"ประชาราช" เปิดตัวกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่วันนี้ "เสนาะ"ยังเป็นหัวหน้าพรรค "ประชัย"ประธานกรรมการบริหาร "อนงค์วรรณ" เลขาฯ "กร-จุตินันท์-ยุทธศักดิ์-การุณ"เป็นรองหัวหน้าพรรค "บรรหาร"แนะกลุ่มเพื่อแผ่นดินลดเงื่อนไขเพื่อรวตัวกันให้ได้ พร้อมคิดชื่อพรรคให้เสร็จว่า "พรรคชาติไทยอยู่ยั้งยืนยง" ด้าน"ประมวล" ดอดพบ "อภิสิทธิ์" เตรียมเข้าร่วมงานการเมืองกับ ปชป.
วานนี้ (20 ก.ย.) นายโสภณ เพชรสว่าง คณะทำงานด้านการเมือง กลุ่มมัชฌิมา เปิดเผยว่า การประชุมสามัญของพรรคประชาราช ในวันนี้ (20 ก.ย.) กลุ่มมัชฌิมาจะไปร่วมด้วย ซึ่งภายหลังจากที่ได้หารือเรื่องพื้นที่ทับซ้อนของผู้สมัคร ส.ส.ของกลุ่มมัชฌิมา และพรรคประชาราช นั้นทุกอย่างลงตัวด้วยดี โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ยอมถอย เพื่อให้การจัดสรรผู้สมัคร ส.ส. ลงตัว และยืนยันว่าในการรวมกลุ่มนั้นจะยังคงใช้ชื่อพรรคประชาราช รวมทั้งยังให้นายเสนาะ เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ซึ่งกลุ่มมัชฌิมาไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะยังหาตัวบุคคลมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ไม่ได้ และเชื่อว่าในอนาคต หากมีบุคคลที่เหมาะสมนายเสนาะ ก็จะหลีกทางให้ ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มมัชฌิมาส่วนหนึ่ง ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาราชแล้ว
นายสุวิทย์ คุณกิตติ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ทางการเมือง กล่าวว่า ในการประชุมสามัญของพรรคประชาราช วันนี้ ตนไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เพราะอยู่ต่างจังหวัด อีกทั้งงานนี้เป็นเรื่องของพรรคประชาราชเท่านั้น ส่วนสมาชิกกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ฯ คนอื่นจะไปร่วมประชุมด้วยหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบแทนได้ และในการหารือระหว่างกลุ่มมัฌชิมากับพรรคประชาราช เมื่อวันที่ 18 ก.ย.นั้น ตนก็ไม่ได้ไปร่วมด้วย เพราะติดธุระ
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงความคืบหน้าการรวมกลุ่มต่างๆให้สังกัดพรรคประชาราชว่า ตอนนี้สมาชิกกลุ่มมัชฌิมา และกลุ่มสมานฉันท์ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาราชกันเกือบครบแล้ว ส่วนการแบ่งผู้สมัคร ส.ส.นั้น ก็คืบหน้าและลงตัวไปแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ โดยพรรคคาดว่าจะมี ส.ส. 200 คน ทั้งนี้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ในวันนี้ ที่ อิมแพค เมืองทองธานี ในช่วงเวลา 09.00 น. จะมีการเปิดตัวตำแหน่งให้แกนนำกลุ่มต่างๆ นั้น ดังนี้ นายเสนาะ จะเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค มีทั้งหมด 10 คน เช่น นายกร ทัพพะรังสี นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี นายการุณ ใสงาม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นต้น ส่วนนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จะเป็นประธานคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีหน้าที่ปลดตำแหน่งต่างๆ ที่กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค
ส่วนกรรมการบริหารพรรค จะมีอีก 18 คน ขณะที่ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน จะเป็นเลขาธิการพรรค ทั้งนี้แกนนำกลุ่มต่างๆ ที่เป็น111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เช่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จะไม่เข้าร่วมงานนี้ และการประชุมพรรคในครั้งใดๆ โดยคนกลุ่มนี้จะไปประชุมนอกรอบสถานที่อื่นๆ แทน เพราะเกรงว่า หากมีคนกลุ่มนี้อยู่ในงานการประชุมพรรค พรรคอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายและโดนยุบพรรคได้
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการจับกลุ่มการเมืองในขณะนี้ว่า รู้สึกเห็นใจที่หลายกลุ่มยังรวมตัวกันไม่ได้ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมไม่รวมเป็นกลุ่มเดียว แล้วไปตั้งพรรค เดิมก็เห็นว่าจะรวมกัน ทั้งมัชฌิมา รวมใจไทย ชาติพัฒนา สมานฉันท์ ซึ่งควรจะรวมกันแบบพรรคอัมโน ของประเทศมาเลเซีย หรืออย่างแอลดีพี ของญี่ปุ่น มาอยู่เป็นพรรคเดียวกัน แล้วทำเพื่อประเทศชาติ อาจจะใช้ชื่อว่า "พรรคชาติไทยอยู่ยั้งยืนยง" ก็ได้ และแบ่งเป็นสาย แล้วต่างคนต่างหาปัจจัยมารวมกันอย่างนี้ ก็ไปได้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน ประชาราช ก็เป็นพันธมิตรกันอย่างนี้ ก็ไปได้สวยเลย
นายบรรหาร ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งในระบบสัดส่วนว่า จะมีปัญหา สร้างความวุ่นวายได้ เพราะต้องต้องหาเสียงเป็น 10 จังหวัด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลดี อีกทั้งเรื่องที่จะต้องเปิดสภาภายใน 30 วัน หลังเลือกตั้งนั้นรับรองว่ามีปัญหาอีกแน่ เพราะต้องมี ส.ส. 95 เปอร์เซ็นต์ในสภาก่อนแล้วถึงจะเปิดสภาได้ และถ้าได้ใบแดง 40 คน แล้วจะเปิดได้อย่างไร ถือเป็นเดทล็อก อีกเรื่องหนึ่ง
วานนี้ (20 ก.ย.) นายโสภณ เพชรสว่าง คณะทำงานด้านการเมือง กลุ่มมัชฌิมา เปิดเผยว่า การประชุมสามัญของพรรคประชาราช ในวันนี้ (20 ก.ย.) กลุ่มมัชฌิมาจะไปร่วมด้วย ซึ่งภายหลังจากที่ได้หารือเรื่องพื้นที่ทับซ้อนของผู้สมัคร ส.ส.ของกลุ่มมัชฌิมา และพรรคประชาราช นั้นทุกอย่างลงตัวด้วยดี โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ยอมถอย เพื่อให้การจัดสรรผู้สมัคร ส.ส. ลงตัว และยืนยันว่าในการรวมกลุ่มนั้นจะยังคงใช้ชื่อพรรคประชาราช รวมทั้งยังให้นายเสนาะ เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป ซึ่งกลุ่มมัชฌิมาไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะยังหาตัวบุคคลมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ไม่ได้ และเชื่อว่าในอนาคต หากมีบุคคลที่เหมาะสมนายเสนาะ ก็จะหลีกทางให้ ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มมัชฌิมาส่วนหนึ่ง ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาราชแล้ว
นายสุวิทย์ คุณกิตติ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ทางการเมือง กล่าวว่า ในการประชุมสามัญของพรรคประชาราช วันนี้ ตนไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เพราะอยู่ต่างจังหวัด อีกทั้งงานนี้เป็นเรื่องของพรรคประชาราชเท่านั้น ส่วนสมาชิกกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์ฯ คนอื่นจะไปร่วมประชุมด้วยหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบแทนได้ และในการหารือระหว่างกลุ่มมัฌชิมากับพรรคประชาราช เมื่อวันที่ 18 ก.ย.นั้น ตนก็ไม่ได้ไปร่วมด้วย เพราะติดธุระ
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงความคืบหน้าการรวมกลุ่มต่างๆให้สังกัดพรรคประชาราชว่า ตอนนี้สมาชิกกลุ่มมัชฌิมา และกลุ่มสมานฉันท์ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาราชกันเกือบครบแล้ว ส่วนการแบ่งผู้สมัคร ส.ส.นั้น ก็คืบหน้าและลงตัวไปแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ โดยพรรคคาดว่าจะมี ส.ส. 200 คน ทั้งนี้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ในวันนี้ ที่ อิมแพค เมืองทองธานี ในช่วงเวลา 09.00 น. จะมีการเปิดตัวตำแหน่งให้แกนนำกลุ่มต่างๆ นั้น ดังนี้ นายเสนาะ จะเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค มีทั้งหมด 10 คน เช่น นายกร ทัพพะรังสี นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี นายการุณ ใสงาม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็นต้น ส่วนนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จะเป็นประธานคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีหน้าที่ปลดตำแหน่งต่างๆ ที่กระทำการฝ่าฝืนมติพรรค
ส่วนกรรมการบริหารพรรค จะมีอีก 18 คน ขณะที่ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน จะเป็นเลขาธิการพรรค ทั้งนี้แกนนำกลุ่มต่างๆ ที่เป็น111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เช่นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ จะไม่เข้าร่วมงานนี้ และการประชุมพรรคในครั้งใดๆ โดยคนกลุ่มนี้จะไปประชุมนอกรอบสถานที่อื่นๆ แทน เพราะเกรงว่า หากมีคนกลุ่มนี้อยู่ในงานการประชุมพรรค พรรคอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายและโดนยุบพรรคได้
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการจับกลุ่มการเมืองในขณะนี้ว่า รู้สึกเห็นใจที่หลายกลุ่มยังรวมตัวกันไม่ได้ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมไม่รวมเป็นกลุ่มเดียว แล้วไปตั้งพรรค เดิมก็เห็นว่าจะรวมกัน ทั้งมัชฌิมา รวมใจไทย ชาติพัฒนา สมานฉันท์ ซึ่งควรจะรวมกันแบบพรรคอัมโน ของประเทศมาเลเซีย หรืออย่างแอลดีพี ของญี่ปุ่น มาอยู่เป็นพรรคเดียวกัน แล้วทำเพื่อประเทศชาติ อาจจะใช้ชื่อว่า "พรรคชาติไทยอยู่ยั้งยืนยง" ก็ได้ และแบ่งเป็นสาย แล้วต่างคนต่างหาปัจจัยมารวมกันอย่างนี้ ก็ไปได้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน ประชาราช ก็เป็นพันธมิตรกันอย่างนี้ ก็ไปได้สวยเลย
นายบรรหาร ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งในระบบสัดส่วนว่า จะมีปัญหา สร้างความวุ่นวายได้ เพราะต้องต้องหาเสียงเป็น 10 จังหวัด ซึ่งมันไม่ได้เป็นผลดี อีกทั้งเรื่องที่จะต้องเปิดสภาภายใน 30 วัน หลังเลือกตั้งนั้นรับรองว่ามีปัญหาอีกแน่ เพราะต้องมี ส.ส. 95 เปอร์เซ็นต์ในสภาก่อนแล้วถึงจะเปิดสภาได้ และถ้าได้ใบแดง 40 คน แล้วจะเปิดได้อย่างไร ถือเป็นเดทล็อก อีกเรื่องหนึ่ง