xs
xsm
sm
md
lg

ครึ่งปีแรก'FDI'ลดกว่า8หมื่นล้าน เหตุต่างชาติไม่เชื่อมั่นรัฐบาล-ศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน-เผย 6 เดือนแรกของปี 2550 เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ)ลดลงกว่า 8 หมื่นล้าน เหตุนักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นจากภาวะเศรษฐกิจที่ลดลงและการบริหารงานภายใต้การปกครองของรัฐบาลปฏิบัติ มั่นใจปีนี้ยอดเงินยังไหลเข้าสุทธิ พร้อมทั้งคาดหากการเมืองชัดเจน เลือกตั้งเกิดในปลายปีนี้ช่วยสนับสนุนการลงทุนในปี 2551

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของไทยของปีนี้ยังคงมีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) เข้ามาลงทุนผ่านการซื้อหุ้นและลงทุนในลักษณะของการร่วมทุนกับบริษัทคนไทยในภาคเศรษฐกิจจริงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.)ที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 170,007.73 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนในลักษณะเอฟดีไอทั้งสิ้ 251,866.66 ล้านบาท หรือลดลง 81,858.93 ล้านบาท หรือลดลง 32% เนื่องจากผลของความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติที่ลดลง จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการปกครองภายใต้รัฐบาลที่มาจากการปฎิวัติเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ธปท.ยอมรับว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 การลงทุนโดยตรงจะยังไม่กระเตื้องขึ้นจากในครึ่งแรกของปีมากนัก แต่เชื่อว่าทั้งปีจะเป็นยอดเงินไหลเข้าสุทธิต่อเนื่อง เพราะในส่วนของการลงทุนโดยตรงนี้เป็นเงินลงทุนจริงในบริษัทไทยที่ไม่ได้เป็นเงินที่มาจากการเก็งกำไร และหากสถานการณ์ทางเมืองนิ่งขึ้น มีการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปี 2550 และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ จึงคาดว่าในปี 2551 การลงทุนโดยตรงจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ประเทศญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์การลงทุนในประเทศไทยทั้งสิ้น 54,784.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 33% ของยอดเงินลงทุนโดยตรงรวม อันดับ 2 สิงคโปร์ 25,162.16 ล้านบาท หรือสัดส่วน 15% แม้ว่าในปีที่ผ่านมากองทุนเทมาเสกของสิงคโปร์จะขาดทุนจากการลงทุนในไทยจำนวนมากก็ตาม อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา 21,638.15 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% และสหภาพยุโรป 15 ประเทศ ลงทุนโดยตรงในไทย 14,309.66 ล้านบาท หรือ 9% ของเงินทุนรวม ซึ่งเริ่มลดการลงทุนในไทยตั้งแต่เดือก.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย นอกเหนือจากสิงค์โปร์แล้ว ประเทศฮ่องกงมีการลงทุนโดยตรงในไทยสูงที่สุด แต่เป็นอันดับ 5 จากนักลงทุนทั่วโลก ทำให้ในช่วง 7 เดือนแรกลงทุนทั้งสิ้น 6,649.81 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 4% ขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียนที่เหลือลงทุน 2,681.51ล้านบาท หรือ 2% ของเงินลงทุนรวม

สำหรับเงินลงทุนโดยตรงที่เข้ามาในไทย 6 เดือนแรกนั้น เป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมสูงที่สุด 49% ของเงินลงทุนรวม รองลงมาเป็น เป็นการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการปล่อยกู้ และการร่วมทุน ซึ่งภาคธุรกิจนี้ได้รับความสนใจลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา จากปี 2544 มีเงินลงทุนจากต่างประเทศ เพียง 1% แต่ในครึ่งปีแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 14% ของเงินลงทุนรวม และอันดับที่ 3 เป็นเงินต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจภาคการค้า 11% ของเงินลงทุนรวม อันดับ 4 เป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทไทย 7% และเป็นการลงทุนในภาคอื่นๆที่เหลือประมาณ 19%
กำลังโหลดความคิดเห็น