และ “เขามาขอ แต่ทำให้ไม่ได้” ออกมาพันคอและกลายเป็นกับดักตัวเอง...
ผิดหวังที่ท่านเริ่มออกอาการไม่นิ่ง...แทนที่จะปล่อยวางในบางเรื่อง และเดินหน้าบริหารประเทศให้ดีที่สุดภายใต้เวลาที่เหลืออยู่..
ถามว่าจะให้ท่าน “ปล่อยวาง” อะไร..!? อย่างน้อยก็น่าที่จะปล่อยวางเรื่องต่อปากต่อคำในเรื่องที่ไม่จำเป็น ปล่อยวางในสิ่งที่มีปัญหาหรือแม้กระทั่งทรัพย์สินที่มีปัญหา อย่างกรณีที่ดินเขายายเที่ยงที่เป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย...และปลายบานเป็นปัญหาจริยธรรมคุณธรรม..
จริงอยู่ต้นทุนทางสังคมท่านสูง กรรมดีท่านมาก ถึงแม้ท่านไม่ปล่อยวางอย่างที่ผมสะเออะเสนอแนะก็คงไม่มีใครทำอะไรท่านได้หรอก...แต่ส่วนลึกท่านจะไม่สบายใจ...มันจะเป็นปมดำอยู่ในความรู้สึกส่วนลึก...
ผมยืนยันท่านไม่ได้เป็นโจร..ฉะนั้นจงอย่ากลับใจ...เพียงแค่ปล่อยวางในสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา ยึดมั่นในความพอเพียงด้วยความจริงใจ...ก็พอแล้ว
รับรองท่านจะไม่รู้สึกเหมือนยืนอยู่บนหน้าผาแห่งความเดียวดายดังส่วนลึกที่เป็นอยู่..
โชคดีครับท่านนายกฯ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์!!