ข่าวคราวที่ฮือฮาในรอบสัปดาห์ นอกจากข่าวที่ชวนเวียนหัว เรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ทบ. ที่โผเปลี่ยนเป็นรายวัน
ขณะที่เขียนบทความนี้ ก็ยังไม่ประกาศเป็นทางการ คงไม่พ้นข่าวการรวมกัน ของ 1พรรค กับอีก 3 กลุ่ม ในนาม “เพื่อแผ่นดิน”
ผู้จัดการออนไลน์ พาดหัวข่าว
“ควบรวม “ประชาราช-มัชฌิมา-สมานฉันท์-กรุงเทพ 50” เป็น “พรรคเพื่อแผ่นดิน” แล้ว ขณะที่กลุ่ม “สุวัจน์-รวมใจไทย” ไม่เอาด้วยขอแยกวงไปตั้งพรรคใหม่ ด้าน “สุรเกียรติ์” ย้ำเจตนาไม่ใช่นอมินีอำนาจเก่า-สืบทอด คมช.”
ในรายละเอียด มีว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.50 เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กลุ่มการเมืองที่มาร่วมหารือเพื่อรวมตัวกันทางเมือง ได้แก่ มัชฌิมา สมานฉันท์ พรรคประชาราช กรุงเทพฯ 50 บางส่วน โดยมีการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมือง บรรยากาศมีแกนนำหลายคนได้เข้าร่วม เช่น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายเสนาะ เทียนทอง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ฯลฯ
ทั้งนี้ ผู้มาร่วมงานจะได้รับแจกเข็มกลัดที่เขียนคำว่า “เพื่อแผ่นดิน” ซึ่งจะเป็นชื่อพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่มีสโลแกนบนเวทีว่า “สร้างชาติ ธำรงศาสน์ เพื่อราชบัลลังก์”
ในงาน นายสุรเกียรติ์ แถลงย้ำเจตนาว่า เป็นเจตนารมณ์เพื่อแผ่นดิน และราชบัลลังก์ พร้อมยืนยัน ไม่ใช่นอมินีของกลุ่มอำนาจเก่า หรือเพื่อสืบทอดอำนาจ คมช.อย่างแน่นอน
อีกทั้งยังกล่าวว่า ลักษณะการทำงานทางการเมืองจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งมีตนเองรวมอยู่ในนั้นด้วย และกลุ่มที่ไม่ถูกตัดสิทธิ เพื่อขับเคลื่อนพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป โดยจะเป็นลักษณะของผู้นำร่วมกัน ขณะเดียวกันจะไม่เอาเรื่องของการนิรโทษกรรม มาเป็นประเด็นหรือเป็นเงื่อนไข อีกทั้งมีเจตนาเพื่อลดความแตกแยก แบ่งฝ่ายในบ้านเมือง เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป
ส่วน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา กล่าวแสดงความขอบคุณ นายสุรเกียรติ์ ที่ถือเป็นผู้จัดการ และผู้ประสานงานหลักอย่างเป็นทางการ ในการรวมกลุ่มเพื่อแผ่นดินขึ้น ซึ่งจะช่วยกันทำงานให้บ้านเมืองสงบสุข และร่วมกันถวายความจงรักภักดี โดยกลุ่มมัชฌิมานั้นไม่ยึดติดกับกลุ่มที่ตั้งขึ้นเดิม และพร้อมเข้าร่วมกับกลุ่มเพื่อแผ่นดินแบบไม่มีเงื่อนไข
หลังจากข่าวสารได้เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชน ที่รักใคร่กันโทร.มาจำนวนมาก พอสรุปแบ่งความเห็นเป็นสองฝ่าย ซึ่งต่างก็มีเหตุผล พอประมวลได้ดังนี้
ฝ่ายที่เบื่อหน่ายกับสังคมการเมืองไทย และอยากเห็นการเมืองบริสุทธิ์ ผุดผ่อง ก็โอดครวญ บ้างก็ระเบิดอารมณ์ ถึงขั้นด่ากราด เอากันอีกแล้ว ฝนตกขี้หมูไหล ก็มี
คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นนักรบที่เกิดขึ้น และเติบโต มีโอกาสพัฒนาการรับรู้ทางการเมืองท่ามกลางการต่อสู้กับระบอบทักษิณ
ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่เขาเหล่านั้นจะแสดงอารมณ์ที่รุนแรง
และต่อต้านอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่ บางส่วนจะมีพรรคที่ตนเองรักอยู่ในใจ หลายคนอาจชื่นชมและอยากผลักดัน ให้คุณอภิสิทธิ์ถึงฝั่งฝัน
พอเกิดขั้วการเมือง ที่มีพลังอำนาจในระดับที่สั่นสะเทือน และอาจพัฒนาเป็นคู่แข่งได้ อารมณ์ที่หงุดหงิด และขัดหูขัดตา ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่เข้าใจได้
ส่วนอีกฝ่าย
ที่มองโลกที่ชนิดที่เข้าใจปัจจุบัน ในยุคที่ทางเลือกมีอยู่อย่างจำกัด ก็มุมมองอย่างท้าทาย ว่าถ้าจริงดังประกาศ ก็พร้อมจะให้โอกาส
หลายคน รู้สึกผ่อนคลาย โล่งอก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สังคมพอมีทางออกบ้าง อยากน้อยก็มีอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีพลังพอสมควร มาคัดคานกับกลุ่ม ที่เป็นตัวแทนของคุณทักษิณ
วันเวลาข้างหน้า จะพิสูจน์จุดยืน
พี่น้องประชาชนกลุ่มหลังนี้ ส่วนใหญ่ ไม่มีพรรคสังกัด และผ่านสนามรบมาแล้วหลายยุทธการ
คนกลุ่มหลังนี้จะมีความเชื่อว่า อำนาจเป็นของประชาชน ไม่มีความคิดหวังพึ่งให้ใครมาทำแทน
วันนี้ พวกเขาเก็บทุกคำพูดของนักการเมือง จดไว้ทุกประโยค
คำที่สวยหรู ที่พรั่งพรูออกจากการสัมภาษณ์ การปราศรัย การหาเสียงใดๆ
จะเป็นดั่งโซ่ทองที่ประชาชนมอบให้
แต่วันใด ที่บรรดานักการเมืองทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน ทรยศ ต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
วันนั้นโซ่ทอง จะแปรเป็นโซ่ตรวนแห่งความชิงชัง
ด้วยกำลังที่มหาศาลของพลังและเหตุผล
โซ่ตรวนจะถูกดึงรัด แขวนคอบรรดานักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ดังที่คุณทักษิณ และอดีตทรราชหลายคนได้เจ็บปวด และเผชิญมาแล้วด้วยตนเอง
บนโลกใบนี้ สิ่งที่แน่นอน คือความไม่แน่นอน
ด้วยความโลภ ในลาภ ยศ ชื่อเสียง และเงินตรา ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของอำนาจ
คงมี นักการเมืองหลายคน ที่ไม่อาจกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ ยังคงยึดโยง หลงใหล ในอำนาจ มุ่งที่จะแสวงหาผลประโยชน์ และก้าวเดินไปสู่การเป็นทรราช ยังคงมีต่อไป เพียงแต่ว่าใครคนใด จะเป็นทรราชตัวใหม่ที่จะเดินตาม
หากนำวิธีคิด ความเชื่อเหล่านี้มาอธิบายต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า การรวมกันของบรรดานักการเมือง ที่จะเป็นพรรคเพื่อแผ่นดิน ในวันนี้
คงจะต้องตอบคำถามประชาชนอีกมาก นอกเหนือจากเจตนารมณ์ ที่ประกาศไว้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เราคงไม่ถามหรอก ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะเป็นเรื่องของท่าน
และเราคงไม่ถามหรอกว่าพรรคของท่าน จะไปปลดล็อก ปลุกผี ชุบชีวิตซาตาน นายหน้าเหลี่ยมขึ้นมา เพราะเราเชื่อว่า หลายคนที่เป็นแกนหลัก ล้วนแล้วแต่ได้รับบทเรียนทางตรง ที่แสนจะเจ็บปวดมาแล้วด้วยตนเองทั้งสิ้น
แต่ที่เราอยากเห็น อยากถาม ท่านต้องตอบให้ชัด ว่า เพื่อแผ่นดิน
แผ่นนี้หมายถึงอะไร แผ่นดินของใคร
คงไม่ใช่แผ่นดินสงฆ์
คงไม่ใช่แผ่นคลองด่าน
วันนี้ พรุ่งนี้
พรรคของท่านต้องตอบ
แผ่นดินผืนนี้เป็นของประชาชนหรือไม่
วันนี้ที่ทำกินอันเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้าย ของบรรดาเกษตรกร กำลังจะหลุดลอยไปเป็นทรัพย์ของธนาคาร ท่านจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
วันนี้พี่น้องผู้ประกอบการอาชีพอิสระ พ่อค้ารายย่อย ท่านจะให้พวกเขามีหลักประกันอย่างไร
วันนี้กระทรวงพลังงานกำลังเต้าตัวเลข อุปโลกน์ความต้องการพลังงาน เพื่อสนองตัณหาในโครงการขนาดใหญ่ โรงไฟฟ้าที่จะทำจากพลังงานสกปรกท่านจะทำอย่างไร
นิวเคลียร์ จะเอาหรือไม่?
ฯลฯ
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กของอีกร้อยคำถาม
อย่าลืมเป็นเด็ดขาด ขอย้ำเตือนบรรดานักการเมือง ว่า
เมื่อมี แผ่นดิน แผ่นดินนี้ ก็ต้องมีเจ้าของ
วันนี้เราประกาศว่า แผ่นดินนี้เป็นของเรา
พวกท่านประกาศอาสา ว่าจะทำเพื่อแผ่นดิน ก็ต้องฟังเสียงของประชาชน
และที่สำคัญ ต้องฟังเสียงของประชาชน
อย่าหลงระเริง อย่าบ้าอำนาจ อย่าดูหมิ่นถิ่นแคลนในพลังของประชาชน
พึ่งระลึกและสำเหนียกไว้ทุกลมหายใจว่าในวันใดที่ได้อำนาจ วันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงแล้ว
ประชาชนไทยได้ตื่นตัว และลุกขึ้นมาอาสาลงทุนลงแรง เป็นผู้รักษาแผ่นดิน
เพราะเราเชื่อว่า แผ่นนี้เป็นของเรา และเราคือ ยามเฝ้าแผ่นดิน
ขณะที่เขียนบทความนี้ ก็ยังไม่ประกาศเป็นทางการ คงไม่พ้นข่าวการรวมกัน ของ 1พรรค กับอีก 3 กลุ่ม ในนาม “เพื่อแผ่นดิน”
ผู้จัดการออนไลน์ พาดหัวข่าว
“ควบรวม “ประชาราช-มัชฌิมา-สมานฉันท์-กรุงเทพ 50” เป็น “พรรคเพื่อแผ่นดิน” แล้ว ขณะที่กลุ่ม “สุวัจน์-รวมใจไทย” ไม่เอาด้วยขอแยกวงไปตั้งพรรคใหม่ ด้าน “สุรเกียรติ์” ย้ำเจตนาไม่ใช่นอมินีอำนาจเก่า-สืบทอด คมช.”
ในรายละเอียด มีว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.50 เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กลุ่มการเมืองที่มาร่วมหารือเพื่อรวมตัวกันทางเมือง ได้แก่ มัชฌิมา สมานฉันท์ พรรคประชาราช กรุงเทพฯ 50 บางส่วน โดยมีการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมือง บรรยากาศมีแกนนำหลายคนได้เข้าร่วม เช่น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายเสนาะ เทียนทอง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ฯลฯ
ทั้งนี้ ผู้มาร่วมงานจะได้รับแจกเข็มกลัดที่เขียนคำว่า “เพื่อแผ่นดิน” ซึ่งจะเป็นชื่อพรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่มีสโลแกนบนเวทีว่า “สร้างชาติ ธำรงศาสน์ เพื่อราชบัลลังก์”
ในงาน นายสุรเกียรติ์ แถลงย้ำเจตนาว่า เป็นเจตนารมณ์เพื่อแผ่นดิน และราชบัลลังก์ พร้อมยืนยัน ไม่ใช่นอมินีของกลุ่มอำนาจเก่า หรือเพื่อสืบทอดอำนาจ คมช.อย่างแน่นอน
อีกทั้งยังกล่าวว่า ลักษณะการทำงานทางการเมืองจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งมีตนเองรวมอยู่ในนั้นด้วย และกลุ่มที่ไม่ถูกตัดสิทธิ เพื่อขับเคลื่อนพรรคเพื่อแผ่นดินต่อไป โดยจะเป็นลักษณะของผู้นำร่วมกัน ขณะเดียวกันจะไม่เอาเรื่องของการนิรโทษกรรม มาเป็นประเด็นหรือเป็นเงื่อนไข อีกทั้งมีเจตนาเพื่อลดความแตกแยก แบ่งฝ่ายในบ้านเมือง เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไป
ส่วน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา กล่าวแสดงความขอบคุณ นายสุรเกียรติ์ ที่ถือเป็นผู้จัดการ และผู้ประสานงานหลักอย่างเป็นทางการ ในการรวมกลุ่มเพื่อแผ่นดินขึ้น ซึ่งจะช่วยกันทำงานให้บ้านเมืองสงบสุข และร่วมกันถวายความจงรักภักดี โดยกลุ่มมัชฌิมานั้นไม่ยึดติดกับกลุ่มที่ตั้งขึ้นเดิม และพร้อมเข้าร่วมกับกลุ่มเพื่อแผ่นดินแบบไม่มีเงื่อนไข
หลังจากข่าวสารได้เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชน ที่รักใคร่กันโทร.มาจำนวนมาก พอสรุปแบ่งความเห็นเป็นสองฝ่าย ซึ่งต่างก็มีเหตุผล พอประมวลได้ดังนี้
ฝ่ายที่เบื่อหน่ายกับสังคมการเมืองไทย และอยากเห็นการเมืองบริสุทธิ์ ผุดผ่อง ก็โอดครวญ บ้างก็ระเบิดอารมณ์ ถึงขั้นด่ากราด เอากันอีกแล้ว ฝนตกขี้หมูไหล ก็มี
คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นนักรบที่เกิดขึ้น และเติบโต มีโอกาสพัฒนาการรับรู้ทางการเมืองท่ามกลางการต่อสู้กับระบอบทักษิณ
ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่เขาเหล่านั้นจะแสดงอารมณ์ที่รุนแรง
และต่อต้านอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่ บางส่วนจะมีพรรคที่ตนเองรักอยู่ในใจ หลายคนอาจชื่นชมและอยากผลักดัน ให้คุณอภิสิทธิ์ถึงฝั่งฝัน
พอเกิดขั้วการเมือง ที่มีพลังอำนาจในระดับที่สั่นสะเทือน และอาจพัฒนาเป็นคู่แข่งได้ อารมณ์ที่หงุดหงิด และขัดหูขัดตา ก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่เข้าใจได้
ส่วนอีกฝ่าย
ที่มองโลกที่ชนิดที่เข้าใจปัจจุบัน ในยุคที่ทางเลือกมีอยู่อย่างจำกัด ก็มุมมองอย่างท้าทาย ว่าถ้าจริงดังประกาศ ก็พร้อมจะให้โอกาส
หลายคน รู้สึกผ่อนคลาย โล่งอก ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สังคมพอมีทางออกบ้าง อยากน้อยก็มีอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีพลังพอสมควร มาคัดคานกับกลุ่ม ที่เป็นตัวแทนของคุณทักษิณ
วันเวลาข้างหน้า จะพิสูจน์จุดยืน
พี่น้องประชาชนกลุ่มหลังนี้ ส่วนใหญ่ ไม่มีพรรคสังกัด และผ่านสนามรบมาแล้วหลายยุทธการ
คนกลุ่มหลังนี้จะมีความเชื่อว่า อำนาจเป็นของประชาชน ไม่มีความคิดหวังพึ่งให้ใครมาทำแทน
วันนี้ พวกเขาเก็บทุกคำพูดของนักการเมือง จดไว้ทุกประโยค
คำที่สวยหรู ที่พรั่งพรูออกจากการสัมภาษณ์ การปราศรัย การหาเสียงใดๆ
จะเป็นดั่งโซ่ทองที่ประชาชนมอบให้
แต่วันใด ที่บรรดานักการเมืองทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน ทรยศ ต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
วันนั้นโซ่ทอง จะแปรเป็นโซ่ตรวนแห่งความชิงชัง
ด้วยกำลังที่มหาศาลของพลังและเหตุผล
โซ่ตรวนจะถูกดึงรัด แขวนคอบรรดานักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ดังที่คุณทักษิณ และอดีตทรราชหลายคนได้เจ็บปวด และเผชิญมาแล้วด้วยตนเอง
บนโลกใบนี้ สิ่งที่แน่นอน คือความไม่แน่นอน
ด้วยความโลภ ในลาภ ยศ ชื่อเสียง และเงินตรา ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของอำนาจ
คงมี นักการเมืองหลายคน ที่ไม่อาจกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ ยังคงยึดโยง หลงใหล ในอำนาจ มุ่งที่จะแสวงหาผลประโยชน์ และก้าวเดินไปสู่การเป็นทรราช ยังคงมีต่อไป เพียงแต่ว่าใครคนใด จะเป็นทรราชตัวใหม่ที่จะเดินตาม
หากนำวิธีคิด ความเชื่อเหล่านี้มาอธิบายต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า การรวมกันของบรรดานักการเมือง ที่จะเป็นพรรคเพื่อแผ่นดิน ในวันนี้
คงจะต้องตอบคำถามประชาชนอีกมาก นอกเหนือจากเจตนารมณ์ ที่ประกาศไว้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เราคงไม่ถามหรอก ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะเป็นเรื่องของท่าน
และเราคงไม่ถามหรอกว่าพรรคของท่าน จะไปปลดล็อก ปลุกผี ชุบชีวิตซาตาน นายหน้าเหลี่ยมขึ้นมา เพราะเราเชื่อว่า หลายคนที่เป็นแกนหลัก ล้วนแล้วแต่ได้รับบทเรียนทางตรง ที่แสนจะเจ็บปวดมาแล้วด้วยตนเองทั้งสิ้น
แต่ที่เราอยากเห็น อยากถาม ท่านต้องตอบให้ชัด ว่า เพื่อแผ่นดิน
แผ่นนี้หมายถึงอะไร แผ่นดินของใคร
คงไม่ใช่แผ่นดินสงฆ์
คงไม่ใช่แผ่นคลองด่าน
วันนี้ พรุ่งนี้
พรรคของท่านต้องตอบ
แผ่นดินผืนนี้เป็นของประชาชนหรือไม่
วันนี้ที่ทำกินอันเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้าย ของบรรดาเกษตรกร กำลังจะหลุดลอยไปเป็นทรัพย์ของธนาคาร ท่านจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
วันนี้พี่น้องผู้ประกอบการอาชีพอิสระ พ่อค้ารายย่อย ท่านจะให้พวกเขามีหลักประกันอย่างไร
วันนี้กระทรวงพลังงานกำลังเต้าตัวเลข อุปโลกน์ความต้องการพลังงาน เพื่อสนองตัณหาในโครงการขนาดใหญ่ โรงไฟฟ้าที่จะทำจากพลังงานสกปรกท่านจะทำอย่างไร
นิวเคลียร์ จะเอาหรือไม่?
ฯลฯ
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กของอีกร้อยคำถาม
อย่าลืมเป็นเด็ดขาด ขอย้ำเตือนบรรดานักการเมือง ว่า
เมื่อมี แผ่นดิน แผ่นดินนี้ ก็ต้องมีเจ้าของ
วันนี้เราประกาศว่า แผ่นดินนี้เป็นของเรา
พวกท่านประกาศอาสา ว่าจะทำเพื่อแผ่นดิน ก็ต้องฟังเสียงของประชาชน
และที่สำคัญ ต้องฟังเสียงของประชาชน
อย่าหลงระเริง อย่าบ้าอำนาจ อย่าดูหมิ่นถิ่นแคลนในพลังของประชาชน
พึ่งระลึกและสำเหนียกไว้ทุกลมหายใจว่าในวันใดที่ได้อำนาจ วันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงแล้ว
ประชาชนไทยได้ตื่นตัว และลุกขึ้นมาอาสาลงทุนลงแรง เป็นผู้รักษาแผ่นดิน
เพราะเราเชื่อว่า แผ่นนี้เป็นของเรา และเราคือ ยามเฝ้าแผ่นดิน