xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลากินบ้านกินเมืองกันแล้ว

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

ถึงเวลาที่เราจะต้องเตรียมตัวกินบ้านกินเมืองกันแล้ว นั่นหมายถึงว่าเราจะต้องเตรียมตัวเพื่อการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม จะมาถึงนี้ (ถ้าหากว่ามันจะเป็นไปได้หรือมีการเลือกตั้งขึ้นมาได้จริงๆ ตามความต้องการผู้มีชื่อเสียงของไทย)

อย่างที่รู้กันอยู่ทั่วไป เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว นักการเมืองคนไหนที่มีความสามารถจะหลอกลวงชาวบ้านให้เชื่อถือพอที่จะลงคะแนนให้ได้ โอกาสที่จะใช้ตำแหน่งผู้แทนมาหากินโดยการคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะเป็นการรีดไถหรือการร่วมมือกับนักการเมืองและข้าราชการที่คอร์รัปชันของชาติที่มีอยู่ทุกหย่อมหญ้าก็อาจจะทำให้ร่ำรวยขึ้นง่ายๆ หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้มองเห็นโอกาสที่จะรวยขึ้นมาได้บ้าง

การเลือกตั้งจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในการปกครองบ้านเมืองของไทย

นักการเมืองอาวุโสที่รู้มากในการเป็นนักการเมืองมีพรรคพวกมาก โอกาสที่จะหากินด้วยการเอาชาติไปขายเพื่อเงินอย่างกรณีฉาวโฉ่ที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือการมุบมิบที่ดินของการรถไฟฯ ไปหากินกับบริษัทเอกชนมูลค่าเป็นหมื่นๆ ล้านโดยไม่ต้องประมูลนั้นก็เถอะ รวมถึงการพยายามในการซื้อรถถังซึ่งกำลังเป็นเรื่องฉาวโฉ่กันอยู่ในขณะนี้ เงินที่จะได้นั้นจะเป็นหมื่นๆ ล้านบาททีเดียว

คนที่จะร่ำรวยอย่างมหาศาลในชั่วพริบตาเดียวนั้นคือเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในการรถไฟฯ หรือกระทรวงคมนาคม

บ้านเมืองในระยะที่ผ่านมา นักการเมืองของเรายิ่งขึ้นมามีอำนาจกันนานเท่าไร การคอร์รัปชันมีแต่วันที่จะเติบโตเข้มแข็งขึ้น เฉพาะในรัฐบาลที่พอรู้เห็นกันอยู่ในตอนนี้รวมไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้ง การคอร์รัปชันก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เพราะบรรดานักการเมืองของเราที่จะมาจากการเลือกตั้งล้วนแต่เป็นพวกนักการเมืองเก่าๆ ที่เคยรู้เคยเห็นกันมาแล้ว ซึ่งส่วนมากคอร์รัปชันโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้องเพราะถือกันว่าผู้คนที่ขึ้นมามีตำแหน่งหน้าที่ผู้แทนราษฎรก็เป็นคนที่มีเกียรติของชาติ ก็ต้องปล่อยให้มีเกียรติกันต่อไป ทักท้วงอะไรไม่ได้ ประชาชนเจ้าของประเทศส่วนมากก็พากันโง่มีชีวิตอยู่กันต่อไปโดยไม่มีใครรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก นอกจากไปคิดว่าคนไทยเรานั้น ถ้าเป็นนักการเมืองแล้วจะทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมืองและประชาชนเสมอ ก็เลยถูกหลอกเป็นนิจนิรันดร์ไป

การเมืองของไทยเป็นการเมืองที่เรียกว่า ระบอบประชาธิปไตยซึ่งระบอบประชาธิปไตยนั้นจะต้องมีการตั้งพรรคขึ้นมา พรรคไหนมีสมาชิกมากและได้รับเลือกตั้งมา พรรคนั้นก็จะได้รับเลือกเป็นรัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน

การหากินตอนนี้จะไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าการคอร์รัปชัน โดยการหาโอกาสเข้าไปมีตำแหน่งหน้าที่ในการเป็นนักการเมืองหรือผู้แทนราษฎร

การสมัครผู้แทนราษฎรในสมัยการเลือกตั้งครั้งแรกของเมืองไทยพยายามเชิดชูตัวเองว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยนั้น คนที่จะรู้เรื่องของการสมัครผู้แทนคืออะไร และทำไมจะต้องมีผู้แทนนั้นมีน้อย เช่นเดียวกับคนที่จะต้องเลือกตั้งผู้แทนเป็นใคร ทำไมจะต้องเลือก ทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้อะไรมากนัก เมื่อพูดกันไปพูดกันมา เป่าปี่สีซอกันไปสักพักจนมีการเลือกตั้งและมีคนที่ต้องเป็นผู้แทน มีสภาผู้แทนราษฎรขึ้นมาเป็นครั้งแรกเท่านั้นเอง

เกือบพูดได้ว่าทำไมประชาธิปไตยจะต้องเกิด และจะต้องมี ความเข้าใจของประชาชนในยุคนั้นซึ่งดูเหมือนจะมีประมาณ 10 กว่าล้านคนหรือมากกว่านั้นไม่มากนัก การศึกษาเกี่ยวกับประชาธิปไตยว่ามันคืออะไรและเป็นอย่างไร เรายังไม่เคยมีการบอกกล่าวกันเป็นเรื่องเป็นราว การศึกษาของประชาชนในชาติที่จะนำมาใช้เป็นพื้นฐานให้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยได้ เรายังไม่ได้ทำกัน แม้แต่การศึกษาในสมัยนั้นดูเหมือนว่าคนที่จบการศึกษาถึงชั้นประถม 4 ยังมีไม่ครบทั่วทั้งประเทศ

การศึกษาชั้นสูงสุดสำหรับคนทั่วไปยกเว้นในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ จะมีน้อยเต็มที โรงเรียนทั่วไปมักจะอาศัยวัดเป็นอุปกรณ์ในการเรียนการสอนซึ่งเอากันแต่เพียงว่าให้อ่านออกเขียนได้กันบ้างเท่านั้นเป็นพอ

การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 มาเป็นประชาธิปไตยนั้น บ้านเมืองของเราไม่ได้คำนึงถึงว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง ขอแต่เพียงให้ผู้ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองมีโอกาสได้มีบุญวาสนาและมีอำนาจในการบริหารและปกครองกันเท่านั้นเป็นพอ

สำหรับคนที่จะเข้ามาสมัครผู้แทนราษฎรก็จะเข้าใจแต่เพียงว่าเมื่อทางบ้านเมืองเปิดโอกาสให้สมัครก็จะมาสมัครกัน ในสมัยแรกๆ ของการเริ่มมีระบอบประชาธิปไตยนั้นดูเหมือนจะไม่จำกัดความรู้ผู้สมัครว่าจะต้องจบแค่ไหนหรือมีความรู้อะไรมาก็สมัครได้

ในสมัยนั้นผู้แทนของระบอบประชาธิปไตยไทยจึงมีคนขายยาดมยาหม่องบนรถไฟอย่างสายหาดใหญ่-พัทลุงก็สมัครด้วย เพราะถือว่าขายยาดมยาหม่องที่มีคนรู้จักไปทั่วถือว่ามีชื่อเสียงมีคนรู้จัก หรือหมอลำที่มีชื่อเสียงในจังหวัดภาคอีสานก็สามารถสมัครได้และมีคนเลือกเพราะการเป็นหมอลำนั้นคนจะรู้จักมาก หรือในจังหวัดพัทลุงจะมีนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงมีคนรู้จักในจังหวัดภาคใต้ หรือแม้แต่ในภาคอีสานนักขายยาเร่ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ก็สมัครเป็นผู้แทนราษฎรได้เพราะเหตุผลเดียวคือพูดคล่องมีคนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง

เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง

ประชาธิปไตยไทยเราเริ่มต้นมาในลักษณะนี้ และก็เปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ซึ่งเนื้อหาของระบอบประชาธิปไตยเราจะไม่บอกไม่พูดอะไรกัน ในรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งถึงกับกำหนดเอาไว้ว่าคนที่จะสมัครเป็นผู้แทนราษฎรได้นั้น จะต้องมีความรู้อย่างน้อยก็จบชั้นปริญญาตรีต่ำกว่าไม่มีสิทธิจะเป็นผู้แทนราษฎรได้หรือไม่มีสิทธิสมัครเป็นอันขาด

เพราะฉะนั้น ผู้แทนราษฎรในสมัยที่แล้วจึงมีแต่คนที่จบปริญญาตรีขึ้นไปเท่านั้นที่จะเป็นผู้แทนได้

ต่ำกว่านั้นไม่มีสิทธ

โดยรัฐธรรมนูญฉบับนั้นเอง ประเทศไทยทุกวันนี้จึงมีการปฏิวัติขึ้นโดยอ้างว่านักการเมืองในยุคนั้นปล้นบ้านปล้นเมืองกันแทบไม่มีอะไรเหลือ เพราะนักการเมืองทุกคนจบปริญญาตั้งแต่ปริญญาตรีถึงด็อกเตอร์กันทุกคน

การขายชาติและขายคนก็กลายเป็นหลักเกณฑ์ของระบอบประชาธิปไตยสมัยนั้นอย่างมั่นคงจนมีปัญหาวุ่นวายจนกระทั่งทุกวันนี้

และยังจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในลักษณะที่มีการพลิกแพลงเล่ห์กลทุกรูปแบบทุกชนิดขึ้นเพื่อให้การปล้นบ้านปล้นเมือง และการขายชาติขายแผ่นดินของระบอบประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

อาจจะกล่าวได้ว่านับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา ซึ่งเราไปเอาระบอบประชาธิปไตยในการกระทำที่แสวงหาอำนาจและแย่งอำนาจของคน และกลุ่มคนที่ต้องการแสวงหาประโยชน์ในการเข้ามามีอำนาจในบ้านเมือง สิ่งที่เราได้แน่นอนมาเป็นมรดกอันถาวรของเราก็คือระบอบประชาธิปไตยซึ่งประกอบด้วยเนื้อหา 5 ประการด้วยกัน

(1) รัฐธรรมนูญ
(2) การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร
(3) การจับกลุ่มและการรวมตัวกันเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ
(4) การแบ่งปันผลประโยชน์แก่กันและกันในกลุ่มนักการเมืองที่มาตามรัฐธรรมนูญ
(5) คำว่าระบอบประชาธิปไตย


คำว่าประชาธิปไตยของเรา จะจำกัดตัวเองอยู่กับเนื้อหา 5 ประการนี้เท่านั้น อย่างอื่นหรือความหมายอื่นจะไม่มีการพูดถึงและไม่มีการแสวงหากัน และยิ่งไปกว่านั้น ระบอบประชาธิปไตยในตอนหลังๆ นี้จะไม่ยอมพูดถึงหรือไม่ยอมสอนให้ประชาชนเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน เช่นคำว่า ประชาธิปไตยในประเทศตะวันตกหรือประเทศอื่นยึดถือกันอยู่ก็คือให้รู้จักสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันทุกด้านในหมู่ประชาชน

ประชาธิปไตยเมืองไทยจะไม่มีเนื้อหาและกิจกรรมอะไรมากไปกว่านี้ คำว่าสิทธิเสรีภาพไม่ว่าในด้านใดจะไม่มีการพูดถึง ความดีงามของประเทศชาติประชาชนจะเดินผ่านมันไปเสียทุกคน จะต้องมีวิธีดำเนินชีวิตด้วยการแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตัวเองไม่ว่าจะโดยวิธีหนึ่งวิธีใดเท่านั้น

สำหรับนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่วงการเมืองเมืองไทยนั้น ก็จะมุ่งหน้ากระทำการอย่างเดียวคือหาทาง หาเงิน และหาประโยชน์ที่จะช่วยสนับสนุนให้ตนเองมีเงินมากพอสำหรับการสมัครรับเลือกตั้งเข้ามาเป็นนักการเมืองให้ได้เท่านั้น

การมีวิธีในการสมัครเข้ารับเลือกตั้งและสามารถเอาชนะได้นั้น วิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะแจกใบปลิว ปราศรัย หรือเลี้ยงดูปูเสื่อก็ลดน้อยลงไปมากหรือไม่ได้รับความนิยมเท่าที่พอจะเชื่อใจได้ มีทางเดียวที่จะให้แน่นอนก็คือการซื้อเสียงเลือกตั้งจากประชาชนเป็นหลักทางอื่นวิธีอื่นไม่มี

การซื้อเสียงเลือกตั้งนั้น จะมีการจัดกลุ่มเป็นพวก เป็นตำบล หรือถ้าจะเป็นข้าราชการก็เคยจัดทำกันมาหรือเหมากันทั้งจังหวัด อำเภอ หรือทั้งประเทศเลย

การเลือกตั้งใช้วิธีอื่นไม่มีอะไรประกันได้ว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือก การซื้อเสียงหรือการใช้เงินเท่านั้นที่สามารถประกันได้พันเปอร์เซ็นต์ว่าจะประสบความสำเร็จ

ใครก็ตามที่ประกาศและยืนยันว่าการเลือกตั้งคราวนี้จะไม่มีการใช้เงิน ไม่ซื้อเสียงขายเสียงหมายความถึงว่าอ้ายหมอนั่นถ้าไม่แกล้งโง่ก็เป็นการพูดหลอกลวงและกะล่อนเป็นสันดานเท่านั้นเอง!

ประชาธิปไตยไทยจะไม่เปลี่ยนรูปเป็นอย่างอื่น นอกจากจะหลอกลวงกันอยู่อย่างไม่ลดละงั้นหรือ?
กำลังโหลดความคิดเห็น