ผู้จัดการรายวัน-ถ้านึกถึงเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดราชบุรี ก็ต้องนึกถึงโอ่ง แต่วิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไปการใช้โอ่งเริ่มลดน้อยลง เพราะมีน้ำประปาเข้าถึงบ้าน มีถังน้ำสแตนเลส ถังน้ำพลาสติกที่เก็บน้ำได้จำนวนมากกว่า การผลิตโอ่งเริ่มลดน้อยลง จากผู้ผลิตโอ่งในจังหวัดราชบุรี ที่มีโรงงานกว่า 40 โรง บางก็ปิดกิจการลงที่เหลือก็ต้องปรับตัวหันมาพัฒนารูปแบบของสินค้าเพื่อให้สามารถใช้ได้กับการแต่งบ้านในยุคสมัยปัจจุบัน
สำหรับโรงงานเครื่องปั้นดินเผาในจังหวัดราชบุรี ที่มีการปรับตัวทั้งรูปแบบและดีไซน์ที่เห็นได้อย่างเห็นได้ชัดเจนมีเพียง 3-4 โรงงานและหนึ่งในนั้น คือ เถ้าฮงไถ่ โรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ เรียกได้ว่าคู่กับประวัติเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่ปี 2476 ของนายซ่งฮง แซ่เตีย ชวนพรรคพวกมาตั้งโรงงานไหน้ำปลา และโอ่งน้ำไม่มีลาย กระถางต้นไม้ เป็นโรงงานแรก ต่อมาผู้ผลิตตามขึ้นมาอีกหลายรายและมีการตัดราคากันเอง ประกอบกับความต้องการโอ่งและไหน้ำปลาลดลง จึงจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถขายในตลาดยุคปัจจุบันได้
นายพงษ์ศักดิ์ สุพานิชวรภาชน์ ทายาทที่มารับช่วงดูแลกิจการของเถ้าฮงไถ่ เล่าถึงผลิตภัณฑ์ของเถ้าฮงไถ่ในปัจจุบันว่า ทางโรงงานของเราได้เลิกผลิตโอ่งและไหน้ำปลา แต่หันมาผลิตตามแบบลูกค้าสั่ง จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นแบบต่างๆ ดังนี้ 1. เครื่องปั้นดินเผาแบบที่โรงงานต่างๆในราชบุรีผลิต เช่น กระถางต้นไม้ โอ่งมังกร เคลือบสีน้ำตาล 2. เครื่องปั้นดินเผาแบบไม่เคลือบ ดินสีแดง (TERRACOTTA) ตามรูปแบบของไทย เช่น ตุ่มสามโคกตามแบบจีน และแบบยุโรป 3. เครื่องปั้นดินเผาแบบกวางตุ้งของจีน ซึ่งมีทั้งสีเดียว เช่น โอ่งน้ำ กระถางต้นไม้ และหลายสีในชิ้นเดียวกัน เช่น อ่างบัว กี๋ และกระถางต้นไม้
และ แบบที่ 4. เครื่องปั้นดินเผาแบบปังโคย โดยเขียนสีน้ำเงินหรือลายสีใต้เคลือบ และแบบสุดท้าย เครื่องปั้นดินเผาแบบเมืองกังไส โดยเขียนลายคราม หรือครามไฟ (สีแดงใต้เคลือบ) มีทั้งชนิดแตกลายงาและแบบไม่แตกลายงา โดยแบบทั้งหมดเป็นแบบที่ลูกค้าสั่งทำประมาณ 70% ที่เหลือ 30% เป็นงานที่โรงงานดีไซน์เอง โดยได้พี่ชายซึ่งไปเรียนด้านออกแบบดีไซน์เซรามิกมาจากประเทศเยอรมันมาช่วยเรื่องของงานออกแบบและการเล่นสีที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เป็นการประยุกต์การใช้สีสันที่ร่วมสมัยกว่า 600 เฉดสี จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของเถ้าฮงไถ่ นอกเหนือจากการพัฒนารูปแบบใหม่ๆที่ออกทุก 1-2 เดือน
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาของเถ้าฮงไถ่ จะได้กลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างหลากหลาย และส่วนหนึ่งที่ช่วยให้งานเถ้าฮงไถ่มีความน่าสนใจ เพราะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาปนิก มาสั่งทำ ทำให้เรามีงานในแบบใหม่ที่เป็นสไตล์โมเดิร์นออกมาอย่างต่อเนื่อง และได้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อไปตกแต่งสถานที่สำคัญ อย่างโรงแรม รีสอร์ท สปา สัดส่วนการขายภายในประเทศ 70% การส่งออก30% กลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยมีโชว์รูมสถานที่จำหน่าย 3 แห่ง คือ ที่โรงงานเถ้าฮงไถ่ ห้างสรรพสินค้า ดิเอ็มโพเรียม สยามพารากอน จตุจักร สวนลุมไนท์บาร์ซ่า และในต่างประเทศ
นายพงษ์ศักดิ์ เล่าว่า ปัจจุบันมีโรงงานที่ผลิตโอ่งและได้ปรับเปลี่ยนมาทำงานเครื่องปั้นดินเผา จำนวน 3-4 ราย การแข่งขันไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่กลัวเรื่องการลอกเลียนแบบ และก็มาตัดราคากันเอง เพราะสุดท้ายคนที่ทำเช่นนั้นก็เหมือนกับทำร้ายธุรกิจของตัวเอง ต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นแต่กลับต้องมาขายในราคาที่ถูกลง ในขณะที่เราเองก็คงจะไม่ลงมาเล่นเรื่องราคาเพราะขายไอเดียขายดีไซน์ ซึ่งลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่ายแม้ราคาจะสูงกว่ารายอื่นๆ โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-3,000-4,000 บาท สูงสุดอยู่ในหลัก 20,000-30,000 บาท ส่วนขนาดเล็กราคา 100 บาท
ในส่วนของเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมที่เป็นโอ่งมังกร ทางเถ้าฮงไถ่ มีการผลิตอยู่บ้างแต่เป็นการปรับสีสันและการทำลายให้ดูชัดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ยังต้องการโอ่งมังกร แต่สามารถตั้งโชว์ในบ้านได้ เป็นการผสมผสานระหว่างอดีตกับปัจจุบัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เถ้าฮงไถ่ เป็นโรงงานตัวอย่างของผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดราชบุรี ที่มีผู้คนมาดูงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาและรายได้ที่เพิ่มเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 50,000 บาท
นายพงษ์ศักดิ์ เล่าถึงผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทว่า ในส่วนของเถ้าฮงไถ่มีส่วนหนึ่งที่ส่งออกซึ่งย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะลูกค้าเก่าก็ยังคงต้องการสินค้าในราคาเดิม การแก้ปัญหา คือถ้าเป็นลูกค้าเก่าและต้องการสินค้าแบบเดิมก็ยังคงราคาเดิม ส่วนแบบใหม่และลูกค้าใหม่เราจะเซ็ทราคาขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้ลูกค้ายังคงซื้อสินค้าจากเราแม้ว่าจะมีประเทศคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนามที่ขายถูกกว่า
สนใจโทร. 032-321-761
สำหรับโรงงานเครื่องปั้นดินเผาในจังหวัดราชบุรี ที่มีการปรับตัวทั้งรูปแบบและดีไซน์ที่เห็นได้อย่างเห็นได้ชัดเจนมีเพียง 3-4 โรงงานและหนึ่งในนั้น คือ เถ้าฮงไถ่ โรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ เรียกได้ว่าคู่กับประวัติเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดราชบุรี ตั้งแต่ปี 2476 ของนายซ่งฮง แซ่เตีย ชวนพรรคพวกมาตั้งโรงงานไหน้ำปลา และโอ่งน้ำไม่มีลาย กระถางต้นไม้ เป็นโรงงานแรก ต่อมาผู้ผลิตตามขึ้นมาอีกหลายรายและมีการตัดราคากันเอง ประกอบกับความต้องการโอ่งและไหน้ำปลาลดลง จึงจำเป็นจะต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถขายในตลาดยุคปัจจุบันได้
นายพงษ์ศักดิ์ สุพานิชวรภาชน์ ทายาทที่มารับช่วงดูแลกิจการของเถ้าฮงไถ่ เล่าถึงผลิตภัณฑ์ของเถ้าฮงไถ่ในปัจจุบันว่า ทางโรงงานของเราได้เลิกผลิตโอ่งและไหน้ำปลา แต่หันมาผลิตตามแบบลูกค้าสั่ง จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นแบบต่างๆ ดังนี้ 1. เครื่องปั้นดินเผาแบบที่โรงงานต่างๆในราชบุรีผลิต เช่น กระถางต้นไม้ โอ่งมังกร เคลือบสีน้ำตาล 2. เครื่องปั้นดินเผาแบบไม่เคลือบ ดินสีแดง (TERRACOTTA) ตามรูปแบบของไทย เช่น ตุ่มสามโคกตามแบบจีน และแบบยุโรป 3. เครื่องปั้นดินเผาแบบกวางตุ้งของจีน ซึ่งมีทั้งสีเดียว เช่น โอ่งน้ำ กระถางต้นไม้ และหลายสีในชิ้นเดียวกัน เช่น อ่างบัว กี๋ และกระถางต้นไม้
และ แบบที่ 4. เครื่องปั้นดินเผาแบบปังโคย โดยเขียนสีน้ำเงินหรือลายสีใต้เคลือบ และแบบสุดท้าย เครื่องปั้นดินเผาแบบเมืองกังไส โดยเขียนลายคราม หรือครามไฟ (สีแดงใต้เคลือบ) มีทั้งชนิดแตกลายงาและแบบไม่แตกลายงา โดยแบบทั้งหมดเป็นแบบที่ลูกค้าสั่งทำประมาณ 70% ที่เหลือ 30% เป็นงานที่โรงงานดีไซน์เอง โดยได้พี่ชายซึ่งไปเรียนด้านออกแบบดีไซน์เซรามิกมาจากประเทศเยอรมันมาช่วยเรื่องของงานออกแบบและการเล่นสีที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เป็นการประยุกต์การใช้สีสันที่ร่วมสมัยกว่า 600 เฉดสี จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของเถ้าฮงไถ่ นอกเหนือจากการพัฒนารูปแบบใหม่ๆที่ออกทุก 1-2 เดือน
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาของเถ้าฮงไถ่ จะได้กลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างหลากหลาย และส่วนหนึ่งที่ช่วยให้งานเถ้าฮงไถ่มีความน่าสนใจ เพราะได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาปนิก มาสั่งทำ ทำให้เรามีงานในแบบใหม่ที่เป็นสไตล์โมเดิร์นออกมาอย่างต่อเนื่อง และได้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อไปตกแต่งสถานที่สำคัญ อย่างโรงแรม รีสอร์ท สปา สัดส่วนการขายภายในประเทศ 70% การส่งออก30% กลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยมีโชว์รูมสถานที่จำหน่าย 3 แห่ง คือ ที่โรงงานเถ้าฮงไถ่ ห้างสรรพสินค้า ดิเอ็มโพเรียม สยามพารากอน จตุจักร สวนลุมไนท์บาร์ซ่า และในต่างประเทศ
นายพงษ์ศักดิ์ เล่าว่า ปัจจุบันมีโรงงานที่ผลิตโอ่งและได้ปรับเปลี่ยนมาทำงานเครื่องปั้นดินเผา จำนวน 3-4 ราย การแข่งขันไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่กลัวเรื่องการลอกเลียนแบบ และก็มาตัดราคากันเอง เพราะสุดท้ายคนที่ทำเช่นนั้นก็เหมือนกับทำร้ายธุรกิจของตัวเอง ต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นแต่กลับต้องมาขายในราคาที่ถูกลง ในขณะที่เราเองก็คงจะไม่ลงมาเล่นเรื่องราคาเพราะขายไอเดียขายดีไซน์ ซึ่งลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่ายแม้ราคาจะสูงกว่ารายอื่นๆ โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000-3,000-4,000 บาท สูงสุดอยู่ในหลัก 20,000-30,000 บาท ส่วนขนาดเล็กราคา 100 บาท
ในส่วนของเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิมที่เป็นโอ่งมังกร ทางเถ้าฮงไถ่ มีการผลิตอยู่บ้างแต่เป็นการปรับสีสันและการทำลายให้ดูชัดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ยังต้องการโอ่งมังกร แต่สามารถตั้งโชว์ในบ้านได้ เป็นการผสมผสานระหว่างอดีตกับปัจจุบัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เถ้าฮงไถ่ เป็นโรงงานตัวอย่างของผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาของจังหวัดราชบุรี ที่มีผู้คนมาดูงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาและรายได้ที่เพิ่มเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 50,000 บาท
นายพงษ์ศักดิ์ เล่าถึงผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทว่า ในส่วนของเถ้าฮงไถ่มีส่วนหนึ่งที่ส่งออกซึ่งย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะลูกค้าเก่าก็ยังคงต้องการสินค้าในราคาเดิม การแก้ปัญหา คือถ้าเป็นลูกค้าเก่าและต้องการสินค้าแบบเดิมก็ยังคงราคาเดิม ส่วนแบบใหม่และลูกค้าใหม่เราจะเซ็ทราคาขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้ลูกค้ายังคงซื้อสินค้าจากเราแม้ว่าจะมีประเทศคู่แข่งอย่างจีนและเวียดนามที่ขายถูกกว่า
สนใจโทร. 032-321-761