xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.โต้ไม่มีหน้าที่แจ้งนายกฯ ปชป.หอบหลักฐานมัดแก๊งงาบซีทีเอ็กซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงเรื่องการลาออกของ 5 รัฐมนตรี ผ่านรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวพาดพิงถึงการทำงานของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในเชิงตำหนิว่า เมื่อ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่า รัฐมนตรีมีปัญหาที่อยู่ในข่ายจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ควรแจ้งมาที่นายกรัฐมนตรีโดยตรง หรือแจ้งให้รัฐมนตรีแต่ละท่านได้รับทราบเพื่อทุกอย่างจะได้อยู่ในกระบวนการ ไม่ใช่ปล่อยให้ข่าวหลุดออกไปทางสื่อมวลชน
เมื่อวานนี้ (36 ต.ค.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ประชุมป.ป.ช. ก็ได้มีการพูดเรื่องดังกล่าว และมีมติตรงกันว่า ต้องดำเนินการตามเกณฑ์ปกติ จะยกเว้นให้ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ต้องดำเนินการตามที่เคยปฏิบัติมา เพราะ ป.ป.ช.ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง การดำเนินการใดๆ จึงไม่ผูกพัน หรือมีปัญหาทางการเมือง เราทำตามหน้าที่ ซึ่งถ้ามีการชี้มูลความผิดของบุคคลใด ทาง ป.ป.ช. จะแถลงและส่งเอกสารไปยังอัยการสูงสุด
" ป.ป.ช.ไม่มีหน้าที่หารือกับรัฐบาล เพราะเมื่อที่ประชุมได้ข้อสรุป ก็จะแถลงทันที ซึ่งก็เหมือนกับคดีการซุกหุ้น เมื่อปี 2542 ที่ผ่านมาป.ป.ช.จะวินิจฉัยไปทันที โดยไม่คำนึงว่า ใครจะได้หรือเสีย และไม่จำเป็นต้องปรึกษาผู้ใหญ่ ถือเป็นประเพณีปกติของป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการเสนอข่าวมีรัฐมนตรีคนอื่นนอกเหนือจาก 3 คน ที่ลาออกไป ทำผิดถือหุ้นเกิน 5%นั้น ถือเป็นเรื่องที่สื่อนำมาเสนอข่าวเอง ไม่เกี่ยวกับ ป.ป.ช. แต่ถ้ามีรัฐมนตรีถือหุ้นเกิน 5% เพิ่มอีก ก็จะแถลงให้ทราบต่อไป" นายกล้านรงค์ กล่าว
ในวันเดียวกันนี้ นายกล้านรงค์ จันทิก ในฐานะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พร้อมด้วย นายสัก กอแสงเรือง และนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส. ได้ร่วมบันทึกเทปรายการรายการ รักษ์บ้านสร้างเมือง ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการทำงานของคตส. โดยนายกล้านรงค์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะอนุกรรมการอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหาพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจต่อตนเองและพวกพ้อง ขณะนี้ได้ไต่สวนคืบหน้าไป 50-60% แล้ว โดยอนุกรรมการฯ จะไม่มองเรื่องการซุกหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่จะมองภาพรวมทั้งหมดเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ต่างๆ ว่าธุรกิจเกี่ยวพันถึงใคร เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ โดยจะไม่เฉพาะเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
"ส่วนจะไปถึงการซื้อสโมสรแมนฯ ซิตี้ หรือไม่นั้น หากอนุกรรมการฯ พบว่ามีประเด็น ก็จะนำมาตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้อนุกรรมการกำลังพิจารณาในเรื่องการเงินอยู่ โดยต้องดูว่า เงินมีไปถึงต่างประเทศด้วยหรือไม่ ส่วนเรื่องขั้นตอนก็จะต้องดูเรื่องของเงินตรา ถ้ามีประเด็นก็ต้องตามเงินที่ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันว่า การตรวจสอบของอนุกรรมการชุดนี้จะเสร็จสิ้นภายใน 6 เดือนในการต่ออายุของคตส." นายกล้านรงค์ กล่าว
เมื่อถามว่าการตั้งข้อกล่าวหาบุคคลจะทำให้ชี้ถึงภาพรวมของปัญหาคอร์รัปชั่นได้อย่างไร นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ภาพรวมจะเกี่ยวกับการใช้อำนาจเชิงนโยบาย ขณะนี้การตรวจสอบคอร์รัปชั่นไม่ใช่มีการตรวจสอบเฉพาะข้าราชการเท่านั้น ถ้าเราจะกำจัดการคอร์รัปชั่น เราต้องกำจัดที่กรอบใหญ่ก่อน จึงจะมาจำกัดกรอบเล็กได้
นายสัก กอแสงเรืองโฆษก คตส. กล่าวถึงกรอบการทำงานของ คตส. ที่มีเวลาเหลืออีก 7 เดือนว่า คดีที่ คตส.จะพิจารณาสรุปให้เสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้ มีประมาณ 7 คดี คือ 1. คดีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 2. โครงการท่อร้อยสายไฟฟ้าในสนามบินสุวรรณภูมิ 3. การก่อสร้างทางเชื่อมสนามบินสุรวรณภูมิ หรือแอร์พอร์ตลิงค์ 4. การออกสลากพิเศษ 2-3 ตัว หรือหวยบนดิน 5. การจัดซื้อพันธุ์กล้ายาง จำนวน 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร 6. การที่ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก หรือ เอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่าวงเงิน 4 พันล้านบาท และ 7. การที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือกฤษฎามหานคร วงเงิน 9 พันล้านบาท
ส่วนกรณีของการตรวจสอบการทุจริตในโครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรนั้น จะมีเพียง 2-3 โครงการ ที่จะสรุปภายในเดือนธ.ค.นี้ ส่วนโครงการที่เหลือคงจะเสร็จไม่ทันเดือนธ.ค.นี้ แต่ก็ได้วางกรอบเอาไว้ 2 แนวทาง คือ จะสรุปให้เสร็จในเดือน มี.ค. 51 แต่ถ้าไม่เสร็จ ก็จะเข้าสู่กรอบที่สอง คือเสร็จในเดือนมิ.ย. 51
เมื่อถามว่า ถ้าคดีที่ คตส.ส่งถึงอัยการสูงสุด และถูกศาลสั่งจำหน่ายคดีเหมือนกรณีที่ดินรัชดา คตส. จะทำอย่างไร นายสัก กล่าวว่า เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมของศาล ตรงนี้ถือว่า คตส. หมดหน้าที่แล้ว แต่จะเป็นพยานในชั้นศาลให้
ส่วนที่มีการวิจารณ์การทำงานของ คตส.โดยเฉพาะในคดีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของกทม. นั้น นายสัก กล่าวว่า เป็นการมองคนละมุม ระหว่าง คตส.ชุดใหญ่ และอนุกรรมการไต่สวนฯ โดยเฉพาะในส่วนของรูปคดีในสัญญา 2 ฉบับ โดยคตส.เห็นว่าสัญญาทั้งสองฉบับ เป็นสัญญารัฐต่อรัฐ ซึ่งสัญญาสุดท้ายไม่ใช่สัญญาแบบรัฐต่อรัฐ คตส.จึงให้อนุกรรมการไต่สวนฯไปตรวจสอบที่มาของเรื่องดังกล่าว จึงเป็นธรรมดาที่จะมีความเห็นไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม คิดว่าการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะช้า เพราะสำนวนจากอนุกรรมการไต่สวนชุดเดิมก็สมบูรณ์อยู่แล้ว และสามารถต่อยอดได้
เมื่อถามว่าเคยมีผู้มีอำนาจมาขอต่อ คตส. เพื่อไม่ให้เอาผิดใครบางคนหรือไม่ นายสัก กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ถ้าขอในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ไม่สามารถให้ได้ เพราะคตส. ทำงานคำนึงถึงพยานหลักฐานเป็นหลัก จึงขอไม่ได้

**ปชป.ยื่นหลักฐานมัดแก๊งงาบซีทีเอ็กซ์
เช้าวานนี้ มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่มีนายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส. เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญ นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม นานกว่า4 ชั่วโมง
นายถาวร กล่าวภายหลังจากให้ข้อมูลว่า ตนได้มอบเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ พร้อมเบอร์โทรศพท์เคลื่อนที่ ให้กับคณะอนุกรรมการฯโดยเป็นใช้โทรศัพท์มือถือ ระหว่างนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือ เสี่ยเช กรรมการบริหารบริษัท แพทริออท กับนาย ธีรวัฒน์ ศรีฉัตตราภิมุข ที่ปรึกษา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมในสมัยนั้น และมีการติดต่อกับนายศรีสุข จันทรางศุ ประธานบอร์ด บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด หรือ บทม. และนายวรวิทย์ วิสูตราชัย เพื่อนร่วมรุ่นนายวรพจน์ ซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัท ควอโตเทค โดยการติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงก่อนการตัดสินใจซื้อขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000
"ข้อมูลดังกล่าวผมได้มาจากหน่วยงานของรัฐ ยืนยันว่า เป็นของจริง ส่วนการเจรจาเรื่องอะไรนั้นทาง คตส. คงต้องเชิญบุคคลเหล่านี้มาเพื่อให้ยืนยันว่า มีการพูดคุยเรื่องซีทีเอ็กซ์หรือไม่ หรือเป็นเพียงการคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันตามธรรมดา ซึ่งภายหลังจากที่ผมให้เบอร์โทรศัพท์ของบุคคลเหล่านี้ไปแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่จาก คตส.ได้แจ้งว่าเบอร์เหล่านี้ยังคงมีการใช้อยู่จนถึงปัจจุบันนี้" นายถาวรกล่าว
นายถาวร กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบพบว่า บุคคลที่ต้องรับผิดชอบมี 3 กลุ่ม คือ 1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 2. บอร์ด บทม. และ 3. รมว.คมนาคม รวมทั้งที่ปรึกษา โดยพบว่า มีการล็อกสเปกอย่างชัดเจน ผ่านมิสเตอร์โอเล่ เจ้าหน้าที่บริษัท ควอโตเทค ที่บริษัท อินวิชั่น แนะนำให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษา พร้อมทำล็อกสเปกในฐานะที่ปรึกษาของ บทม. โดยแม้ว่า จะมีการแก้ไขให้มีการซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์โดยตรงไม่ผ่านบริษัทนายหน้าสองบริษัทแต่ราคาในการซื้อก็ยังเหมือนเดิม แสดงว่ายังมีการทุจริต การซื้อตรงที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการอำพรางประชาชนเท่านั้น
นอกจากนี้ ตนยังได้แจ้งให้กับคณะอนุกรรมการไต่สวนทราบว่าเรื่องนี้เป็นพียงการทุจริตรายเล็กแต่การทุจริตเรื่องใหญ่ๆ คือ การสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ใช้งบประมาณกว่า 3.6หมื่นล้านบาท แต่มีการว่าจ้างเพิ่มทำให้งบบานปลายถึง5.5หมื่นล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ชี้ให้คตส. ทราบว่าเรื่องเหล่านี้เป็นการทุจริตที่มากกว่าการซื้อเครื่อง ซีทีเอ็กซ์

**สั่งปปง.สอบบัญชีเงินฝาก”เจ๊ไก่”
รายงานข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวน คดีซีทีเอ็กซ์ เปิดเผยภายหลังการให้ข้อมูล ของนายถาวร ว่าข้อมูลส่วนหนึ่งระบุว่า มีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ไปถึง"เจ๊ไก่" หรือ นางสุกัญญา อดีตคนใกล้ชิดผู้บริหาร บทม.และ อดีตบอร์ดทอท.คนหนึ่ง ที่ถูก คตส.ชี้มูลความผิด ซึ่งบันทึกการโทรศัพท์ดังกล่าว พบว่าเครือข่ายผู้จัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ ได้โทรศัพท์ไปถึงเจ๊ไก่ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นหน้าห้องของอดีตผู้บริหารบทม.คนดังกล่าว ทำให้อนุกรรมการเตรียมทำหนังสือถึงสำนักงาน ป.ป.ง. เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และบัญชีเงินฝากของเจ๊ไก่ หรือ นางสุกัญญา ด้วย
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาสอบสวนการทุจริตของวุฒิสภา ที่มี พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ เป็นประธานเคยได้รับ วีซีดีภาพความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของเจ๊ไก่ กับอดีตผู้บริหารบทม. คนหนึ่งซึ่งมีบทบาทสูงในคดีซีทีเอ็กซ์ และมีการนำวีซีดีมาเปิดในการไปร่วมเสวนา เรื่องคอร์รัปชั่น ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยมาแล้ว

**"ชัยวัฒน์"ให้ปากคำคดีซื้อขายหุ้นชิน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ คณะอนุกรรมการสอบสวนการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ เป็นประธานได้เรียก นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตกรรมการ กลต. เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการตั้งแต่เวลา 09.00 น.จนถึงเวลา 17.00 น. เป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมง โดยนายชัยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าชี้แจงว่าคตส.ได้เรียกมาสอบถามในฐานะอดีตผู้ว่าธปท. และกรรมการกลต. ซึ่งรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับของคตส.
ขณะที่นาย สัก กอแสงเรือง อนุกรรมการสอบสวนหุ้นชินคอร์ปฯ กล่าวว่าการมาชี้แจงของนายชัยวัฒน์ มาในฐานะอดีต กลต.และเป็นอดีตผู้บริหารบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะไม่มีการเรียกนายชัยวัฒน์ มาชี้แจงอีกแล้ว และรายละเอียดการชี้แจงของนายชัยวัฒน์ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นความลับในสำนวน
กำลังโหลดความคิดเห็น