xs
xsm
sm
md
lg

โกง“ระเบิด”ส่งโจรใต้ ทหารยศ พล.ต.เอี่ยว-ขู่ฆ่า จนท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดิน วานนี้(21 ก.ย.) ในช่วงแรก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ซึ่งถือว่าจบแล้วเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดกล้าฯลงมา อีกทั้งไม่ว่าจะเป็น พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ถือว่าเป็นคนดีทั้งคู่

นายสนธิ กล่าวว่า สำหรับ พล.อ.อนุพงษ์ แม้จะเป็นนายทหารจากเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่สบายใจได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยร่วมสังฆกรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กันมาก่อน และเมื่อครั้งการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายนก็เป็นกำลังหลัก ร่วมกับ พล.อ.สพรั่ง และสำหรับ พล.อ.อนุพงษ์ ถือว่าเป็นคนสุขุมนุ่มลึก และมีความเข้มแข็งเด็ดขาด

"ถามว่า พล.อ.สพรั่งเสียใจหรือไม่ คนเรามนุษย์ทุกคนเมื่อไม่สมหวังย่อมเสียใจเป็นธรรมดา แต่เพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น และเคยพูดเสมอว่า เพื่อชาติและราชบัลลังก์ แม้มีพระบรมราชโองการให้ไปตายก็ยอม และพร้อมทำหน้าที่ต่อไป" นายสนธิ ระบุและว่า เวลานี้ทั้ง พล.อ.สพรั่งและ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่มีปัญหา แต่ที่กำลังมีปัญหาต่อไปคือ พล.อ.สนธิ ที่กำลังถูกสังคมตั้งคำถามว่า คนที่เคยร่วมรบร่วมตายกันมาทั้ง 3 คน และถามว่าทำไมต้องให้ พล.อ.สพรั่งไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม ทั้งที่เวลานี้มีรองปลัดรวมทั้งหมด 3 คน ซึ่งเป็นห้องเล็กๆ ไปนั่งตบยุง โดยคนแรก คือ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี อดีตเคยเป็นแคดิเดตเนผู้บัญชาการทหารอากาศ แต่ไปขัดขวางเรื่องการซื้อเครื่องบินซู 30 จึงถูกเด้งไปเป็นรองปลัดกลาโหม

ส่วนคนที่สอง คือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน และล่าสุดคือ พล.อ.สพรั่ง เพราะไม่อาจขยับไปไหนได้ เพราะอย่างน้อยไปเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแทน พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสียยังดีกว่า

นายสนธิ กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.สนธิ ถูกตั้งคำถามในเรื่องนี้ ทำให้ พล.อ.สนธิ ต้องออกมาพูดว่า ทั้ง พล.อ.สพรั่ง และ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ใช่วีรบุรุษบอกว่าคิดกับนายทหารยศพันเอกแค่ 2 คน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.สพรั่งเคยบอกว่า วางแผนมานานกว่า 7-8 เดือน รวมทั้งเคยไปบอกทำนองว่าให้ พล.อ.สนธิ ตัดสินใจ แต่ก็ไม่กล้า คำพูดเหล่านี้จึงไม่รู้ใครพูดจริงหรือใครพูดเท็จ

"คำพูดของ พล.อ.สนธิ ที่พูดออกมาเพื่อแก้ประเด็นกีดกัน กลั่นแกล้ง พล.อ.สพรั่ง และประเด็นต่อมาคือคำพูดที่บอกว่าตนเองไม่ได้เป็นคนเด้ง พล.อ.สพรั่งไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นเรื่องของคณะกรรมการ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเสนอโผแต่งตั้งทั้งหมด ทำให้ผมนึกถึงคำให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศที่บอกว่า พล.อ.อนุพงษ์ มือสะอาด พุดอย่างนี้แสดงว่า พล.อ.สพรั่งมือไม่สะอาดหรืออย่างไร" นายสนธิ ตั้งคำถาม

นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตคำพูดของ พล.อ.สนธิ ที่บอกว่าการตั้งผบ.ทบ.ไม่จำเป็นต้องเป็นที่พอใจของประชาชน แต่ที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะประชาชนหรือที่ไปให้กำลังใจเมื่อครั้งยึดอำนาจ หรือแม้แต่ตนเองที่อุตสาห์เดินสายไปชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ

นายสนธิ ยังระบุอีกว่า คำพูดของ พล.อ.สนธิดังกล่าวถือว่าไม่สวยงาม พร้อมทั้งย้อนอดีตเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2549 เดิมที่ไม่ได้แต่งตั้ง พล.อ.สพรั่ง เป็นผู้ช่วยผบ.ทบ. แต่ก็ทนแรงกดันไม่ไหว พร้อมทั้งระบุว่า การเป็นผู้นำต้องมีความเที่ยงธรรมและยกตัวอย่างกรณีของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ซึ่งเป็นเพื่อร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 6 จากเดิมที่เป็นผอ.สำนักข่าวกรองแล้วย้ายข้ามมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดยข้ามหัว พล.ร.อ.บรรณวิทย์ และ พล.อ.อ.ธเรศ

นาย สนธิ ตั้งข้อสังเกตว่าเวลานี้ ตั้งแต่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด จนถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ) จนถึงปลัดกระทรวงกลาโหม ล้วนเป็นเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ ทั้งสิ้น

นายสนธิ ยังได้กล่าวถึงการสืบทอดอำนาจ โดย การตั้ง พล.อ.มนตรี ไปเป้นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อรอเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดในปีหน้า

" ลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่เห็นแก่ชาติ แต่เห็นแก่พวกพ้องทั้งสิ้น ถามว่าถ้าเป็นแบบนี้มันแตกต่างจากยุคของ ทักษิณ ตรงไหน" นายสนธิ ระบุ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตุกรณีแต่งตั้งน้องเมียของ พล.อ.วินัย คือ พล.ต.สราวุธ ชลออยู่เป็นเจ้ากรมพลังงานทหาร ซึ่งมีผลประโยชน์ในแต่ละปีจำนวนมหาศาลไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท

นอกจากนี้ยังตำหนิการโยกย้าย พล.อ.ทศรฐ เมืองอ่ำ ออกจากผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก เพื่อวางตัว พล.อ.จงศักดิ์ พานิชกุล ซึ่งมีลูกสาวเป็นลูกสะใภ้ของ พล.อ.วินัย คล้ายกัยกรณีตั้งน้องเมียเป็นเจ้ากรมพลังงานทหาร ซึ่งมีผลประโยชน์มหาศาลเช่นเดียวกัน

อีกเรื่องหนึ่งที่ นายสนธิ กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.สนธิ กล่าวตอบโต้เรื่องรับเงิน 500 ล้านบาทเพื่อแลกกับวิ่งเต้นวิ่งเต้นช่วยเหลือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในคดีทุจริตซีทีเอ็กซ์ ซึ่งคำพูดดังกล่าวเหมือนการตอบโต้ตนเองทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเอ่ยชื่อใคร และที่พูดก็ไม่คิดว่าเป็นพล.อ.สนธิ แต่คำพูดของ พล.อ.สนธิ ที่ปกป้อง นายสุริยะ ที่เป็นจำเลยสังคม และเป็นจำเลยของ คตส.ถือว่าไม่สมควร อย่างไรก็ตามยืนยันว่ามีพลเอกคนหนึ่งไปวิ่งเต้นช่วยเหลือ นายสุริยะจริง โดยมีคนในคตส.คนหนึ่งเล่าให้ฟัง

นอกจากนี้นายสนธิ ยังเปิดโปงอีกว่า มีนายทหารยศพลเอกคนหนึ่งเดินสายไปรีดไถเงินนักธุรกิจบอกว่า พล.อ.สนธิ จะเป็นนายกฯขอให้ช่วยลงขันกันคนละ 5-15 ล้านบาท ซึ่งนักธุรกิจบางคนได้ให้เงินมาแล้วและมีชื่อนายทหารคนนั้นพร้อมแล้ว

**แฉ สสว.อ้างความเดือดร้อนคนใต้กินงบฯ

ต่อมานายสนธิ ได้เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ความไม่สงบของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีการฉวยโอกาสเอาความเดือดร้อนของประชาชนไปทำมาหากินอย่างฉ้อฉล โดยยกตัวอย่างโครงการถุงผ้าพระราชทาน น้อมเกล้าฯ ถวายโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และกองทัพภาคที่ 4 จึงอยากให้นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมสตรี และ รมว.อุตสาหกรรม ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะเคยเล่าให้นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รมช.อุตสาหกรรมแล้ว ไม่ให้ความสนใจ

นายสนธิกล่าวต่อว่า สสว.นั้นตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.องค์การมหาชน อยู่ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม มีผู้อำนวยการคือนางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ภรรยาของนายศักดิ์ เตชาชาญ อดีตตุลาการรัฐธรรมนูญที่มีความใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ และยืนอยู่ข้างพ.ต.ท.ทักษิณในคดีซุกหุ้นภาคแรก และนางจิตราภรณ์ได้ขึ้นเป็น ผอ.สสว.ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณ มีการทุจริตมากมาย ผ่านการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ไม่ต้องมีการประมูล แต่จ้างบริษัทที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร สสว. มีเรื่องที่ถูกกล่าวหาบางเรื่อง ถูกส่งไปที่ ปปช.แล้ว

นายสนธิ กล่าวว่า สำหรับโครงการถุงพระราชทานนั้น จะผลิตถุงผ้า 5 หมื่นถุง ในงบประมาณ 25 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจ้างแม่บ้านใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอของขังหวัดสงขลา ทำการเย็บ

ที่สำคัญคือชื่อว่า ถุงพระราชทานนี้ ไม่ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เป็นแค่การแอบอ้าง และเนื่องจากงบประมาณเกิน 20 ล้านบาท ต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหาร จึงหลีกเลี่ยงให้โครงการนี้ออกมาเป็น 2 โครงการ โครงการแรกเรียกว่า โครงการถุงผ้าพระราชทานเสริมอาชีพสร้างขวัญกำลังใจ ผลิตถุงผ้าผู้ใหญ่ 25,000 ถุง โครงการที่ 2 ถุงผ้าพระราชทานสำหรับเยาวชนเสริมอาชีพสร้างขวัญกำลังใจ ถุงผ้าเด็ก 25,000 ถุง

ข้างในถุงนี้ มีเสื้อนักเรียน 1 ตัว กางเกง หรือกระโปรงนักเรียน 1 ตัว เสื้อกันฝนเด็ก 1 ตัว ถุงอันนี้ทำทั้งหมด 50,000 ถุง ราคาจ้างทำ 500 บาท แต่ราคาที่ทำจริงในท้องตลาด 250 บาทต่อชุด จึงไม่รู้ว่าเงิน 12 หรือ 14 ล้านบาท เข้ากระเป๋าใคร

“ยิ่งไปกว่านั้น สสว.ไปตั้งบริษัทลูก แทนที่จะจ้างพี่น้องแม่บ้านที่อยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นคนตัดเย็บ แต่ไปตั้งบริษัทลูกชื่อ เอสทีพี และไปผ่านโบรกเกอร์อีกชั้นหนึ่งให้กับบริษัทชื่อ คาริต้าโอเซล คุ้นๆหน้าเหมือนเป็นบริษัทแฟชั่น ของคุณอะไรไม่รู้ ที่เป็นอดีตนางแบบเก่า”

โครงการนี้ เริ่มงานเดือนกันยายน 2548 สัญญาต้องเสร็จ กันยายน 2549 แต่ก็ล่าช้ามาจนปีนี้โดยไม่มีใครไปดำเนินการอะไร และถุงอันนี้ยังตั้งอยู่ที่กองบิน 6 ไม่ได้มีการนำไปแจกให้พี่น้องภาคใต้ เพราะไม่ได้มีการขอพระบรมราชานุญาตในการจัดทำเป็นถุงพระราชทาน แต่อ้างคำพูดนี้ อ้างสถาบันกษัตริย์เพื่อดำเนินการนี้อย่างไม่โปร่งใส

“เป็นเรื่องที่คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลในเรื่องนี้ต้องดำเนินอย่างเร่งด่วน อย่าไปดูว่าเป็นมูลค่าแค่ 25 ล้านบาท ดูเจตนาของคนที่เอาความเดือดร้อน หลักการเพื่อให้แม่บ้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีงานทำ แหม ฟังแล้วมันเท่ห์ แล้วเอาก็ชื่อว่าพระราชทาน แต่ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต วัตถุประสงค์เพื่อไปทำมาหากิน

“ประเด็นเงินที่คอร์รัปชั่นนั้น เมื่อเปรียบกับโครงการใหญ่ๆ 500-1,000 ล้าน อาจดูน้อย แต่คอร์รัปชั่นเพียงสลึงหนึ่งก็ผิด มิหนำซ้ำยังคอร์รัปชั่น อยู่บนความเดือดร้อนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างว่าไปช่วยคนเดือดร้อน สังคมต้องชอบ ยิ่งถ้าใส่คำว่าพระราชทานแล้ว ไม่มีใครตั้งข้อสงสัย แล้วยิ่งบอกว่าเอาไปจ้าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีงานทำ ทุกคนจะยิ่งปรบมือให้ แต่ต้องไปผ่านโบรกเกอร์หลายราย นี่คือโครงการยัดรับประทาน”

**โกงวัตถุระเบิด ส่งถึงมือโจรใต้

ต่อมา นายสนธิได้กล่าวถึง กรณีกระสุนและวัตถุระเบิดหายที่กองทัพว่า อาวุธที่ผู้ก่อการร้ายนำมาก่อความไม่สงบ ทำร้ายประชาชน และต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ส่วนหนึ่งมาจากอาวุธที่รั่วไหลออกไปจากทางราชการทหาร หลักฐานมีตัวอย่างชัดเจน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงงานวัตถุระเบิดคือ พล.ต.โสรัจ เพชรศิริ ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความผิดปกติของโรงงานวัตถุระเบิด

เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีข้าราชการและลูกจ้างจำนวนมาก กระทำความผิดทางอาญา ยักยอกทรัพย์ กระทำความผิดหน้าที่ตนโดยทุจริตในเรื่องดินกระสุน กระสุนวัตถุระเบิด ในโรงงานวัตถุระเบิด และมีคนเกี่ยวข้องจนถึงระดับพลตรี

“คือทุจริต ของหายไง ผลิตออกมาแล้วของหาย ไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ ก็เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโจรใต้ถึงมีอาวุธครบเครื่อง หลายครั้งก็พบว่ามาจากทางราชการเอง งานนี้ข้าราชการที่ไปตรวจสอบ ถูกขู่ฆ่า ถูกแรงกดดันให้ถอนเรื่องความอาญาในเรื่องนี้ พร้อมๆ กับมีการปกป้องคนที่กระทำผิดอย่างเป็นกระบวนการ”

“เรื่องนี้มีผลประโยชน์อย่างมหาศาล บนความตายของทหาร บนความตายของประชาชน กรกฎาคม พล.ต.โสรัจ เพชรศิริ ไปตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการสอบ กันยายน พล.ต.โสรัจ ถูกย้ายไปเป็นรองผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการวัตถุระเบิด ที่จะไปดำเนินคดีอาญากับนายทหารที่ทำความผิดเหล่านี้”นายสนธิกล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า อยากให้ พล.อ.บุญรอด รัฐมนตรีกลาโหม รวมทั้งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ลงมาดูเรื่องนี้ เพราะว่าโรงงานวัตถุระเบิด ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร อยู่ภายใต้ปลัดกระทรวงกลาโหม อย่ามัวห่วงใยในการตั้งเจ้ากรมพลังงานทหาร หรือว่าตั้งคนที่จะมาเป็นผู้อำนวยการทหารผ่านศึก หรือว่ากำลังจะวางแผนให้เพื่อนคือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

“ท่านลงมาดูเรื่องนี้ดีกว่า ท่านเป็นทหารเต็มตัวสักทีได้ไหม ผมเข้าใจดีว่าอดีตท่านเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ท่านก็เลยมีความกว้างขวางในวงการมาก เพราะ พล.อ.อาทิตย์ ไปเล่นการเมือง ท่านก็เลยอยู่ในแวดวงการเมือง ท่านรู้จักนักการเมือง รู้จักนักหนังสือพิมพ์เก่าบางคน ท่านรู้จักนักวิ่งเต้น ช่างมันเถอะครับ ทิ้งไปก่อน ท่านลงมาดูเรื่องราวที่มันเป็นของทหารจริงๆทำให้มันถูกต้อง”นายสนธิกล่าว

**หนุน “สิทธิชัย”อยู่ต่อ

นายสนธิ ได้กล่าวถึงกรณีนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีทีประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจาก ปปช.แจ้งว่าถือหุ้นในบริษัทเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ว่า นายสิทธิชัย ได้สร้างบรรทัดฐานในการเป็นนักการเมืองที่มีมารยาท ขณะที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาไทย บอกว่า ยังไงก็ไม่ออก ส่วนนางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ และจะขอปรึกษานายเกริกไกร รมว.พาณิชย์ก่อน อย่างไรก็ตาม ตนอยากมองในมุมกลับว่า อยากให้ 2 คนหลังลาออกมากกว่า เพราะนายสิทธิชัยนั้นเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้เพียงคนเดียวที่ทำงานอย่างซื่อตรง และดูแลประโยชน์ของบ้านเมืองอย่างแท้จริง เสียแต่เป็นคนหน้าบาง ส่วน รมต.คนอื่นไม่ต่อสู้เพื่อบ้านเมือง กลับเป็นคนหน้าหนา
เพราะฉะนั้น หาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขอร้องให้นายสิทธิชัยอยู่ต่อ ก็อยากให้นายสิทธิชัยอยู่เป็นรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งพวกเราประชาชนจะสนับสนุน และไม่ตำหนิท่าน
กำลังโหลดความคิดเห็น