ทิปโก้ เอฟแอนด์บี ร่วมทุน ซันโทรี่ อาศัยความแข็งแกร่งพอร์ตโฟลิโอ ขยายธุรกิจเครื่องดื่มสุขภาพอาเซียน ทุ่ม 1,200 ล้านบาท ผุดโรงงานแห่งใหม่กำลังผลิต 140 ล้านลิตร จ่อคิวผลิตฟังก์ชันนัลดริงก์แดนปลาดิบลุยกลางปีหน้านี้ หวังรายได้ 3 ปี จาก 1,500 ล้านบาท แตะ 3,500 ล้านบาท เทคโอเวอร์บริษัททีเอสเค แตกธุรกิจปลูกสมุนไพรพื้นที่ 8,000 ไร่ หวังนำวัตถุดิบป้อนตลาดยา-เครื่องสำอาง
นางอนุรัตน์ เทียมทัน ประธานกรรมการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ตราทิปโก้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่ตกลงให้บริษัท ซันโทรี่ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด หรือบริษัทลูกในสัดส่วนถือหุ้น 50:50 โดยซันโทรี่เข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือทิปโก้ มูลค่าหุ้นราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมานี้
การร่วมทุนครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั้งในประเทศและในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัท จะผนึกกำลังทางธุรกิจด้านการสร้างแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยทิปโก้มีจุดแข็งสินค้าประเภทน้ำผลไม้และเครื่องดื่มธัญพืชในกล่องยูเอชที ปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 46% ในน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 3,000 ล้านบาท ส่วนซันโทรี่โดดเด่น ด้านเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและชาในขวดเพ็ทแบบปลอดเชื้อ และมีดีกรีเป็นผู้นำเครื่องดื่มเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น
สำหรับการดำเนินธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 โครงสร้างหลัก หากเป็นกลุ่มน้ำผลไม้ทิปโก้ น้ำแร่ และเครื่องดื่มธัญญาพืช ใช้ภายใต้แบรนด์ทิปโก้ ส่วนซันโทรี่จะเข้ามาทำตลาดชาพร้อมดื่มและฟังก์ชันนัลซอฟต์ดริงก์ ซึ่งในส่วนนี้จะใช้แบรนด์ของซันโทรี่หรือเป็นแบรนด์ใหม่ โดยตลาดที่บริษัทจะมุ่งเน้นในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย เนื่องจากมีประชากรเป็นจำนวนมาก จากประชากรอาเซียนทั้งหมด 540 ล้านคน ซึ่งในตลาดเครื่องดื่มสุขภาพในอาเซียนยังไม่มีผู้ครองตลาดอย่างชัดเจน
“ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งออกน้ำผลไม้ทิปโก้ไปยัง อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ลาว ฯลฯ ผ่านตัวแทนจำหน่าย แต่ไม่ได้ทำตลาดจริงจัง หลังจากการร่วมทุนบริษัทวางงบ 5-8 % ของยอดขายในการทำตลาด โดยจะรุกตลาดอาเซียนในปีหน้านี้ อย่างไรก็ตามการร่วมทุนในครั้งนี้บริษัทยังได้ประโยชน์ด้านภาษีอาฟต้าที่ภายใน 5 ปี ลดลงเหลือ 0% ส่วนซันโทรี่ก็วางแผนที่จะนำน้ำผลไม้ทิปโก้ไปทำตลาดในญี่ปุ่นเพิ่มเติมด้วย”
**ทุ่ม 1.2พันล้านผุดโรงงานใหม่***
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัททุ่มงบ 1,200 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังผลิต 140 ล้านลิตรต่อปี มากกว่าโรงงานที่ประจวบขีรีขันธ์ 3 เท่าตัว หรือ 40 ล้านลิตรต่อปี สำหรับโรงงานแห่งใหม่ ผลิตสินค้าป้อนตลาดภายในประเทศและในอาเซียน ส่วนโรงงานเดิมจะผลิตสินค้าสัปรดกระป๋อง ฯลฯ เพื่อส่งออกไปยังโซนอื่นในต่างประเทศ ทั้งนี้ฟังก์ชันนัลดริงก์รูปขวดเพ็ทจะเริ่มผลิตและเปิดตัวลงในตลาดภายใน 12 เดือนนี้ หรือในช่วงกลางปีหน้านี้
บริษัทยังได้เข้าไปซื้อบริษัททีเอสเค ซึ่งมีโรงงานด้านสกัดสมุนไพร สถานที่วิจัยและพัฒนา และพื้นที่ปลูกพืชร่วม 7,000-8,000 ไร่ ที่ จ.ประจวบขีรีขันธ์ ทั้งนี้เพื่อผลิตวัตถุดิบป้อนให้กับธุรกิจยาและเครื่องสำอางในอนาคต ขณะเดียวกันยังใช้พื้นที่ดังกล่าวปลูกผลไม้ อีกทั้งซันโทรี่ก่อนหน้านี้ได้ทดลองปลูกดอกไม้พรรณใหม่ สำหรับผลประกอบการในปีนี้โดยบริษัทตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 3,702 ล้านบาท ทั้งนี้จากการร่วมทุนในปีหน้านี้จะผลักดันให้กลุ่มเครื่องดื่มเติบโตเพิ่มจาก 20-30% เป็น 40%
**ซันโทรี่หวัง3ปียอดF&B 3,000 ล.**
นายฮง ซิก ปาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายต่างประเทศผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหาร บริษัท ซันโทรี่ จำกัด กล่าวว่า ซันโทรี่มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทุนกับทิปโก้ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้คุณภาพสูงและเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอลล์ และประการสำคัญมีไลน์สินค้าที่ในพอร์ตโฟลิโอของซันโทรี่ไม่มี ซึ่งเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าการร่วมทุนดังกล่าวภายใน 3 ปีข้างหน้านี้จะผลักดันรายได้บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด มีรายได้จาก 1,500 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท
นางอนุรัตน์ เทียมทัน ประธานกรรมการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ตราทิปโก้ เปิดเผยว่า บริษัทแม่ตกลงให้บริษัท ซันโทรี่ ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุนบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด หรือบริษัทลูกในสัดส่วนถือหุ้น 50:50 โดยซันโทรี่เข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือทิปโก้ มูลค่าหุ้นราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งได้ลงนามสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมานี้
การร่วมทุนครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั้งในประเทศและในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัท จะผนึกกำลังทางธุรกิจด้านการสร้างแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยทิปโก้มีจุดแข็งสินค้าประเภทน้ำผลไม้และเครื่องดื่มธัญพืชในกล่องยูเอชที ปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 46% ในน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 3,000 ล้านบาท ส่วนซันโทรี่โดดเด่น ด้านเครื่องดื่มเสริมสุขภาพและชาในขวดเพ็ทแบบปลอดเชื้อ และมีดีกรีเป็นผู้นำเครื่องดื่มเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น
สำหรับการดำเนินธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 โครงสร้างหลัก หากเป็นกลุ่มน้ำผลไม้ทิปโก้ น้ำแร่ และเครื่องดื่มธัญญาพืช ใช้ภายใต้แบรนด์ทิปโก้ ส่วนซันโทรี่จะเข้ามาทำตลาดชาพร้อมดื่มและฟังก์ชันนัลซอฟต์ดริงก์ ซึ่งในส่วนนี้จะใช้แบรนด์ของซันโทรี่หรือเป็นแบรนด์ใหม่ โดยตลาดที่บริษัทจะมุ่งเน้นในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย เนื่องจากมีประชากรเป็นจำนวนมาก จากประชากรอาเซียนทั้งหมด 540 ล้านคน ซึ่งในตลาดเครื่องดื่มสุขภาพในอาเซียนยังไม่มีผู้ครองตลาดอย่างชัดเจน
“ที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งออกน้ำผลไม้ทิปโก้ไปยัง อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ลาว ฯลฯ ผ่านตัวแทนจำหน่าย แต่ไม่ได้ทำตลาดจริงจัง หลังจากการร่วมทุนบริษัทวางงบ 5-8 % ของยอดขายในการทำตลาด โดยจะรุกตลาดอาเซียนในปีหน้านี้ อย่างไรก็ตามการร่วมทุนในครั้งนี้บริษัทยังได้ประโยชน์ด้านภาษีอาฟต้าที่ภายใน 5 ปี ลดลงเหลือ 0% ส่วนซันโทรี่ก็วางแผนที่จะนำน้ำผลไม้ทิปโก้ไปทำตลาดในญี่ปุ่นเพิ่มเติมด้วย”
**ทุ่ม 1.2พันล้านผุดโรงงานใหม่***
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัททุ่มงบ 1,200 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังผลิต 140 ล้านลิตรต่อปี มากกว่าโรงงานที่ประจวบขีรีขันธ์ 3 เท่าตัว หรือ 40 ล้านลิตรต่อปี สำหรับโรงงานแห่งใหม่ ผลิตสินค้าป้อนตลาดภายในประเทศและในอาเซียน ส่วนโรงงานเดิมจะผลิตสินค้าสัปรดกระป๋อง ฯลฯ เพื่อส่งออกไปยังโซนอื่นในต่างประเทศ ทั้งนี้ฟังก์ชันนัลดริงก์รูปขวดเพ็ทจะเริ่มผลิตและเปิดตัวลงในตลาดภายใน 12 เดือนนี้ หรือในช่วงกลางปีหน้านี้
บริษัทยังได้เข้าไปซื้อบริษัททีเอสเค ซึ่งมีโรงงานด้านสกัดสมุนไพร สถานที่วิจัยและพัฒนา และพื้นที่ปลูกพืชร่วม 7,000-8,000 ไร่ ที่ จ.ประจวบขีรีขันธ์ ทั้งนี้เพื่อผลิตวัตถุดิบป้อนให้กับธุรกิจยาและเครื่องสำอางในอนาคต ขณะเดียวกันยังใช้พื้นที่ดังกล่าวปลูกผลไม้ อีกทั้งซันโทรี่ก่อนหน้านี้ได้ทดลองปลูกดอกไม้พรรณใหม่ สำหรับผลประกอบการในปีนี้โดยบริษัทตั้งเป้า 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา 3,702 ล้านบาท ทั้งนี้จากการร่วมทุนในปีหน้านี้จะผลักดันให้กลุ่มเครื่องดื่มเติบโตเพิ่มจาก 20-30% เป็น 40%
**ซันโทรี่หวัง3ปียอดF&B 3,000 ล.**
นายฮง ซิก ปาร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายต่างประเทศผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและอาหาร บริษัท ซันโทรี่ จำกัด กล่าวว่า ซันโทรี่มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทุนกับทิปโก้ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้คุณภาพสูงและเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอลล์ และประการสำคัญมีไลน์สินค้าที่ในพอร์ตโฟลิโอของซันโทรี่ไม่มี ซึ่งเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจซึ่งกันและกัน ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าการร่วมทุนดังกล่าวภายใน 3 ปีข้างหน้านี้จะผลักดันรายได้บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด มีรายได้จาก 1,500 ล้านบาท เพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท