คนร้ายไม่สนคำประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวชั่วคราวใน 2 อำเภอยะลา แฝงเป็นผู้โดยสารรถเมล์สายปัตตานี-ยะลาก่อนแสดงตัวเป็นโจรใต้ชักปืนจ่อยิงศีรษะ อส.เสียชีวิต ก่อนกราดยิงโชเฟอร์ ผู้โดยสาร และ จนท.รัฐสาหัสอีก 5 ราย มทภ.4 เตรียมยกเลิกเคอร์ฟิว 2 อำเภอ “บันนังสตา-ยะหา” 13 ก.ย.-13 ต.ค.นี้ ช่วงถือศีลอด ขณะที่ประธาน คมช. ย้ำยกเลิกกฎอัยการจะพิจารณาจากสถานการณ์
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (10 ก.ย.) ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า เช้าวันนี้ (10) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้รายงานความคืบหน้าในการสร้างความเข้าใจกับญาติของผู้ที่ถูกควบคุมตัว ขณะนี้มีผู้ถูกควบคุมตัวและเข้ารับการอบรมด้วยความสมัครใจ 368 คน ซึ่งกองทัพได้ส่งไปฝึกอบรมอาชีพ
“แม่ทัพภาคที่ 4 ยังรายงานถึงการเตรียมการยกเลิกคำสั่งห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานเป็นการชั่วคราว (เคอร์ฟิว) ใน อ.บันนังสตา และ อ.ยะหา จ.ยะลาระหว่างวันที่ 13 กันยายน - 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาการถือศีลอด เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ปฏิบัติศาสนกิจและจะมีการเพิ่มมาตรการในการป้องกันการก่อเหตุร้ายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย”ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ยังรายงานถึงการตรวจค้นระหว่างวันที่ 4-9 กันยายนว่า สามารถควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยได้ 80 คนแบ่งเป็นบุคคลที่มีหมายจับและเป็นแกนนำสมาชิกระดับปฏิบัติการ รวมทั้งมีการยึดอาวุธ กระสุนปืน ระเบิดแสวงเครื่อง ระเบิดมือถือ เอกสารปลุกระดม และระหว่างวันที่ 6-10 ก.ย.ได้จัดทำโครงการสานสัมพันธ์กับญาตินักศึกษาพยาบาลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างญาตินักศึกษาและเจ้าหน้าที่รัฐโดยนำญาติและผู้ปกครองเดินทางไปเยี่ยมนักศึกษาพยาบาลในพื้นที่ต่างๆ
“วันนี้ นายกฯ มีกำหนดจะเดินทางไปวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพบปะและให้กำลังใจนักศึกษาพยาบาล จากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นจะเดินทางไปยังศูนย์การเรียนรู้ ค่ายวิภาวดีรังสิต เพื่อพบปะกับผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ”ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าว
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการยกเลิกกฎอัยการศึก ใน อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ในช่วงเดือนรอมฎอน ว่า จากการลงพื้นที่ภาคใต้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า ให้ยกเลิกชั่วคราวในบางพื้นที่ไปก่อน ในช่วงเดือนรอมฎอนหรือประมาณ 30 วัน หากในช่วงเวลาดังกล่าว เหตุการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็มีความเป็นไปได้ว่า จะยกเลิกเป็นการถาวร แต่ถ้ายังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอยู่ ก็จะประกาศใช้ใหม่
“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้นด้วย พื้นที่ใดจะยกเลิกหรือไม่ กองทัพจะพิจารณาจากสถานการณ์เป็นตัวตั้งไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกทั้งหมด อาจคงไว้ในบางพื้นที่ที่ยังมีความรุนแรง อำนาจการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก เป็นอำนาจการตัดสินใจของแม่ทัพภาคทุกภาค”ประธาน คมช. กล่าว
ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นรายวันโดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.วานนี้ พ.ต.ต.วิภัทร สุวรรณรัตน์ สารวัตรเวร สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งว่าคนร้ายได้ยิงเจ้าหน้าที่รัฐและผู้โดยสารเสียชีวิต 1 คน และสาหัสอีก 5 คนที่บนรถเมล์สายปัตตานี-ยะลา เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม.1 บ้านไผ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต คือ นายอาแว มูลู อายุ 52 ปี เป็น อส.ประจำอำเภอยะรัง อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.6 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ถูกที่บริเวณศีรษะหลายนัด ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 5 รายซึ่งมีทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐถูกนำส่งโรงพยาบาลยะหริ่ง 3 คน โรงพยาบาลปัตตานี 1 คน และโรงพยาบาลยะลา 1 คน คือ 1.พลทหาร สุรเชษฐ์ ลาแซ อายุ 22 ปี, 2.สิบเอกโยธิน พุ่งวงศ์ อายุ 28 ปี ทหารสังกัดร้อย ร.1611, 3.นายสักรี มะยี อายุ 28 ปี พนักงานขับรถ, 4.นายอัตนัน กาแป กับ และ 5.นางแมะซง หามะ อายุ 52 ปี
ก่อนเกิดเหตุ รถเมล์โดยสารคันดังกล่าวได้ออกจากต้นทาง จ.ปัตตานี มุ่งหน้าไป จ.ยะลาบนถนนสาย 410 โดยคนร้ายได้แฝงตัวเป็นผู้โดยสารมาในรถด้วย เมื่อถึงที่เกิดเหตุจึงได้แสดงตัวเป้นคนร้ายแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะผู้ตายหลายนัดจนเสียชีวิตคาที่เพื่อให้รถหยุด แต่โชเฟอร์ไม่ยอมหยุดจึงถูกยิงอีกราย ก่อนที่คนร้ายจะแสดงความโหดเหี้ยมกราดยิงผู้โดยสารทั้งคันดังกล่าว หลังก่อเหตุคนร้ายอีกชุดหนึ่งได้นำรถยนต์กระบะมารับผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานีด้วยว่า โรงเรียนในพื้นที่ 4 อำเภอของสำนักงานเขตการศึกษาปัตตานี เขต 3 ประกอบด้วย อ.ไม้แก่น สายบุรี ทุ่งยางแดง และกะพ้อ กว่า 70 โรง ซึ่งต้องหยุดการเรียนการสอนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากครูและนักเรียนไม่มั่นใจในความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุคนร้ายยิงครู และศึกษานิเทศก์เสียชีวิต 4 รายบาดเจ็บ 1 ราย ได้เปิดการเรียนการสอนแล้วในวานนี้ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม คืนที่ผ่านมา (9) ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนบ้านโคกสะตอ หมู่ 11 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ ซึ่งเป็นอาคารเรียนชั้นเดียว 7 ห้องเรียนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ทำให้โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน
ด้าน นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ครูมีความรู้สึกมั่นใจขึ้น หลังจากได้เข้าพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อย่างไม่เป็นทางการในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรับที่จะนำข้อเสนอของสมาพันธ์ครูฯ ไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของกองกำลังในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร โดยเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายดำเนินมาตรการตามแผนรักษาความปลอดภัยครูได้ เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
วันเดียวกันเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส สนธิกำลังทหารพราน ทหาร ฉก.33 และฝ่ายปกครองอำเภอรือเสาะกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง หลังจากวันที่ 9 ก.ย.สามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาได้ 69 ราย และส่งไปสอบขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และปล่อยตัวแล้ว 14 ราย
สำหรับวันนี้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในพื้นที่บ้านบือเจาะจือแร หมู่ 5 ต.สาวอ และคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 29 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งปืนลูกกรด ปืนลูกซองยาว ปืนพกสั้นและเครื่องกระสุนอีกหลายนัด รวมทั้งยาเวชภัณฑ์ วิทยุสื่อสารและชุดสนาม ส่ง สภ.อ.รือเสาะ เพื่อสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับเหตุไม่สงบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (10 ก.ย.) ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า เช้าวันนี้ (10) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับ พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้รายงานความคืบหน้าในการสร้างความเข้าใจกับญาติของผู้ที่ถูกควบคุมตัว ขณะนี้มีผู้ถูกควบคุมตัวและเข้ารับการอบรมด้วยความสมัครใจ 368 คน ซึ่งกองทัพได้ส่งไปฝึกอบรมอาชีพ
“แม่ทัพภาคที่ 4 ยังรายงานถึงการเตรียมการยกเลิกคำสั่งห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานเป็นการชั่วคราว (เคอร์ฟิว) ใน อ.บันนังสตา และ อ.ยะหา จ.ยะลาระหว่างวันที่ 13 กันยายน - 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาการถือศีลอด เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ปฏิบัติศาสนกิจและจะมีการเพิ่มมาตรการในการป้องกันการก่อเหตุร้ายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย”ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ยังรายงานถึงการตรวจค้นระหว่างวันที่ 4-9 กันยายนว่า สามารถควบคุมตัวบุคคลที่ต้องสงสัยได้ 80 คนแบ่งเป็นบุคคลที่มีหมายจับและเป็นแกนนำสมาชิกระดับปฏิบัติการ รวมทั้งมีการยึดอาวุธ กระสุนปืน ระเบิดแสวงเครื่อง ระเบิดมือถือ เอกสารปลุกระดม และระหว่างวันที่ 6-10 ก.ย.ได้จัดทำโครงการสานสัมพันธ์กับญาตินักศึกษาพยาบาลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างญาตินักศึกษาและเจ้าหน้าที่รัฐโดยนำญาติและผู้ปกครองเดินทางไปเยี่ยมนักศึกษาพยาบาลในพื้นที่ต่างๆ
“วันนี้ นายกฯ มีกำหนดจะเดินทางไปวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพบปะและให้กำลังใจนักศึกษาพยาบาล จากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากนั้นจะเดินทางไปยังศูนย์การเรียนรู้ ค่ายวิภาวดีรังสิต เพื่อพบปะกับผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ”ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าว
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการยกเลิกกฎอัยการศึก ใน อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ในช่วงเดือนรอมฎอน ว่า จากการลงพื้นที่ภาคใต้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า ให้ยกเลิกชั่วคราวในบางพื้นที่ไปก่อน ในช่วงเดือนรอมฎอนหรือประมาณ 30 วัน หากในช่วงเวลาดังกล่าว เหตุการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็มีความเป็นไปได้ว่า จะยกเลิกเป็นการถาวร แต่ถ้ายังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอยู่ ก็จะประกาศใช้ใหม่
“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงนั้นด้วย พื้นที่ใดจะยกเลิกหรือไม่ กองทัพจะพิจารณาจากสถานการณ์เป็นตัวตั้งไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกทั้งหมด อาจคงไว้ในบางพื้นที่ที่ยังมีความรุนแรง อำนาจการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก เป็นอำนาจการตัดสินใจของแม่ทัพภาคทุกภาค”ประธาน คมช. กล่าว
ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นรายวันโดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.วานนี้ พ.ต.ต.วิภัทร สุวรรณรัตน์ สารวัตรเวร สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งว่าคนร้ายได้ยิงเจ้าหน้าที่รัฐและผู้โดยสารเสียชีวิต 1 คน และสาหัสอีก 5 คนที่บนรถเมล์สายปัตตานี-ยะลา เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 410 ปัตตานี-ยะลา ม.1 บ้านไผ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต คือ นายอาแว มูลู อายุ 52 ปี เป็น อส.ประจำอำเภอยะรัง อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.6 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ถูกที่บริเวณศีรษะหลายนัด ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 5 รายซึ่งมีทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐถูกนำส่งโรงพยาบาลยะหริ่ง 3 คน โรงพยาบาลปัตตานี 1 คน และโรงพยาบาลยะลา 1 คน คือ 1.พลทหาร สุรเชษฐ์ ลาแซ อายุ 22 ปี, 2.สิบเอกโยธิน พุ่งวงศ์ อายุ 28 ปี ทหารสังกัดร้อย ร.1611, 3.นายสักรี มะยี อายุ 28 ปี พนักงานขับรถ, 4.นายอัตนัน กาแป กับ และ 5.นางแมะซง หามะ อายุ 52 ปี
ก่อนเกิดเหตุ รถเมล์โดยสารคันดังกล่าวได้ออกจากต้นทาง จ.ปัตตานี มุ่งหน้าไป จ.ยะลาบนถนนสาย 410 โดยคนร้ายได้แฝงตัวเป็นผู้โดยสารมาในรถด้วย เมื่อถึงที่เกิดเหตุจึงได้แสดงตัวเป้นคนร้ายแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะผู้ตายหลายนัดจนเสียชีวิตคาที่เพื่อให้รถหยุด แต่โชเฟอร์ไม่ยอมหยุดจึงถูกยิงอีกราย ก่อนที่คนร้ายจะแสดงความโหดเหี้ยมกราดยิงผู้โดยสารทั้งคันดังกล่าว หลังก่อเหตุคนร้ายอีกชุดหนึ่งได้นำรถยนต์กระบะมารับผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานีด้วยว่า โรงเรียนในพื้นที่ 4 อำเภอของสำนักงานเขตการศึกษาปัตตานี เขต 3 ประกอบด้วย อ.ไม้แก่น สายบุรี ทุ่งยางแดง และกะพ้อ กว่า 70 โรง ซึ่งต้องหยุดการเรียนการสอนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากครูและนักเรียนไม่มั่นใจในความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุคนร้ายยิงครู และศึกษานิเทศก์เสียชีวิต 4 รายบาดเจ็บ 1 ราย ได้เปิดการเรียนการสอนแล้วในวานนี้ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม คืนที่ผ่านมา (9) ได้เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงโรงเรียนบ้านโคกสะตอ หมู่ 11 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ ซึ่งเป็นอาคารเรียนชั้นเดียว 7 ห้องเรียนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ทำให้โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน
ด้าน นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ครูมีความรู้สึกมั่นใจขึ้น หลังจากได้เข้าพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) อย่างไม่เป็นทางการในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรับที่จะนำข้อเสนอของสมาพันธ์ครูฯ ไปปรับปรุงการปฏิบัติงานของกองกำลังในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร โดยเชื่อมั่นว่าหากทุกฝ่ายดำเนินมาตรการตามแผนรักษาความปลอดภัยครูได้ เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
วันเดียวกันเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส สนธิกำลังทหารพราน ทหาร ฉก.33 และฝ่ายปกครองอำเภอรือเสาะกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง หลังจากวันที่ 9 ก.ย.สามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาได้ 69 ราย และส่งไปสอบขยายผลที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และปล่อยตัวแล้ว 14 ราย
สำหรับวันนี้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในพื้นที่บ้านบือเจาะจือแร หมู่ 5 ต.สาวอ และคุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 29 ราย พร้อมของกลางจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งปืนลูกกรด ปืนลูกซองยาว ปืนพกสั้นและเครื่องกระสุนอีกหลายนัด รวมทั้งยาเวชภัณฑ์ วิทยุสื่อสารและชุดสนาม ส่ง สภ.อ.รือเสาะ เพื่อสอบสวนขยายผลเกี่ยวกับเหตุไม่สงบ