xs
xsm
sm
md
lg

"บรรยงค์"โชว์แผนบสก.ก้าวสู่ปีที่9 มุ่งเป็นองค์กรถาวร-เพิ่มบทบาทงานสังคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - เอ็มดีบสก."บรรยง วิเศษมงคลชัย"เผยนโยบายบสก.หลังก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 9 ระบุจะยังคงยึดมั่นที่จะเป็นองค์กรถาวรซึ่งอยู่คู่กับสถาบันการเงินในการจัดการหนี้ด้อยคุณภาพทั้งในส่วนของหนี้เอ็นพีแอล และเอ็นพีเอ อีกทั้งจะเป็นองค์กรที่เดินหน้าต่อไปโดยไม่เป็นภาระให้กับทางการ พร้อมเพิ่มบทบาทด้านสังคมเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปทุกอาชีพมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองโดยไม่มีเส้นแบ่งกั้นโอกาส ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอและเงินบาทที่แข็งค่า

โชว์ผลงานตลอด8ปีเต็ม


ตั้งแต่ บสก. ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ผลการดำเนินงานของเราดีเยี่ยมมาก โดยทีมประนอมหนี้จะให้แนวทางการประนอมหนี้แบบเพื่อสังคมมาตลอด และ เน้นการปรับโครงสร้างหนี้ที่โปร่งใส ใช้หลักการประนีประนอมบนพื้นฐานความร่วมมือระหว่าง บสก.กับลูกหนี้ เพื่อให้ได้ข้อยุติ และผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งสองฝ่าย และเรายังมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่เกิดในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ซึ่งหนี้เสียในขณะนั้นมีอยู่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท หรือ 40-50% ของสินเชื่อทั้งระบบ แต่ตอนนี้ลดลงมาอยู่ที่ 4% ก็ถือว่าน่าพอใจ

นอกจากนี้ บสก. สามารถชำระคืนหนี้จากเงินลดทุนให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้ครบถ้วนจำนวน 41,025 ล้านบาท และถ้าเทียบสถานการณ์ในปัจจุบันเชื่อว่าประเทศไทยจะไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤตเหมือนในอดีตอีก เพราะสถาบันการเงินมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และมีบทเรียนที่สำคัญคอยเตือนสติอยู่แล้ว และที่ภูมิใจที่สุดของ บสก. คือ การทำให้สินเชื่อทรัพย์ที่เกิดจากวิกฤตนั้นไม่ถูกกดราคา และทำให้ไม่มีการผูกขาดในราคาซื้อ ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกให้ตลาดเพราะเราไม่ได้ไปบังคับให้มีการซื้อขายกัน

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดสินทรัพย์รวมในปี 2542 จำนวน 42,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 78,779 ล้านบาท และมีมูลค่าตามบัญชีจากจำนวน 24.58 ในปี 2542 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 45.03 ในปีนี้ ปัจจุบัน บสก. มี เอ็นพีแอลที่อยู่ในความดูแลจำนวน 49,967 ราย คิดเป็นมูลค่า 231,016 ล้านบาท และเอ็นพีเอ จำนวน 13,265 รายการ คิดเป็นมูลค่า 40,674 ล้านบาท

โครงการเด่นช่วยลูกหนี้

สำหรับโครงการเด่น ของ บสก. ในช่วง 8 ปี ที่ผ่านมา ประกอบด้วย โครงการคืนทรัพย์ให้คุณ เป็นโครงการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ให้ได้รับหลักประกันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย หรือที่ทำกิน กลับคืนไปเร็วขึ้น ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขชำระหนี้แบบผ่อนปรน รวมทั้งโครงการบ้าน บสก. เพื่อเป็นการพัฒนาทรัพย์ให้มีม ูลค่าเพิ่ม และพร้อมอยู่พร้อมใช้ ทำให้ลูกค้ารายย่อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่ไม่สูง โครงการ BAM Premium Property ซึ่งเป็นการพัฒนาทรัพย์ที่มีศักยภาพให้ได้มาตรฐาน บสก. เช่น การปรับปรุงสภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ การตรวจเช็คซ่อมแซมระบบน้ำไฟ จัดการและป้องกันปัญหาเรื่องปลวก และการทำประกันอัคคีภัย และ บสก. ยังได้จัดโครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระ เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อทรัพย์ของ บสก.

ขณะเดียวกัน บสก. ได้ขยายช่องทางการขายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการเปิดศูนย์จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์หรือโชว์รูม ทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานต่างจังหวัดรวม 25 แห่ง เปิดทำการทุกวันไม่เว้นวันหยุด เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลการซื้อ-ขายทรัพย์มือสองของ บสก. รวมทั้งยังได้เปิดตลาดนัดบ้านมือสอง ซึ่งเป็นบริการสังคม เพื่อให้ประชาชนทั่วไปที่ต้องการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สามารถนำข้อมูลมาลงประกาศผ่าน Web Site ของ บสก. โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ก้าวต่อไปในอนาคต

การดำเนินงานในระยะต่อไป คนจะต้องรู้จัก บสก. มากขึ้นในทางที่ดี เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้เน้นกิจกรรมที่มุ่งไปสู่การช่วยเหลือสังคมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเราอยากให้องค์กรอื่นๆนั้นเดินในแนวทางเดียวกัน เพราะจะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศนี้ ซึ่งที่ผ่านมากิจกรรมทุกอย่างของ บสก.นั้นจะแฝงในเรื่องของการทำเพื่อสังคมไปด้วย เช่น ในงานฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 บสก.ได้จัดให้มีการประมูลสินทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งปี เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งของการประมูล ร่วมสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา โดยมีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา ของเด็กไทยให้ทัดเทียมกับสากล เพิ่มองค์ความรู้ให้เด็กไทยเป็นสินทรัพย์อันมีค่าของประเทศต่อไป เป็นต้น นอกจากนี้ บสก.จะเป็นองค์กรถาวรที่อยู่คู่กับสถาบันการเงิน โดยเป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการ เอ็นพีแอลและเอ็นพีเอ และเป็นองค์กรที่ทำประโยชน์ต่อสังคม มีความโปร่งใส มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งในอนาคต บสก. จะก้าวสู่การเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

เปิดโอกาสคนทุกระดับมีบ้านอยู่


โครงการซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ บสก. นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรามุ่งจะช่วยเหลือคนที่อยากมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่อาจติดขัดในแง่ของอาชีพที่จะไม่มีสลิปเงินเดือนมาเป็นเอกสารที่ใช้ในการประกอบการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยลูกค้าที่สนใจจะซื้อทรัพย์ของ บสก. และต้องการจะเข้าโครงการผ่อนชำระหนี้จะต้องซื้อทรัพย์ในราคาที่ไม่เกิน 2 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ลบ 3% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยแล้ว ตลาดบ้านมือสองที่ขายให้กับรายย่อยยังคงมีการเติบโตไปได้อีกมาก ยังมีตลาดให้เข้าไปได้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งบสก.จะยังคงยึดแนวนโยบายในการปรับปรุงสินทรัพย์ให้เป็นแบบพร้อมอยู่ต่อไป เพราะจะทำตลาดได้ดีกว่าการขายตามสภาพ

ส่วนหลักเกณฑ์ที่เราจะใช้ในการพิจารณาอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการนี้ คือ เราจะดูจากรายได้ ความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนว่าอยู่ที่เท่าไหร่ และขอให้มีความตั้งใจจริงที่อยากจะมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยอื่น ๆ เป็นของตนเอง ถึงแม้จะมีประวัติในเครดิตบูโรก็ตาม ซึ่ง บสก.ไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ว่าผู้กู้จะต้องมีรายได้ขั้นต่ำเท่าไหร่ถึงจะให้กู้และจะต้องมีอาชีพอะไร แต่จะดูว่ามีความตั้งใจจริง ๆ ถึงแม้จะเป็นอาชีพรับจ้าง พ่อค้า แม่ค้า ขับรถรับจ้าง ก็ไม่เป็น เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่สามารถขอกู้ธนาคารได้เพียงแค่ไม่มีสลิปเงินเดือนเท่านั้น แต่รายได้เขาก็มี อีกอย่างการชำระต่อเดือนเราก็คำนวณจากความสามารถที่เขาจะสามารถชำระได้ต่อเดือนว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ และถึงแม้ว่าเขาจะเบี้ยวหนี้เราก็ไม่เสียหาย เพราะทรัพย์สินนั้นยังคงเป็นของเรา เพราะไม่ได้มีการโอนเนื่องจากจะโอนให้ก็ต่อเมื่อทำการผ่อนชำระครบตามสัญญา ดังนั้นเราแทบจะไม่มีความเสี่ยงในเรื่องการเบี้ยวหนี้เลย แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีอัตราการเบี้ยวหนี้ที่น้อยมาก เพราะผู้ที่จะเข้าโครงการส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยากมีบ้านจริง ๆ เขาคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาบ้านที่เขาซื้อมาให้ถูกยึดได้และสามารถจะมาปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของเราถึงปัญหาได้ด้วย จึงเชื่อว่าลูกค้าที่เข้ามาในโครงการนี้จะเป็นลูกค้าที่ดี

แนวโน้มเอ็นพีแอลระบบ

แนวโน้มของเอ็นพีแอลนั้นมีการเพิ่มชัดเจนขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินบาทที่แข็งตัว และเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 นี้ ภาคการส่งออกสินค้าจะเริ่มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะกระทบกับประเทศไทยโดยตรง เนื่องจากเราพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างมาก ซึ่งปัญหาดังกล่าวน่าจะลามไปจนถึงในช่วงปีหน้า ส่วนเอ็นพีแอลในกลุ่มเดิมที่มีการปรับโครงสร้างหนี้เป็นปกตินั้นยังไม่ได้น่าเป็นห่วงนักหากจะกลับมาเป็นเอ็นพีแอลอีก เนื่องจากทางสถาบันการเงินมีแนวทางในการจัดการปัญหาอยู่แล้ว เพราะเคยเป็นลูกหนี้เอ็นพีแอลมาก่อน ดังนั้นปัญหาที่ทำให้กลับมาอีกครั้งจึงวิเคราะห์ถึงที่มาที่ไปได้ง่ายกว่า แต่หากเคยแก้มาหลายครั้งก็ยังกลับมาเป็นอีกจนหมดทางแก้ส่วนนี้จึงจะน่าเป็นห่วง แต่เอ็นพีแอลที่ควรระวังคือ เอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นใหม่ คือต้องพิจารณาถึงปัญหาจริง ๆ ที่ทำให้กลายเป็นเอ็นพีแอลเพราะอะไร ซึ่งการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลนี้คงจะต้องให้เวลาในการจัดการกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น