ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่เผย ท่องเที่ยวหาดใหญ่ส่งสัญญาณฟื้นตัวแล้ว โดยมียอดการเข้าพักเฉลี่ย 50 % หลังเกือบล้มทั้งยืนขาดทุนมาร่วม 3 ปี และมีนักลงทุนผุดโรงแรมเพิ่มอีกหลายแห่ง แม้ว่าจะมีอยู่แล้วกว่าหมื่นห้องก็ตาม ขณะที่เทศกาลถือศีลกินเจนี้คาดเม็ดเงินสะพัด 170 ล้านบาท โรงแรมกลางเมืองถูกจองห้องพักรอชมไฮไลต์วันเปิดงานเต็มเกือบ 100%
นายสมชาติ พิมธนะพูนพร นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่ - สงขลา เปิดเผยว่า ปี 2550 นี้ นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในความปลอดภัยของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเข้าใจในสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้มากขึ้น ทำให้เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นกว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมใน จ.สงขลา ที่มีกว่า 10,000 ห้อง มียอดเข้าพักเฉลี่ย 50 % จากที่เคยดิ่งลงเหลือ 20%- 30% ทำให้นักธุรกิจในพื้นที่เริ่มมีกำลังใจที่จะประคองธุรกิจให้อยู่ต่อไปได้ และยังคงไม่เก็บค่าเซอร์ชาร์จห้องพัก เพื่อจูงใจให้มีการใช้บริการมากขึ้นด้วย รวมถึงการดึงการประชุมสัมมนาจากภาครัฐด้วย โดยระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม จะมีการประชุมขององค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.)ทั่วประเทศ ทำให้เม็ดเงินกระจายสู่ภาคธุรกิจต่างๆของหาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
อีกประการหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ การจองห้องพักระหว่างเทศกาลถือศีลกินเจ ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม ซึ่งโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ใจกลางเมืองหาดใหญ่เต็มเกือบ 100% แล้วในวันที่ 13-14 ซึ่งตรงกับวันเปิดเทศกาลถือศีลกินเจอย่างเป็นทางการของ อ.หาดใหญ่ ณ บริเวณสวนหย่อม มูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง ถ.ศุภสารรังสรรค์ ซึ่งมีการเชิดสิงโต ขบวนม้าทรง และพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์ โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามากับกรุ๊ปทัวร์ส่วนใหญ่จะเข้าพักวันเริ่มต้น แล้วไปเที่ยวจังหวัดตรัง ภูเก็ต ก่อนจะเข้ามาหาดใหญ่อีกครั้งวันสุดท้ายของเทศกาล
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเองแบบครอบครัว โดยเฉพาะจากประเทศมาเลเซียจะเที่ยวในหาดใหญ่เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่วันศุกร์-อาทิตย์ ซึ่งเฉพาะกลุ่มนี้คาดว่า จะมีเม็ดเงินสะพัดเฉพาะใน จ.สงขลา ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ด้านนายทรงชัย มุ่งประสิทธิชัย นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จ.สงขลา กล่าวในทำนองเดียวว่า เทศกาลถือศีลกินเจในปีนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียจองทัวร์เข้ามาท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มากกว่าปีก่อนประมาณ 20% และบรรยากาศการท่องเที่ยวจะคึกคักต่อเนื่องตลอดฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้มากขึ้น ซึ่งสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เขต 1 และภาครัฐได้เตรียมจัดงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 ทั้ง เทศกาลลอยกระทง เทศกาลโคมไฟนานาชาติ และไนต์ พาราไดส์ เคาน์ดาวน์ 2008
ทั้งนี้ เทศกาลถือศีลกินเจของทุกปีจะนำนักท่องเที่ยวเข้ามายัง อ.หาดใหญ่ 1 วัน แล้วเดินทางไปยัง จ.ตรัง และภูเก็ต ซึ่งมีชื่อเสียงในการจัดงานและแสดงอภินิหารต่างๆ ได้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด ก่อนจะเดินทางกลับมาเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ส่งท้ายก่อนกลับประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะชะลอตัว แต่นายทรงชัยยืนยันว่า ต้องรุกตลาดราคาให้น้อยกว่าคู่แข่งและเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่ม โดยปีนี้จะนำนักท่องเที่ยวไปชมอุทยานนกน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง เพิ่มอีกหนึ่งแห่งด้วย เพื่อตอบโจทย์ของนักท่องเที่ยวได้ครบถ้วน แต่ที่ไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้มากนัก เนื่องจากมีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่มากกว่าที่นี่
"ขณะนี้ประมาณการได้ว่านักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวโดยผ่านกรุ๊ปทัวร์ราว 15,000 คน ความคาดหวังหลักเขาก็คือมาดูการแสดงอภินิหารม้าทรงต่างๆ ซึ่งบ้านเขาไม่มีเหมือนเรา นอกจากนี้ก็จะท่องเที่ยว ชมสถานที่สำคัญๆ และชอปปิ้ง โดยนักท่องเที่ยวแต่ละคนใช้เงินเที่ยวใน จ.ภูเก็ตจะสูงกว่าหาดใหญ่ คือ 12,000 บาทขึ้นไป ขณะที่เมื่อมา อ.หาดใหญ่ จะจ่ายประมาณ 8,000 - 10,000 บาท ต่อการเข้ามาเที่ยวในแต่ละทริปส์ ซึ่งคาดว่าจากเทศกาลนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดเฉพาะหาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท" นายทรงชัยกล่าว
สำหรับ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เริ่มได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่ปี 2547 และได้รับผลกระทบอย่างมากจากเหตุการณ์เกิดเหตุระเบิดที่หลายจุดกลางเทศบาลนครหาดใหญ่เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548วันที่ 16 กันยายน 2549 และวันที่ 27 พฤษภาคม 2550 ทำให้ภาคการท่องเที่ยวซบเซาอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม 3 ปีที่ผ่านมาจากความพยายามของทุกฝ่าย เพื่อเรียกความมั่นใจของนักท่องเที่ยวให้กลับเข้ามาเช่นเดิม โดยมีสัญญาณจากการลงทุนธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่เกิดขึ้น ทั้งโรงแรมสิงห์ โกลเดน เพลส, โกลเดน คราวน์ พลาซ่า และหาดใหญ่พาราไดส์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมหรูแบบรีสอร์ตแห่งแรกในเมืองหาดใหญ่