ผู้จัดการรายวัน – คาโอฯ ระเบิดศึกสมรภูมิครีมอาบน้ำ 2 พันล้านบาท อัดฉีด 50 ล้านบาท แตกไลน์ครีมอาบน้ำบิโอเร 5 สูตร ชูจุดขายสุขภาพผิวดี ดึงเซเลบริตี้ถ่ายทอดประสบการณ์ใช้เจาะสาวไทย สิ้นปีโค่นโชกุบุสซึรั้งบัลลังก์อันดับ 2 ครองแชร์ 10 % ลั่นเล็งก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวเอเชีย
นายชิเกรุ อูเอยาม่า ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขยายโปรดักส์ไลน์ภายใต้แบรนด์บิโอเรเป็นกลุ่มที่ 4 จากปัจจุบันมีสินค้าด้วยกัน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโฟมล้างหน้าบิโอเร ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคโดยทั่วไป ส่งผลให้มีส่วนแบ่ง 6.8% หรือเป็นอันดับ 4 ของตลาดมูลค่า 2,700 ล้านบาท กลุ่มแผ่นกำจัดสิวเสี้ยน ผลิตภัณฑ์กันแดด และล่าสุดแตกไลน์ครีมอาบน้ำบิโอเร เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงสาววัยทำงานอายุระหว่าง 20 ปีขึ้นไป
“จากความสำเร็จของการขยายไลน์ ครีมอาบน้ำบิโอเรในประเทศญี่ปุ่น ทำให้บิโอเรกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำและกลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้า ดังนั้นบิโอเรจึงรุกเปิดตัวครีมอาบน้ำในภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวในภูมิภาคนี้”
บริษัทฯได้วางงบการตลาด 50 ล้านบาท ผ่านการทำตลาดอย่างครบวงจร ผ่านการทำสื่อโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์การรักผิวในรูปแบบใหม่ โดยดึง วีเจ จ๋า - ณัฐฐาวีรนุช ทองมี เป็นพรีเซนเตอร์ และเตรียมจัดกิจกรรมทั่วประเทศ ตลอดจนกลยุทธ์ที่เปิดโอกาสให้เซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ ม.ร.ว. ศรีคำรุ้ง ยุคล, สุทัศนีย์ คุนผลิน, จตุรดา ธนะโสภณ เป็นต้น ร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ก่อนใคร สำหรับช่องทางการจำหน่ายวางครบทุกช่องทาง ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงจะขยายไปสู่มินิมาร์ต และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทั่วประเทศ
ตลาดครีมอาบน้ำมูลค่า 2,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาโต 7% จากการเปิดตัวครีมอาบน้ำบิโอเรปีนี้คาดว่าจะกระตุ้นตลาดโต 10% อย่างไรก็ตามครีมอาบน้ำยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตได้อีก โดยพบว่าคนไทยอาบน้ำ 3-4 ครั้งต่อวัน และมีเพียง 40% ที่ใช้ครีมอาบน้ำอย่างเดียว ส่วนอีก 60% ยังใช้ครีมอาบน้ำและสบู่ก้อน อีกทั้งครีมอาบน้ำกลุ่มคนเมืองยังใช้เป็นหลัก ในขณะที่ต่างจังหวัดยังใช้สบู่ก้อน ทั้งนี้คาดว่าหลังจากการเปิดตัวครีมอาบน้ำบิโอเรสิ้นปีนี้มีส่วนแบ่ง 10% หรือขึ้นเป็นอันดับสองของตลาดแทนที่ โชกุบุสซึ ซึ่งมีส่วนแบ่ง 9% บีไนซ์ 6% และลักส์ผู้นำตลาดมีส่วนแบ่ง 28-29%
ส่วนกรณีที่บริษัทคาโอประเทศญี่ปุ่น ได้ซื้อกิจการคาเนโบ ซึ่งในส่วนดังกล่าวบริษัทซื้อกิจการเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอางเท่านั้น ส่วนกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคบริษัทไม่ได้ซื้อ สำหรับภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัวลง คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมากนัก เนื่องจากเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงและสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้แก่ แอทแทค ลอรีเอะ และบิโอเร
นายชิเกรุ อูเอยาม่า ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาโอ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขยายโปรดักส์ไลน์ภายใต้แบรนด์บิโอเรเป็นกลุ่มที่ 4 จากปัจจุบันมีสินค้าด้วยกัน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มโฟมล้างหน้าบิโอเร ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคโดยทั่วไป ส่งผลให้มีส่วนแบ่ง 6.8% หรือเป็นอันดับ 4 ของตลาดมูลค่า 2,700 ล้านบาท กลุ่มแผ่นกำจัดสิวเสี้ยน ผลิตภัณฑ์กันแดด และล่าสุดแตกไลน์ครีมอาบน้ำบิโอเร เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงสาววัยทำงานอายุระหว่าง 20 ปีขึ้นไป
“จากความสำเร็จของการขยายไลน์ ครีมอาบน้ำบิโอเรในประเทศญี่ปุ่น ทำให้บิโอเรกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำและกลุ่มผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้า ดังนั้นบิโอเรจึงรุกเปิดตัวครีมอาบน้ำในภูมิภาคเอเชีย โดยตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวในภูมิภาคนี้”
บริษัทฯได้วางงบการตลาด 50 ล้านบาท ผ่านการทำตลาดอย่างครบวงจร ผ่านการทำสื่อโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์การรักผิวในรูปแบบใหม่ โดยดึง วีเจ จ๋า - ณัฐฐาวีรนุช ทองมี เป็นพรีเซนเตอร์ และเตรียมจัดกิจกรรมทั่วประเทศ ตลอดจนกลยุทธ์ที่เปิดโอกาสให้เซเลบริตี้ชื่อดัง อาทิ ม.ร.ว. ศรีคำรุ้ง ยุคล, สุทัศนีย์ คุนผลิน, จตุรดา ธนะโสภณ เป็นต้น ร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ก่อนใคร สำหรับช่องทางการจำหน่ายวางครบทุกช่องทาง ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงจะขยายไปสู่มินิมาร์ต และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทั่วประเทศ
ตลาดครีมอาบน้ำมูลค่า 2,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาโต 7% จากการเปิดตัวครีมอาบน้ำบิโอเรปีนี้คาดว่าจะกระตุ้นตลาดโต 10% อย่างไรก็ตามครีมอาบน้ำยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตได้อีก โดยพบว่าคนไทยอาบน้ำ 3-4 ครั้งต่อวัน และมีเพียง 40% ที่ใช้ครีมอาบน้ำอย่างเดียว ส่วนอีก 60% ยังใช้ครีมอาบน้ำและสบู่ก้อน อีกทั้งครีมอาบน้ำกลุ่มคนเมืองยังใช้เป็นหลัก ในขณะที่ต่างจังหวัดยังใช้สบู่ก้อน ทั้งนี้คาดว่าหลังจากการเปิดตัวครีมอาบน้ำบิโอเรสิ้นปีนี้มีส่วนแบ่ง 10% หรือขึ้นเป็นอันดับสองของตลาดแทนที่ โชกุบุสซึ ซึ่งมีส่วนแบ่ง 9% บีไนซ์ 6% และลักส์ผู้นำตลาดมีส่วนแบ่ง 28-29%
ส่วนกรณีที่บริษัทคาโอประเทศญี่ปุ่น ได้ซื้อกิจการคาเนโบ ซึ่งในส่วนดังกล่าวบริษัทซื้อกิจการเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอางเท่านั้น ส่วนกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคบริษัทไม่ได้ซื้อ สำหรับภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัวลง คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมากนัก เนื่องจากเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงและสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้แก่ แอทแทค ลอรีเอะ และบิโอเร