ผู้จัดการรายวัน- ธุรกิจส่งออกผ้าจับมือทุนอสังหาฯจากอังกฤษ ผุดโครงการอควาลิน่า วิลล่า สไตล์รีสอร์ทโฮมสุดหรูราคา 25-38 ล้านบาท มูลค่าขาย 500 ล้านบาทบนเกาะสมุย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมเตรียมโรดโชว์ สิงคโปร์-ฮ่องกง หวังจับลูกค้านักธุรกิจไฮเอ็นด์ จ่อเปิดอีก1โครงการในย่านบ่อผุดในรูปแบบ รีสอร์ทโฮมผสมคอนโดฯโลว์ไรส์ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 300ล้านบาท
นายแจ็คกี้ รามานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์คลูซีฟ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการวิลล่า สไตล์รีสอร์ทโฮม เกาะสมุย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ธุรกิจหลักของตนคือ การส่งออกผ้าไปจำหน่ายต่างประเทศ ภายใต้ชื่อบริษัท โกดันมัล เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ทำให้มีโอกาสพบปะ นาย Habir Randerce นักธุรกิจในประเทศอังกฤษ ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปและอเมริกาฯ และยังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์ในประเทศอังกฤษ รวมทั้งยังมีหุ้นในสถาบันการเงินต่างๆในหลายประเทศ จึงชักชวนเข้ามาร่วมลงทุนในบริษัท เอ็กซ์คลูซีฟ ดีเวลลอปเมนท์ ในประเทศไทย เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในเมืองท่องเที่ยว โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ มีทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท และภายในปี 2550 จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 20-30 ล้านบาท ปัจจุบันตนถือหุ้น 90% และอีก 10% เป็นนักธุรกิจจากประเทศอังกฤษ
" หลังจากที่ได้หารือกับผู้ถือหุ้นดังกล่าวแล้ว บริษัทได้ตัดสินใจซื้อที่ดินเข้ามา2 แปลงบนเกาะสมุย โดยแปลงแรกมีพื้นที่ 10 ไร่ ติดชายหาด มูลค่าที่ดิน 45 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 4 ล้านบาท ปัจจุบันพัฒนาโครงการอควาลิน่าบ้านเดี่ยวสไตล์รีสอร์ท โฮม พื้นที่เริ่มต้น150-250 ตารางวา จำนวน 18 ยูนิต มูลค่าขายรวม 500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น25-38ล้านบาท โดยบ้านราคา25ล้านบาทในโครงการมีจำนวน5 ยูนิต ส่วนที่เหลือเป็นบ้านขนาดใหญ่ขึ้นไป ส่วนที่ดินอีกแปลงเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ราคาที่ดินประมาณ 30 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการวิลล่าสไตล์รีสอร์ทโฮมผสมกับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ มูลค่าขายไม่ต่ำกว่า 300ล้านบาท"นายแจ็คกี้กล่าว
โดยในส่วนของการออกแบบโครงการทั้งหมด ได้ว่าจ้างให้บริษัท จีแฟ็บ จำกัด เข้ามาออกแบบและวางแนวคิด(คอนเซ็ปต์)โครงการให้ทั้งหมด ส่วนด้านการบริหารการขายบริษัท ได้จ้างให้บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าดูแล้วให้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการบริการการขายโครงการประเภทรีสอร์ท และมีฐานลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ ว่าลูกค้าหลักของโครงการนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติทั้งหมด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายแจ็คกี้ รามานิ มีโครงการอยู่ในกรุงเทพฯพัฒนาในรูปแบบอพาร์ตเมนต์ บนถนนสุขุมวิท มาแล้ว 10 ปี โดยมีอพาร์ตเมนต์ที่เปิดให้บริการมี 4 แห่ง และอยู่ในระหว่างการปรับปรุงให้เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถปรับราคาค่าเช่าขึ้นได้อีกเกือบเท่าตัว จากค่าเช่าปัจจุบัน 5-6 หมื่นบาทต่อเดือน หลังปรับปรุงใหม่ ค่าบริการจะขยับขึ้นไป 1 แสนบาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศดูไบอีก1 แห่ง ซึ่งตนมีหุ้นอยู่ประมาณ 30%
นายโรเบิร์ต คอลลินส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากเปิดตัวโครงการแล้ว บริษัทมีแผนจะนำโครงการ อควาลิน่า ไปนำเสนอ(โรดโชว์)ในประเทศสิงคโปร์ และประเทศฮ่องกงต่อไป โดยคาดว่าลูกค้าของโครงการจะเป็นจากนักธุรกิจในต่างประเทศ 60% และ 40% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่อยู่ในเกาะสมุย
สำหรับความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่อเรื่องมาตรการกันสำรองเงินสด 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และเรื่องพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และปัญหาการถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ นักท่องเที่ยวและนักลงทุนยอมรับมากขึ้น และพร้อมที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว มากกว่าการซื้อสิทธิ์ขาด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหา ส่วนในเรื่องการตั้งสำรอง30% นั้นไม่ส่งผลต่อลูกค้า เนื่องจากส่วนใหญ่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยไม่ได้ซื้อเพื่อการลงทุน ในขณะเดียวกัน ตลาดท่องเที่ยวไทยถือว่าได้รับการยอมรับมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าเวียดนามและบาหลี ดังนั้น โครงการในเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทยจึงมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และภายในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทซาวิลส์ฯ มีแผนจะไปเปิดสาขาในสมุยเพิ่มอีก1สาขา ซึ่งจะทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันบริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) ยังบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ รวม 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ในรูปแบบโครงการเช่าระยะยาว แบ่งเป็น โครงการในภูเก็ต 2 โครงการ, เกาะสมุย 2 โครงการ เช่น โครงการเทวะธารา, พัทยา 2 โครงการ , เชียงใหม่ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอาซาย่า , กรุงเทพ 2 โครงการ ซึ่งยังไม่ได้เปิดตัว และกระบี่ 2 โครงการ เช่น อมตะปุระ ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 60%
นายแจ็คกี้ รามานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์คลูซีฟ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการวิลล่า สไตล์รีสอร์ทโฮม เกาะสมุย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ธุรกิจหลักของตนคือ การส่งออกผ้าไปจำหน่ายต่างประเทศ ภายใต้ชื่อบริษัท โกดันมัล เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ทำให้มีโอกาสพบปะ นาย Habir Randerce นักธุรกิจในประเทศอังกฤษ ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปและอเมริกาฯ และยังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์ในประเทศอังกฤษ รวมทั้งยังมีหุ้นในสถาบันการเงินต่างๆในหลายประเทศ จึงชักชวนเข้ามาร่วมลงทุนในบริษัท เอ็กซ์คลูซีฟ ดีเวลลอปเมนท์ ในประเทศไทย เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯในเมืองท่องเที่ยว โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ มีทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท และภายในปี 2550 จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 20-30 ล้านบาท ปัจจุบันตนถือหุ้น 90% และอีก 10% เป็นนักธุรกิจจากประเทศอังกฤษ
" หลังจากที่ได้หารือกับผู้ถือหุ้นดังกล่าวแล้ว บริษัทได้ตัดสินใจซื้อที่ดินเข้ามา2 แปลงบนเกาะสมุย โดยแปลงแรกมีพื้นที่ 10 ไร่ ติดชายหาด มูลค่าที่ดิน 45 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 4 ล้านบาท ปัจจุบันพัฒนาโครงการอควาลิน่าบ้านเดี่ยวสไตล์รีสอร์ท โฮม พื้นที่เริ่มต้น150-250 ตารางวา จำนวน 18 ยูนิต มูลค่าขายรวม 500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น25-38ล้านบาท โดยบ้านราคา25ล้านบาทในโครงการมีจำนวน5 ยูนิต ส่วนที่เหลือเป็นบ้านขนาดใหญ่ขึ้นไป ส่วนที่ดินอีกแปลงเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ราคาที่ดินประมาณ 30 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการวิลล่าสไตล์รีสอร์ทโฮมผสมกับคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ มูลค่าขายไม่ต่ำกว่า 300ล้านบาท"นายแจ็คกี้กล่าว
โดยในส่วนของการออกแบบโครงการทั้งหมด ได้ว่าจ้างให้บริษัท จีแฟ็บ จำกัด เข้ามาออกแบบและวางแนวคิด(คอนเซ็ปต์)โครงการให้ทั้งหมด ส่วนด้านการบริหารการขายบริษัท ได้จ้างให้บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าดูแล้วให้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการบริการการขายโครงการประเภทรีสอร์ท และมีฐานลูกค้าต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ ว่าลูกค้าหลักของโครงการนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติทั้งหมด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายแจ็คกี้ รามานิ มีโครงการอยู่ในกรุงเทพฯพัฒนาในรูปแบบอพาร์ตเมนต์ บนถนนสุขุมวิท มาแล้ว 10 ปี โดยมีอพาร์ตเมนต์ที่เปิดให้บริการมี 4 แห่ง และอยู่ในระหว่างการปรับปรุงให้เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถปรับราคาค่าเช่าขึ้นได้อีกเกือบเท่าตัว จากค่าเช่าปัจจุบัน 5-6 หมื่นบาทต่อเดือน หลังปรับปรุงใหม่ ค่าบริการจะขยับขึ้นไป 1 แสนบาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศดูไบอีก1 แห่ง ซึ่งตนมีหุ้นอยู่ประมาณ 30%
นายโรเบิร์ต คอลลินส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภายหลังจากเปิดตัวโครงการแล้ว บริษัทมีแผนจะนำโครงการ อควาลิน่า ไปนำเสนอ(โรดโชว์)ในประเทศสิงคโปร์ และประเทศฮ่องกงต่อไป โดยคาดว่าลูกค้าของโครงการจะเป็นจากนักธุรกิจในต่างประเทศ 60% และ 40% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่อยู่ในเกาะสมุย
สำหรับความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่อเรื่องมาตรการกันสำรองเงินสด 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และเรื่องพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าว และปัญหาการถือครองกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ นักท่องเที่ยวและนักลงทุนยอมรับมากขึ้น และพร้อมที่จะซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว มากกว่าการซื้อสิทธิ์ขาด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหา ส่วนในเรื่องการตั้งสำรอง30% นั้นไม่ส่งผลต่อลูกค้า เนื่องจากส่วนใหญ่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยไม่ได้ซื้อเพื่อการลงทุน ในขณะเดียวกัน ตลาดท่องเที่ยวไทยถือว่าได้รับการยอมรับมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าเวียดนามและบาหลี ดังนั้น โครงการในเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทยจึงมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และภายในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทซาวิลส์ฯ มีแผนจะไปเปิดสาขาในสมุยเพิ่มอีก1สาขา ซึ่งจะทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันบริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) ยังบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ รวม 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ในรูปแบบโครงการเช่าระยะยาว แบ่งเป็น โครงการในภูเก็ต 2 โครงการ, เกาะสมุย 2 โครงการ เช่น โครงการเทวะธารา, พัทยา 2 โครงการ , เชียงใหม่ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอาซาย่า , กรุงเทพ 2 โครงการ ซึ่งยังไม่ได้เปิดตัว และกระบี่ 2 โครงการ เช่น อมตะปุระ ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 60%