การเมืองคือการจัดสรรและแบ่งปันซึ่งผลประโยชน์และอำนาจ มนุษย์ผูกพันกับการเมืองมาตั้งแต่ต้น
บางท่านเคยกล่าวว่า ไม่มีมิตรแท้และไม่มีศัตรูที่ถาวรสำหรับนักการเมือง คำนี้ยังใช้ได้ดีเสมอโดยเฉพาะการเมืองในกลุ่มแถบประเทศกำลังพัฒนา
ขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่สับสนวุ่นวาย มีการเลือกข้างแบ่งข้างกันอย่างชัดเจน แม้แต่รัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านที่มาจากรัฐบาลฤๅษีเลี้ยงเต่าก็กำลังเผชิญกับชะตากรรมของการซุกหุ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายโดยเฉพาะประเด็นด้านจริยธรรม และรูปการจิตสำนึกของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป
1 ปีที่ผ่านไป กับ คมช. สังคม ประเทศชาติได้อะไรบ้างหรือไม่ บางคนบอกว่าเสียดายความรู้สึก สูญเสียความศรัทธาเพราะท้ายที่สุดแล้วก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง การกระทำมิได้มีความแตกต่างกันมากนักกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่ถูกขับไล่ไป
พรรคการเมืองแต่ละพรรคเปิดตัว ประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่พี่น้องได้รับทราบรับรู้ความเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมพร้อมไปสู่การเลือกตั้งที่จะมีปลายปีนี้
สิ่งสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะรวมกับใคร ประเด็นอยู่ที่รวมกันแล้วจะทำอะไรให้กับใครมากกว่า
ประชาชนได้รับบทเรียนมามากจากรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย การแทรกแซงองค์กรอิสระ การใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองไปในทางที่ไม่ถูกต้องเพื่อพวกพ้องและพรรคพวกของตนเอง
2 ปีที่ผ่านมา กระแสการเมืองภาคประชาชนหรือการเมืองภาคพลเมืองตื่นตัวมากขึ้น เราได้เห็นปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวภาคสังคมที่เป็นจริง เห็นการเมืองบนท้องถนน เห็นการต่อสู้กับทรราชและอำนาจเผด็จการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นการต่อสู้นอกระบบ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราฉันใด การเมืองไทยต้องเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกันฉันนั้น ผมเองได้ออกมาร่วมต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ที่ผมยังเป็นสมาชิกวุฒิสภา
สาเหตุที่ผมต้องออกมาร่วมสู้กับทรราชเป็นเพราะเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุม และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมันล้มเหลว
องค์กรอิสระที่จะฝากความหวัง ที่จะเป็นเครื่องมือก็ถูกแทรกแซงสามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ
การโหวตในสภาก็เป็นลักษณะของการบล็อกโหวต มติสำคัญๆ เพื่อชาติบ้านเมืองไม่สามารถที่จะผ่านออกมาได้เลย
พวกผมเรียกร้อง บอกเล่าทางสื่อมวลชนแต่กลับได้รับแต่ความเมินเฉย ไม่ใส่ใจ มิหนำซ้ำยังถูกแบนเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมต้องหาเวที นำเสนอข้อมูลการทุจริตต่างๆ ความเป็นจริงต่างๆ ออกมาเผยแพร่ให้พี่น้องได้รับทราบ
การเปิดพื้นที่ที่สำคัญเริ่มต้นที่ เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่สวนลุมพินี จวบจนเวทีที่สะพานมัฆวาน เป็นการพิสูจน์อุดมการณ์ของพี่น้องหลายต่อหลายคนว่าแต่ละท่านมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไรบ้าง
ผมเป็นนักการเมืองมา 24 ปี ต่อสู้เพื่อความถูกต้องมาโดยตลอดเหมือนเป็นเสียงข้างน้อย แม้แต่ในหมู่ ส.ว. ผมก็เป็น ส.ว. เสียงข้างน้อย การจะทำอะไรนั้นไม่สามารถทำได้ถนัดนัก การสร้างแรงกระเพื่อมไม่มีเท่าที่ควร นี่คือบทเรียนที่ผมได้รับ
ผมมีโอกาสมาจัดรายการทาง ASTV นำเสนอความคิดความเห็นหลากหลาย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่คนทั่วไปมักจะตั้งคำถามว่า ผมดีแต่วิพากษ์วิจารณ์เท่านั้นหรือไม่ และจะทำได้หรือไม่ถ้ามีโอกาส สิ่งนี้ทำให้ผมคิดหนักไม่ใช่น้อย
ประกอบกับบ้านเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ ผมจำเป็นที่จะต้องช่วงชิงพื้นที่ดึงมวลชนจากกลุ่มอำนาจเก่า ผมจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบของประชาธิปไตยนั่นคือ การเลือกตั้ง
การเลือกตั้งโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานบ้านผม มีปัจจัยที่สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรทั้งเงิน คน กลุ่มอิทธิพล หัวคะแนน การจะต่อสู้กับคนกลุ่มนี้จำเป็นที่จะต้องมีกำลังที่เท่าเทียมกัน
ทุกท่านอย่าพากันตั้งข้อรังเกียจพรรคประชาราชที่ผมเข้าร่วมเลย การเมืองมันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่าที่ท่านคิดไว้มาก และพื้นที่แต่ละพื้นที่ก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน
บางท่านผิดหวังที่ผมไม่ตั้งพรรคเทียนแห่งธรรม ผมบอกท่านได้เลยว่าผมยังมีความศรัทธาในอุดมการณ์แรงกล้าของพี่น้องพันธมิตรโดยเฉพาะบรรดายามเฝ้าแผ่นดิน
แต่ในเมื่อเวลาเริ่มนับถอยหลังอย่างนี้ ท่านจะให้ผมทำอย่างไร การตั้งพรรคไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตั้งได้ในวันสองวัน
ผมอยากจะบอกพวกท่านทั้งหลายว่า อย่าเชื่อผมแต่จงพิสูจน์ผมจากการกระทำจะดีกว่า ให้สมกับคำที่ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
เพียงแต่ท่านเปิดใจและให้โอกาสผม
สิ่งสำคัญ ไม่ใช่อยู่ที่การเข้าสู่การเมืองเพื่อใคร แต่ต้องตอบให้ได้ว่าเมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเราจะทำอะไรได้บ้าง
การคาดหวังของประชาชน การเรียกร้องของประชาชนมีมากมาย อยู่ที่การจัดสรรและสร้างความสมดุลให้กับสังคม อย่าทำให้ประชาชนต้องรู้สึกพึ่งพาอาศัยนักการเมืองแต่ฝ่ายเดียว เราต้องสร้างภูมิต้านทานให้ประชาชนรู้เท่าทันนักการเมือง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอย่างที่ผ่านมา
การเรียนรู้เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเป็นหัวใจสำคัญ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นตัวขับเคลื่อนให้การเมืองพัฒนาไปได้ ผมอยากเห็นวันนั้น วันที่การเมืองภาคประชาชนมีความเข้มแข็งและยั่งยืน วันที่ประชาชนสามารถมีพื้นที่การเมืองของเขาได้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องอาศัยนักการเมืองเป็นนอมินีเพื่อที่จะทำอะไรที่ถูกต้องให้กับตนเอง
บางท่านเคยกล่าวว่า ไม่มีมิตรแท้และไม่มีศัตรูที่ถาวรสำหรับนักการเมือง คำนี้ยังใช้ได้ดีเสมอโดยเฉพาะการเมืองในกลุ่มแถบประเทศกำลังพัฒนา
ขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่สับสนวุ่นวาย มีการเลือกข้างแบ่งข้างกันอย่างชัดเจน แม้แต่รัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านที่มาจากรัฐบาลฤๅษีเลี้ยงเต่าก็กำลังเผชิญกับชะตากรรมของการซุกหุ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายโดยเฉพาะประเด็นด้านจริยธรรม และรูปการจิตสำนึกของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันไป
1 ปีที่ผ่านไป กับ คมช. สังคม ประเทศชาติได้อะไรบ้างหรือไม่ บางคนบอกว่าเสียดายความรู้สึก สูญเสียความศรัทธาเพราะท้ายที่สุดแล้วก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง การกระทำมิได้มีความแตกต่างกันมากนักกับรัฐบาลชุดที่แล้วที่ถูกขับไล่ไป
พรรคการเมืองแต่ละพรรคเปิดตัว ประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่พี่น้องได้รับทราบรับรู้ความเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมพร้อมไปสู่การเลือกตั้งที่จะมีปลายปีนี้
สิ่งสำคัญ ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะรวมกับใคร ประเด็นอยู่ที่รวมกันแล้วจะทำอะไรให้กับใครมากกว่า
ประชาชนได้รับบทเรียนมามากจากรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย การแทรกแซงองค์กรอิสระ การใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองไปในทางที่ไม่ถูกต้องเพื่อพวกพ้องและพรรคพวกของตนเอง
2 ปีที่ผ่านมา กระแสการเมืองภาคประชาชนหรือการเมืองภาคพลเมืองตื่นตัวมากขึ้น เราได้เห็นปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวภาคสังคมที่เป็นจริง เห็นการเมืองบนท้องถนน เห็นการต่อสู้กับทรราชและอำนาจเผด็จการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นการต่อสู้นอกระบบ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราฉันใด การเมืองไทยต้องเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกันฉันนั้น ผมเองได้ออกมาร่วมต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การนำของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ที่ผมยังเป็นสมาชิกวุฒิสภา
สาเหตุที่ผมต้องออกมาร่วมสู้กับทรราชเป็นเพราะเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุม และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลมันล้มเหลว
องค์กรอิสระที่จะฝากความหวัง ที่จะเป็นเครื่องมือก็ถูกแทรกแซงสามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบ
การโหวตในสภาก็เป็นลักษณะของการบล็อกโหวต มติสำคัญๆ เพื่อชาติบ้านเมืองไม่สามารถที่จะผ่านออกมาได้เลย
พวกผมเรียกร้อง บอกเล่าทางสื่อมวลชนแต่กลับได้รับแต่ความเมินเฉย ไม่ใส่ใจ มิหนำซ้ำยังถูกแบนเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมต้องหาเวที นำเสนอข้อมูลการทุจริตต่างๆ ความเป็นจริงต่างๆ ออกมาเผยแพร่ให้พี่น้องได้รับทราบ
การเปิดพื้นที่ที่สำคัญเริ่มต้นที่ เวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรที่สวนลุมพินี จวบจนเวทีที่สะพานมัฆวาน เป็นการพิสูจน์อุดมการณ์ของพี่น้องหลายต่อหลายคนว่าแต่ละท่านมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไรบ้าง
ผมเป็นนักการเมืองมา 24 ปี ต่อสู้เพื่อความถูกต้องมาโดยตลอดเหมือนเป็นเสียงข้างน้อย แม้แต่ในหมู่ ส.ว. ผมก็เป็น ส.ว. เสียงข้างน้อย การจะทำอะไรนั้นไม่สามารถทำได้ถนัดนัก การสร้างแรงกระเพื่อมไม่มีเท่าที่ควร นี่คือบทเรียนที่ผมได้รับ
ผมมีโอกาสมาจัดรายการทาง ASTV นำเสนอความคิดความเห็นหลากหลาย ถูกบ้างผิดบ้าง แต่คนทั่วไปมักจะตั้งคำถามว่า ผมดีแต่วิพากษ์วิจารณ์เท่านั้นหรือไม่ และจะทำได้หรือไม่ถ้ามีโอกาส สิ่งนี้ทำให้ผมคิดหนักไม่ใช่น้อย
ประกอบกับบ้านเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ ผมจำเป็นที่จะต้องช่วงชิงพื้นที่ดึงมวลชนจากกลุ่มอำนาจเก่า ผมจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบของประชาธิปไตยนั่นคือ การเลือกตั้ง
การเลือกตั้งโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานบ้านผม มีปัจจัยที่สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรทั้งเงิน คน กลุ่มอิทธิพล หัวคะแนน การจะต่อสู้กับคนกลุ่มนี้จำเป็นที่จะต้องมีกำลังที่เท่าเทียมกัน
ทุกท่านอย่าพากันตั้งข้อรังเกียจพรรคประชาราชที่ผมเข้าร่วมเลย การเมืองมันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่าที่ท่านคิดไว้มาก และพื้นที่แต่ละพื้นที่ก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน
บางท่านผิดหวังที่ผมไม่ตั้งพรรคเทียนแห่งธรรม ผมบอกท่านได้เลยว่าผมยังมีความศรัทธาในอุดมการณ์แรงกล้าของพี่น้องพันธมิตรโดยเฉพาะบรรดายามเฝ้าแผ่นดิน
แต่ในเมื่อเวลาเริ่มนับถอยหลังอย่างนี้ ท่านจะให้ผมทำอย่างไร การตั้งพรรคไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตั้งได้ในวันสองวัน
ผมอยากจะบอกพวกท่านทั้งหลายว่า อย่าเชื่อผมแต่จงพิสูจน์ผมจากการกระทำจะดีกว่า ให้สมกับคำที่ว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
เพียงแต่ท่านเปิดใจและให้โอกาสผม
สิ่งสำคัญ ไม่ใช่อยู่ที่การเข้าสู่การเมืองเพื่อใคร แต่ต้องตอบให้ได้ว่าเมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเราจะทำอะไรได้บ้าง
การคาดหวังของประชาชน การเรียกร้องของประชาชนมีมากมาย อยู่ที่การจัดสรรและสร้างความสมดุลให้กับสังคม อย่าทำให้ประชาชนต้องรู้สึกพึ่งพาอาศัยนักการเมืองแต่ฝ่ายเดียว เราต้องสร้างภูมิต้านทานให้ประชาชนรู้เท่าทันนักการเมือง ไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอย่างที่ผ่านมา
การเรียนรู้เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเป็นหัวใจสำคัญ ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นตัวขับเคลื่อนให้การเมืองพัฒนาไปได้ ผมอยากเห็นวันนั้น วันที่การเมืองภาคประชาชนมีความเข้มแข็งและยั่งยืน วันที่ประชาชนสามารถมีพื้นที่การเมืองของเขาได้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องอาศัยนักการเมืองเป็นนอมินีเพื่อที่จะทำอะไรที่ถูกต้องให้กับตนเอง