xs
xsm
sm
md
lg

เราจะต้องเผ่ามันทิ้งไปเลยหรือไง?

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

.
ตลอดเวลาสิบกว่าวันที่ผ่านมา มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติวุ่นวายในวงการเมืองของเราค่อนข้างมาก นักการเมืองจำนวนมากที่เป็นนักการเมืองเก่าและนักคอร์รัปชันในวงการเมืองหลายท่านต่างเดินชนกันขวักไขว่และวิ่งกันวุ่นวายเพื่อพบปะตกลงกันว่า ใครและพรรคใดจะใช้ชื่ออะไร และจะรวมกันอย่างไร ใครจะต้องเป็นหัวหน้าพรรคทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่ทุกคนเต็มไปด้วยท่าทีอันภาคภูมิใจที่พร้อมจะเสนอหน้า และบอกกล่าวแก่ประชาชนว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าเขาจะทำอะไรกันต่อไป?

ทุกคนทุกพรรคจะพูดถึงความกระหายที่จะรับใช้ประเทศชาติประชาชนของตนเองอย่างเต็มปากเต็มคำ โดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าประเทศชาติคืออะไรและอยู่ที่ไหน รู้แต่เพียงว่าจะมีการเลือกตั้งและขอให้ประชาชนยินดีในการเลือกตั้งที่จะมาถึงเท่านั้นก็หมดเรื่อง

ซึ่งถ้าจะว่ากันไปแล้วก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับนักการเมืองไทยส่วนมากเกือบทุกพรรคทุกคนพฤติกรรมอันยิ่งใหญ่ทางการเมืองของเขาจะมีเพียงเท่านี้

การพูดของทุกคนจะเน้นไปที่การโกหกหลอกลวงและดื้อด้าน

แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่นักการเมืองพวกนี้จะไม่พูดถึงอย่างน้อยก็ 2 เรื่องที่เป็นเรื่องทำลายประเทศชาติและบ้านเมืองคือ (1) เรื่องการคอร์รัปชันของนักการเมืองและข้าราชการ (2) การทุ่มเทความโง่เขลา และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของบ้านเมืองที่เกิดจากคอร์รัปชันที่พยายามปิดบังซ่อนเร้นไว้โดยวิธีการต่างๆ ของนักการเมืองแม้แต่การเลือกตั้งที่จะจัดทำกันขึ้นก็จะต้องปล่อยให้ประชาชนโง่อยู่ต่อไป

ความจริง 2 ประการนี้ นักการเมืองทุกพรรคจะงดเว้นอย่างเด็ดขาดที่จะพูดถึง เพราะการคอร์รัปชันนั้นเป็นอาชีพและหน้าที่ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะเข้าไปร่วมกันทำ

ผมพร้อมที่จะยืนยันว่าเมืองไทยนั้นจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ถ้าตราบใดที่การคอร์รัปชันยังไม่ได้ล้มเลิกไปเสียอย่างเด็ดขาดแล้ว ปัญหาทุกปัญหาที่มีอยู่ในประเทศไทยจะไม่มีทางแก้ได้

ผมหมายถึงการคอร์รัปชันของนักการเมืองไทย

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (14 กันยายน 2550) ผมได้เขียนถึงปัญหาคอร์รัปชันชื่อ “อย่าแตะต้องการเมืองและนักการเมือง” ผมเขียนไว้ว่า

“ที่สุดก็คือว่าเป็นนักการเมืองไทยจะเป็นนักการเมืองที่หมดโอกาสจะทำอะไรในบ้านเมืองได้นอกจากการคอร์รัปชันทุกรูปแบบที่ทำให้บ้านเมืองฉิบหายไม่จบไม่สิ้นกันอยู่ทุกวันนี้จนต้องถึงกับปฏิวัติกันครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกคนก็รู้กันแต่เพียงว่าเมื่อมีอำนาจขึ้นมาแล้ว หน้าที่ที่จะต้องทำเพื่อบ้านเมืองและเพื่อประชาชนก็คือการคอร์รัปชันประการเดียวเท่านั้น”

เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องเขียนย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าเราจะออกรัฐธรรมนูญมาอย่างไร มีคณะกรรมการที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา และทะนุบำรุงประเทศชาติเป็นเพียงการกระทำให้เกิดแค่ “เสียงหมาหอน” เท่านั้น

เมืองไทยเป็นเมืองที่เปิดโอกาสอันกว้างขวางแก่นักการเมืองทุกคนที่มีอัจฉริยวุฒิสูง และหน้าด้านที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้

นักการเมืองไทยเท่าที่ได้พิสูจน์มาแล้วจากรัฐธรรมนูญที่ถูกฉีกทิ้งไปทุกฉบับ ทำได้อย่างเดียวในการบริหารและการปกครองคือสร้างความโง่ให้แก่ตัวเองและประชาชน

สำหรับประชาชนจะไม่รู้อะไรด้วยตนเอง หรือด้วยการศึกษาและเรียนรู้ว่าบ้านเมืองของตนเองมีสภาพอย่างไร รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนเป็นอย่างไร ก็จะพากันอยู่ไปวันๆ ใครหลอกให้เชื่ออะไรก็เชื่อ จึงมีคนพอใจที่จะเรียกว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีการศึกษาทางการเมือง

เพราะความไม่มีการศึกษานี่เอง จึงทำให้แก้ปัญหาใดๆ ไม่ได้

หน้าที่ของคนไทยในทางการเมืองจึงมีอย่างเดียว คอยเชื่อนักการเมืองที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งโดยการจ่ายเงินซื้อเสียงตามที่จะตกลงกันได้

ในระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา เรามีนักการเมืองคอร์รัปชันที่ชำนาญในการปล้นบ้านปล้นเมืองกันอย่างหนักในทุกรูปแบบ แต่จะไม่มีใครรู้กันเลยว่าบ้านเมืองนี้ถูกนักการเมืองพวกนั้นปล้นเอาไปแทบไม่มีอะไรเหลือ เมื่อถูกขับไล่ออกไปแล้วก็ปรากฏว่ามีความผิดมากมายที่ คตส.ตรวจพบว่านักการเมืองที่ว่านั้นได้ก่อกรรมทำเวรไว้กับคนไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ มุสโซลินี เมื่อนำผลการคอร์รัปชันของคนพวกนี้มาดูกัน ก็จะเห็นว่ายังมีจำนวนน้อยกว่านักการเมืองไทยที่ถูกขับไล่ออกไปแล้ว แต่ให้ตายเถอะ!,ปรากฏว่าความชั่วเหล่านี้ไม่เคยมีใครเชื่อว่าเคยเกิดขึ้นในเมืองไทย ทั้งด้านนักการเมืองหรือทางประชาชน รัฐบาลที่มาจากคณะปฏิวัติได้ประกาศความผิด 4 ข้อ ซึ่งจะต้องมีโทษหนักอย่างผู้นำปากีสถาน ญี่ปุ่น หรือนายโจเซฟ เอสตราดาแห่งฟิลิปปินส์ นักการเมืองของเขาพร้อมทั้งประชาชนไล่ออกหรือจับเข้าคุกไปภายในไม่กี่อึดใจ แต่นักการเมืองไทยกลับเห็นว่านักการเมืองประเภทนั้นจะต้องได้รับการทะนุถนอมและเอาอกเอาใจให้กลับคืนมาปกป้องเงินทองและทรัพย์สินเป็นแสนๆ ล้านที่ยังไม่ขนออกไป พร้อมกับที่ตัวหนีออกไปแล้วไม่กล้ากลับมาเมื่อศาลเรียกให้กลับ นักการเมืองไทยจะทำตรงข้ามคือ หลังจากขับไล่ออกไปแล้วไม่จัดการใดๆ กลับหาวิธีการช่วยเหลือทุกอย่างให้ได้รับการปกป้องคุ้มครองถึงที่สุดซึ่งเรียกว่าการ “สมานฉันท์” ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นขนบประเพณีทางการเมืองใหม่ของนักการเมืองไทย

เรายังจะต้องมีนักการเมืองประเภทนี้ในชาติอีกมาก

และความไม่รู้หรือความโง่เขลาของคนเหล่านั้นจะหนักหน่วงมหาศาลขนาดไหน รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจในการบริหารปกครองของเราก็จะพากันหุบปากนิ่ง และหลับใหลเหมือนไม่มีชีวิต ไม่เคยบอกให้ประชาชนทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยหรือมีอะไรผิดปกติหรือไม่!

เรื่องของเมืองไทยและคนไทยปัจจุบันนี้ ว่ากันตามจริงแล้วก็น่าเป็นห่วงมาก เพราะปัญหามากเหลือเกิน นอกจากปัญหาความล้มละลายทางศีลธรรมและสังคมอย่างไม่มีอะไรเหลือแล้วไม่ว่าจะในกลุ่มคนระดับ ฯพณฯ จนกระทั่งถึงระดับอ้ายกร๊วกต่างๆ กฎหมายทุกฉบับที่คอยทำหน้าที่นำทางไปสู่การประกอบกรรมดีก็ถูกทำลายและเหยียบย่ำ เฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายและบทบัญญัติที่เกี่ยวกับความสุจริตและความเป็นธรรมทุกประเภทจะถูกทำลายย่อยยับหมด ทุกคนพร้อมที่จะทำร้ายต่อกันและทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ปัญหาความยุ่งยากในบ้านเมือง การร่างรัฐธรรมนูญ และขนเงินแผ่นดินออกมาถลุงกันเป็นพันๆ ล้านบาท โดยสมมติกันว่าจะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้ เมืองไทยทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่มันชั่วจนไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว ตั้งแต่สร้างประเทศไทยขึ้นมากี่ร้อยกี่พันปีมาแล้ว เราพึ่งรู้พึ่งเห็นว่าแม้แต่นักเลงขนาดหมาวัดธรรมดายังสามารถขึ้นไปเตะตำรวจบนโรงพักสลบคาตีนโดยไม่แคร์ว่าบ้านเมืองมีกฎหมายและวัฒนธรรมประเพณีใดๆ สั่งสอนไว้ บ้านเมืองซึ่งมีเจ้าหน้าที่เป็นล้านๆ คนคอยรับผิดชอบกลับพากันหุบปากเงียบ!

เงียบยิ่งกว่าเป่าสากหรือผีตายซากที่ว่ากัน

ในบรรดานักการเมืองที่พยายามจัดตั้งพรรครวมพรรค คนนั้นจะรับตำแหน่งนี้ คนนี้จะรับตำแหน่งนั้นกันให้วุ่นวายไปหมด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกคนไม่รู้จะเอาอะไรมาพูด เฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาต่างๆ ทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟที่ทำลายเมืองไทยและสังคมอยู่ทุกวันนี้ ทุกคนไม่ได้พูดถึงปัญหาที่เราเผชิญอยู่ว่าจะแก้กันอย่างไร

นักการเมืองของเราจะไม่พูดไม่ชี้แจง และไม่เคยแสดงความจริงจังอะไรออกมาให้เห็นนอกจากยิ่งพูดออกมาหรือแสดงออกมาทุกคนก็ยิ่งงัดเอาความเป็นขยะทางการเมืองที่ตัวเองเคยเป็นเคยทำมาแล้วซึ่งไม่มีอะไรน่าเชื่อถือได้แม้แต่น้อย

นักการเมืองพวกนี้ ความจริงเป็นนักการเมืองที่ไม่มีอะไรใหม่และไม่ใช่ของใหม่ แม้แต่เกียรติยศชื่อเสียงหรือรูปร่างหน้าตาและความสามารถซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าความเป็นขยะทางการเมืองที่ไร้ราคาทั้งสิ้น ในสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว นักการเมืองเหล่านี้มีเวลานานพอที่จะทำอะไรที่มีค่าต่อประเทศไทยและคนไทยขึ้นมาบ้าง แต่ก็ปรากฏว่าทำกันอย่างเดียวคือประจบสอพลอ รอรับส่วนกุศล และรีดไถพรรคที่ตนเอาชื่อมาหากิน การเมืองในระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาเต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน การกอบโกยแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพรรคพวก และนักการเมืองพวกนี้ทุกคนจะไม่เคยแสดงความรังเกียจ จะไม่เคยคัดค้าน นอกจากรอคอยผลประโยชน์ที่ตนจะได้ หัวหน้าจะว่าอย่างไรทำอะไรเป็นนั่งหุบปากรอคอยการทำบุญทำทานโดยไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ในขณะนี้ เงินและการคอร์รัปชันมันดูดเลือดความเป็นคนแห้งไปหมดทั้งร่างกายและวิญญาณ

เมื่อมันเคยเป็นมาอย่างนี้จนกลายเป็นสันดาน เมื่อเลือกเข้ามาบริหารบ้านเมืองตามที่เชื่อถือการโกหกนานาประการของมัน ก็ไม่มีอะไรนอกจากเปลี่ยนชื่อพรรคเท่านั้น

นักการเมืองไทยมันก็เท่านี้เอง บ้านเมืองมันไม่ฉิบหายตอนนี้มันจะไปฉิบหายเอาเมื่อไร?

ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งที่นักการเมืองทุกคนและรัฐบาลทุกรัฐบาลทำเป็นลืมก็คือการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่เกิดขึ้นเป็นแรมปี จะมีการฆ่า การยิง การเผา ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนมุสลิมที่เคยเกิดมาแล้วในจังหวัดเหล่านั้นเมื่อ รศ. 112 หรือในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในสมัยนั้นเรามีผู้รับผิดชอบที่ไม่ชั่วและไม่ขายชาติ เรื่องที่ร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในภาคใต้ทุกวันนี้ก็แก้ไขได้โดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ เพราะในยุคนั้นไม่มีเศษขยะในบ้านเมืองเหมือนทุกวันนี้!

การเลือกตั้งครั้งนี้ เรายังจะเก็บมันไว้หรือจะเผามันทิ้งเสียเลย?
กำลังโหลดความคิดเห็น