มท.1 ออกลายโยกย้ายผู้ว่าฯ พื้นที่สีเขียว ที่โหวตรับร่าง รธน.เป็นอันดับหนึ่งอย่าง จ.ชุมพร ถูกจับยัดกรุ ส่วนผู้ว่าฯ พื้นที่สีแดง หน้าบานได้คุมจังหวัดที่ใหญ่ขึ้น อีกส่วนหนึ่งย้ายสลับจังหวัดในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ขณะที่ ผวจ.ศรีสะเกษ คนใหม่กำลังถูก ป.ป.ช.สอบฮั้วประมูล “อารีย์” อ้างยึดอาวุโส-ความสามารถ ไม่มีแบ่งสี-แบ่งค่าย ปัด คมช.ล้วงลูก “อดิศร” ได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กฟภ. กินเงินเดือนกว่า 4 แสน “ศิริพล” อธิบดีธงฟ้า ราคาประหยัด ได้นั่งปลัดพาณิชย์
เมื่อวานนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติแต่งตั้ง และโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงต่างๆ ตามที่ต้นสังกัดได้เสนอ โดยกระทรวงมหาดไทย จะได้รับความสนใจมากที่สุด เนื่องจากเป็นการโยกย้ายข้าราชการ ระดับ 9 และ 10 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรองผู้ว่าฯ และผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวง มหาดไทยเสนอ จำนวน 38 ตำแหน่ง ดังนี้
1. นายชนินทร์ บัวประเสริฐ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.นครสวรรค์ ไปเป็น ผจว.นครปฐม 2.นายกวี กิติสถาพร พ้นจากตำแหน่ง ผจว.กาฬสินธุ์ ไปเป็น ผจว.นครสวรรค์ 3.นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.อ่างทอง ไปเป็น ผจว.เชียงใหม่ 4.นายสุวัฒน์ ตันประวัติ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.ชุมพร ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 5.นายมานิต วัฒนเสน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ไปเป็น ผจว.ชุมพร
6.นายอธิคม สุพรรรณพงศ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.แพร่ ไปเป็นผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง 7.นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.ศรีสะเกษ ไปเป็นผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง 8.นายประจักษ์ สุวรรณภักดี พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ไปเป็น ผจว.จันทบุรี 9.นายสุธี มากบุญ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.อุบลราชธานี ไปเป็น ผจว.นครราชสีมา 10.นายขวน ศิรินันทร์พร พ้นจากตำแหน่ง ผจว.มหาสารคาม ไปเป็น ผจว.อุบลราชธานี
11.นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.อุตรดิตถ์ ไปเป็น ผจว.พิษณุโลก 12.นายดิเรก ก้อนกลีบ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.แม่ฮ่องสอน ไปเป็น ผจว.ลำปาง 13.นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา พ้นจากตำแหน่ง ผจว.สมุทรสงคราม ไปเป็น ผจว.สมุทรสาคร 14.นายวินัย บัวประดิษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.พังงา ไปเป็น ผจว.สุราษฏร์ธานี 15.นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.เชียงราย ไปเป็นรองอธิบดีกรมการปกครอง
16.นายปรีชา กมลบุตร พ้นจากตำแหน่ง ผจว.สกลนคร มาเป็น ผจว.เชียงราย 17.นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.หนองบัวลำภู ไปเป็น ผจว.สกลนคร 18.นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.ชัยภูมิ ไปเป็นรองอธิบดีกรมการปกครอง
ระดับ 9 ขึ้นระดับ 10
1.นายประชา จิตสุทธิผล พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.นครราชสีมา ไปเป็น ผจว.กาฬสินธุ์ 2.นายศุทธนะ ธีวีระปัญญา พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ลพบุรี ไปเป็น ผจว.อ่างทอง 3.ว่าที่ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ประจวบคีรีขันธ์ ไปเป็น ผจว.แพร่ 4.นายเสนีย์ จิตตเกษม พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.อุบลราชธานี ไปเป็น ผจว.ศรีสะเกษ 5.นายทองทวี พิมเสน พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ระยอง ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักปลัดกระทรวง
6.นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ชลบุรี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักปลัดกระทรวง 7.นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.อุทัยธานี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 8.นายวิญญู ทองสกุล พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.สุราษฏร์ธานี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 9.นายแก่นเพชร ช่วงรังษี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.สมุทรสาคร ไปเป็น ผจว.ตราด 10.นายรังสรรค์ เพียรอดวงษ์ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.มหาสาคาม ไปเป็น ผจว.มหาสารคาม
11.นางพรรณี แก่นสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ปัตตานี ไปเป็น ผจว.ปราจีนบุรี 12.นายธวัชชัย ฟักอังกูร พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปเป็น ผจว.อุตรดิตถ์ 13.นายปราณีต บุญมี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ขอนแก่น ไปเป็น ผจว.มุกดาหาร 14.นายจารุพงศ์ พลเดช พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ไปเป็น ผจว.ลพบุรี 15.นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.เชียงใหม่ ไปเป็น ผจว.แม่ฮ่องสอน
16.นายมานิตย์ มกรพงศ์ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.หนองคาย ไปเป็น ผจว.เลย 17.ว่าที่ ร.ต.โอภาส เศวตมณี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.เพชรบุรี ไปเป็น ผจว.สมุทรสงคราม 18.นายวิชัย ไพรสงบ พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็น ผจว.พังงา 19.นายเดชา ตันติยวรงค์ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.กาฬสินธุ์ ไปเป็น ผจว.หนองบัวลำภู 20.นายถาวร พรหมมีชัย พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.พระนครศรีอยุธยา ไปเป็น ผจว.ชัยภูมิ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 เป็นต้นไป
ครม.ยังได้อนุมัติตามที่ กระทรวงมหาดไทยเสนอให้แต่งตั้งนายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กฟภ. โดยให้รับค่าตอบแทนเดือนละ 442,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. 50 เป็นต้นไป
ผู้ว่าฯ พื้นที่สีแดงได้เฮ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย จะเสนอรายชื่อแต่งตั้ง โยกย้ายให้ที่ประชุมครม. พิจารณาอนุมัตินั้น มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการลงโทษผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สีแดง หรือ จังหวัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติไม่รับร่างร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ แต่ผลปรากฏว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คาดกัน เช่น นายสุวัฒน์ ตันประวัติ ผวจ.ชุมพร ซึ่งเป็นจังหวัดที่ประชาชนไปลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญมากที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ แต่กลับถูกย้ายเข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจฯ ซึ่งนายสุวัฒน์ อ้างว่าตนเสนอขอย้ายไปเป็นผู้ตรวจฯ เอง ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวซักว่า มีเหตุผลอะไรจึงอยากเป็นผู้ตรวจฯ เพราะแทบจะไม่มีบทบาทหน้าที่อะไร นายสุวัฒน์ กลับตอบกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม คุณอย่ามาถาม”
ขณะเดียวกันมีหลายจังหวัดที่มีการลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ผู้ว่าฯ กลับได้รับการยกระดับให้ไปรับผิดชอบจังหวัดที่ใหญ่ขึ้น เช่น นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.มหาสารคาม ย้ายไปเป็น ผวจ.อุบลราชธานี นายสุธี มากบุญ ผวจ.อุบลราชธานี ไปเป็นผวจ.นครราชสีมา นายปรีชา กมลบุตร ผวจ. สกลนคร ซึ่งก็เป็นจังหวัดที่ประชาชนลงประมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ได้ไปเป็น ผวจ.เชียงราย ซึ่งก็เป็นจังหวัดที่มีการลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเช่นกัน
สำหรับพื้นที่สีแดง ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะถูกโยกย้าย หรือลดชั้นลงนั้น ประกอบไปด้วย นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล ผวจ.ศรีสะเกษ และนายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผวจ.แพร่ ก็เข้ามาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ส่วนนายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงราย นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ผวจ.ชัยภูมิ กลับได้ไปเป็นรองอธิบดีกรมปกครอง และเป็นที่น่าสังเกตว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีการสลับจังหวัดในพื้นที่ที่ใกล้เคียงกัน
ส่วนนายเสนีย์ จิตตเกษม รองผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ไปเป็นผวจ.ศรีสะเกษ ก็มีรายงานข่าวจาก ป.ป.ช. ว่า นายเสนีย์เคยถูกร้องเรียนสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รอง ผวจ.สุรินทร์ เรื่อง ฮั้วประมูลก่อสร้างที่ทำการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.
ยัน คมช.ไม่ได้ล้วงลูก
ด้าน นายอารีย์ วงศ์อารยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. เคยมาทานด้วยกันที่กระทรวงมหาดไทยหลายครั้ง แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องโยกย้าย ไม่มีการเข้ามาล้วงลูก หรือก้าวก่าย ซึ่งตำแหน่งต่างๆ ก็เป็นไปตามครรลองและความเหมาะสม โดยมีรอง ผวจ.ที่มีความอาวุโส 10 คน ได้ขึ้นมาแทน เพราะถูกดองมาตั้งแต่ปี 44 ทั้งที่เป็นผู้มีความสามารถ
“ในการพิจารณาต้องมองถึงอนาคตด้วย เพราะ ผวจ.ต้องเป็นผู้มีความสามารถ แต่อายุไม่มาก ไม่ใช่ดำรงตำแหน่ง 2 ปีแล้วเกษียณ ถ้าเราไม่เตรียมอนาคตก็จะไม่มีคนเข้ามาทำหน้าที่”รมว.มหาดไทย กล่าว และว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีสัดส่วนของสิงห์ดำ และสิงห์แดงในจำนวนใกล้เคียงกันโดยพิจารณาจากความอาวุโส และความเหมาะสมเป็นหลัก
“บางคนเป็น ผวจ.ที่ดีไม่ได้ ก็ให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นๆ และการที่สิงห์แดงไปเป็นผู้ตรวจราชการ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกมาอีกไม่ได้ เพียงแต่ให้มาพักผ่อนสักหน่อย จากนั้นค่อยกลับไปเป็น ผวจ. หรืออยู่ตำแหน่งอื่นอีกครั้งได้ ไม่มีปัญหา”รมว.มหาดไทย กล่าว
นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คมช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่ง ผวจ. เพียงแต่ได้ให้คำแนะนำมาบ้าง แต่การตัดสินใจหลักๆ มาจากมหาดไทยเอง
แต่งตั้ง ขรก.ระดับสูงแทบทุกกระทรวง
นอกจากนี้ ครม. ยังได้มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ของกระทรวงต่างๆ ตามที่กระทรวงต้นสังกัดเสนอ ดังนี้
กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่งตั้ง นางขวัญเมือง บวรอัศวกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาและสวัสดิการ ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน แต่งตั้ง นายอำนวย ทองสถิต รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค.50 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ
กระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้ง นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) แต่งตั้ง 1.นายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงฯ ไปดำรงตำแหน่ง สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2. นายสือ ล้ออุทัย รองปลัดกระทรวงฯ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
กระทรวงแรงงาน แต่งตั้งนายสุเทพ อุ่นสมัย รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 2. นาย จีรศักดิ์ สุคนธชาติ รองเลขาธิการสำนักงานปลัดประกันสังคม ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.50 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้ง นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงได้ตกลงยินยอมการโอนดังกล่าวนี้แล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
กระทรวงคมนาคม แต่งตั้ง 1.นายบรรเจิด อภิเวศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้คำปรึกษากฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง 2. นายนิกร บุญศรี รองอธิบดีกรมทางหลวง ให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) แต่งตั้ง นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ รองเลขาธิการ สลค. ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสลค. แทนนายรองพล เจริญพันธ์ ที่เกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แต่งตั้งนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ รองปลัดกระทรวงฯ ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) แต่งตั้งนายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ รองเลขาธิการ กปร. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กปร. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แต่งตั้ง พล.ท. ศิรพงศ์ บุญพัฒน์ รองเลขาธิการสมช.ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่า พร้อมจะทำงานให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวมอย่างเต็มที่ โดยจะทำการจัดทำโอเปอร์เรชั่น รูม ในส่วนของการค้าระหว่างประเทศ จะให้บรรจุข้อมูลประเทศคู่ค้าสำคัญๆ โดยให้มีรายละเอียดต่างๆ เช่น ข้อมูลการค้า ข้อมูลสินค้า รายละเอียดประเทศคู่แข่ง รวมทั้งความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้าตามเทศกาลต่างๆ เพื่อที่จะได้วางแผนในการส่งออกให้กับสินค้าไทย และจัดให้มีระบบเทเลคอนเฟอเร้นท์ เพื่อให้การทำงานระหว่างในประเทศกับทูตพาณิชย์มีความคล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ จะวางระบบในการดูแลผู้บริโภคและผู้ประกอบการให้มีความชัดเจนให้มากขึ้น ดูแลไม่ให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และเห็นว่า ควรจะมีการจัดระบบในเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้าเกษตรใหม่ เพราะขณะนี้ประเทศคู่ค้าของไทยหลายๆ ประเทศมีการเก็บ VAT สินค้าเกษตร แต่ไทยไม่เก็บ ทำให้ประเทศเหล่านั้น เมื่อส่งสินค้าเกษตรเข้ามาขายในไทย เท่ากับว่าไทยอุดหนุนสินค้าเกษตรของประเทศอื่น แต่ในทางกลับกัน เมื่อไทยส่งสินค้าเกษตรไป สินค้าของไทยจะถูกเรียกเก็บ VAT ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับไทย จึงต้องมีการแก้ไข โดยจะมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า บุคคลที่มีความเหมาะสมในการได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอธิบดีกรมการค้าภายในคนใหม่แทนนายศิริพล คาดว่าน่าจะเป็นนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีความอาวุโส และปัจจุบันก็ดูแลงานด้านการค้าภายในประเทศอยู่
เมื่อวานนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติแต่งตั้ง และโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงต่างๆ ตามที่ต้นสังกัดได้เสนอ โดยกระทรวงมหาดไทย จะได้รับความสนใจมากที่สุด เนื่องจากเป็นการโยกย้ายข้าราชการ ระดับ 9 และ 10 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรองผู้ว่าฯ และผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวง มหาดไทยเสนอ จำนวน 38 ตำแหน่ง ดังนี้
1. นายชนินทร์ บัวประเสริฐ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.นครสวรรค์ ไปเป็น ผจว.นครปฐม 2.นายกวี กิติสถาพร พ้นจากตำแหน่ง ผจว.กาฬสินธุ์ ไปเป็น ผจว.นครสวรรค์ 3.นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.อ่างทอง ไปเป็น ผจว.เชียงใหม่ 4.นายสุวัฒน์ ตันประวัติ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.ชุมพร ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 5.นายมานิต วัฒนเสน พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ไปเป็น ผจว.ชุมพร
6.นายอธิคม สุพรรรณพงศ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.แพร่ ไปเป็นผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง 7.นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.ศรีสะเกษ ไปเป็นผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง 8.นายประจักษ์ สุวรรณภักดี พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ไปเป็น ผจว.จันทบุรี 9.นายสุธี มากบุญ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.อุบลราชธานี ไปเป็น ผจว.นครราชสีมา 10.นายขวน ศิรินันทร์พร พ้นจากตำแหน่ง ผจว.มหาสารคาม ไปเป็น ผจว.อุบลราชธานี
11.นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.อุตรดิตถ์ ไปเป็น ผจว.พิษณุโลก 12.นายดิเรก ก้อนกลีบ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.แม่ฮ่องสอน ไปเป็น ผจว.ลำปาง 13.นายวีระยุทธ เอี่ยมอำภา พ้นจากตำแหน่ง ผจว.สมุทรสงคราม ไปเป็น ผจว.สมุทรสาคร 14.นายวินัย บัวประดิษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.พังงา ไปเป็น ผจว.สุราษฏร์ธานี 15.นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.เชียงราย ไปเป็นรองอธิบดีกรมการปกครอง
16.นายปรีชา กมลบุตร พ้นจากตำแหน่ง ผจว.สกลนคร มาเป็น ผจว.เชียงราย 17.นายไพรัตน์ สกลพันธุ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.หนองบัวลำภู ไปเป็น ผจว.สกลนคร 18.นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ พ้นจากตำแหน่ง ผจว.ชัยภูมิ ไปเป็นรองอธิบดีกรมการปกครอง
ระดับ 9 ขึ้นระดับ 10
1.นายประชา จิตสุทธิผล พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.นครราชสีมา ไปเป็น ผจว.กาฬสินธุ์ 2.นายศุทธนะ ธีวีระปัญญา พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ลพบุรี ไปเป็น ผจว.อ่างทอง 3.ว่าที่ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ประจวบคีรีขันธ์ ไปเป็น ผจว.แพร่ 4.นายเสนีย์ จิตตเกษม พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.อุบลราชธานี ไปเป็น ผจว.ศรีสะเกษ 5.นายทองทวี พิมเสน พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ระยอง ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักปลัดกระทรวง
6.นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ชลบุรี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักปลัดกระทรวง 7.นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.อุทัยธานี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 8.นายวิญญู ทองสกุล พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.สุราษฏร์ธานี ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 9.นายแก่นเพชร ช่วงรังษี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.สมุทรสาคร ไปเป็น ผจว.ตราด 10.นายรังสรรค์ เพียรอดวงษ์ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.มหาสาคาม ไปเป็น ผจว.มหาสารคาม
11.นางพรรณี แก่นสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ปัตตานี ไปเป็น ผจว.ปราจีนบุรี 12.นายธวัชชัย ฟักอังกูร พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไปเป็น ผจว.อุตรดิตถ์ 13.นายปราณีต บุญมี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.ขอนแก่น ไปเป็น ผจว.มุกดาหาร 14.นายจารุพงศ์ พลเดช พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ไปเป็น ผจว.ลพบุรี 15.นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.เชียงใหม่ ไปเป็น ผจว.แม่ฮ่องสอน
16.นายมานิตย์ มกรพงศ์ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.หนองคาย ไปเป็น ผจว.เลย 17.ว่าที่ ร.ต.โอภาส เศวตมณี พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.เพชรบุรี ไปเป็น ผจว.สมุทรสงคราม 18.นายวิชัย ไพรสงบ พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมที่ดิน ไปเป็น ผจว.พังงา 19.นายเดชา ตันติยวรงค์ พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.กาฬสินธุ์ ไปเป็น ผจว.หนองบัวลำภู 20.นายถาวร พรหมมีชัย พ้นจากตำแหน่งรอง ผจว.พระนครศรีอยุธยา ไปเป็น ผจว.ชัยภูมิ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 เป็นต้นไป
ครม.ยังได้อนุมัติตามที่ กระทรวงมหาดไทยเสนอให้แต่งตั้งนายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กฟภ. โดยให้รับค่าตอบแทนเดือนละ 442,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย. 50 เป็นต้นไป
ผู้ว่าฯ พื้นที่สีแดงได้เฮ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย จะเสนอรายชื่อแต่งตั้ง โยกย้ายให้ที่ประชุมครม. พิจารณาอนุมัตินั้น มีการคาดการณ์กันว่าจะมีการลงโทษผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สีแดง หรือ จังหวัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติไม่รับร่างร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ แต่ผลปรากฏว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คาดกัน เช่น นายสุวัฒน์ ตันประวัติ ผวจ.ชุมพร ซึ่งเป็นจังหวัดที่ประชาชนไปลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญมากที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ แต่กลับถูกย้ายเข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจฯ ซึ่งนายสุวัฒน์ อ้างว่าตนเสนอขอย้ายไปเป็นผู้ตรวจฯ เอง ไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวซักว่า มีเหตุผลอะไรจึงอยากเป็นผู้ตรวจฯ เพราะแทบจะไม่มีบทบาทหน้าที่อะไร นายสุวัฒน์ กลับตอบกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม คุณอย่ามาถาม”
ขณะเดียวกันมีหลายจังหวัดที่มีการลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ผู้ว่าฯ กลับได้รับการยกระดับให้ไปรับผิดชอบจังหวัดที่ใหญ่ขึ้น เช่น นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.มหาสารคาม ย้ายไปเป็น ผวจ.อุบลราชธานี นายสุธี มากบุญ ผวจ.อุบลราชธานี ไปเป็นผวจ.นครราชสีมา นายปรีชา กมลบุตร ผวจ. สกลนคร ซึ่งก็เป็นจังหวัดที่ประชาชนลงประมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ได้ไปเป็น ผวจ.เชียงราย ซึ่งก็เป็นจังหวัดที่มีการลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเช่นกัน
สำหรับพื้นที่สีแดง ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะถูกโยกย้าย หรือลดชั้นลงนั้น ประกอบไปด้วย นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล ผวจ.ศรีสะเกษ และนายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผวจ.แพร่ ก็เข้ามาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง ส่วนนายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผวจ.เชียงราย นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ผวจ.ชัยภูมิ กลับได้ไปเป็นรองอธิบดีกรมปกครอง และเป็นที่น่าสังเกตว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีการสลับจังหวัดในพื้นที่ที่ใกล้เคียงกัน
ส่วนนายเสนีย์ จิตตเกษม รองผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ไปเป็นผวจ.ศรีสะเกษ ก็มีรายงานข่าวจาก ป.ป.ช. ว่า นายเสนีย์เคยถูกร้องเรียนสมัยที่ดำรงตำแหน่ง รอง ผวจ.สุรินทร์ เรื่อง ฮั้วประมูลก่อสร้างที่ทำการตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.
ยัน คมช.ไม่ได้ล้วงลูก
ด้าน นายอารีย์ วงศ์อารยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. เคยมาทานด้วยกันที่กระทรวงมหาดไทยหลายครั้ง แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องโยกย้าย ไม่มีการเข้ามาล้วงลูก หรือก้าวก่าย ซึ่งตำแหน่งต่างๆ ก็เป็นไปตามครรลองและความเหมาะสม โดยมีรอง ผวจ.ที่มีความอาวุโส 10 คน ได้ขึ้นมาแทน เพราะถูกดองมาตั้งแต่ปี 44 ทั้งที่เป็นผู้มีความสามารถ
“ในการพิจารณาต้องมองถึงอนาคตด้วย เพราะ ผวจ.ต้องเป็นผู้มีความสามารถ แต่อายุไม่มาก ไม่ใช่ดำรงตำแหน่ง 2 ปีแล้วเกษียณ ถ้าเราไม่เตรียมอนาคตก็จะไม่มีคนเข้ามาทำหน้าที่”รมว.มหาดไทย กล่าว และว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีสัดส่วนของสิงห์ดำ และสิงห์แดงในจำนวนใกล้เคียงกันโดยพิจารณาจากความอาวุโส และความเหมาะสมเป็นหลัก
“บางคนเป็น ผวจ.ที่ดีไม่ได้ ก็ให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นๆ และการที่สิงห์แดงไปเป็นผู้ตรวจราชการ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะออกมาอีกไม่ได้ เพียงแต่ให้มาพักผ่อนสักหน่อย จากนั้นค่อยกลับไปเป็น ผวจ. หรืออยู่ตำแหน่งอื่นอีกครั้งได้ ไม่มีปัญหา”รมว.มหาดไทย กล่าว
นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คมช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่ง ผวจ. เพียงแต่ได้ให้คำแนะนำมาบ้าง แต่การตัดสินใจหลักๆ มาจากมหาดไทยเอง
แต่งตั้ง ขรก.ระดับสูงแทบทุกกระทรวง
นอกจากนี้ ครม. ยังได้มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ของกระทรวงต่างๆ ตามที่กระทรวงต้นสังกัดเสนอ ดังนี้
กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่งตั้ง นางขวัญเมือง บวรอัศวกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาและสวัสดิการ ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน แต่งตั้ง นายอำนวย ทองสถิต รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค.50 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ
กระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้ง นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 50 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) แต่งตั้ง 1.นายไกรสร พรสุธี ปลัดกระทรวงฯ ไปดำรงตำแหน่ง สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2. นายสือ ล้ออุทัย รองปลัดกระทรวงฯ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
กระทรวงแรงงาน แต่งตั้งนายสุเทพ อุ่นสมัย รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 2. นาย จีรศักดิ์ สุคนธชาติ รองเลขาธิการสำนักงานปลัดประกันสังคม ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.50 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้ง นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงได้ตกลงยินยอมการโอนดังกล่าวนี้แล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
กระทรวงคมนาคม แต่งตั้ง 1.นายบรรเจิด อภิเวศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้คำปรึกษากฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง 2. นายนิกร บุญศรี รองอธิบดีกรมทางหลวง ให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) แต่งตั้ง นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ รองเลขาธิการ สลค. ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสลค. แทนนายรองพล เจริญพันธ์ ที่เกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แต่งตั้งนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ รองปลัดกระทรวงฯ ให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) แต่งตั้งนายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ รองเลขาธิการ กปร. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กปร. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แต่งตั้ง พล.ท. ศิรพงศ์ บุญพัฒน์ รองเลขาธิการสมช.ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่า พร้อมจะทำงานให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวมอย่างเต็มที่ โดยจะทำการจัดทำโอเปอร์เรชั่น รูม ในส่วนของการค้าระหว่างประเทศ จะให้บรรจุข้อมูลประเทศคู่ค้าสำคัญๆ โดยให้มีรายละเอียดต่างๆ เช่น ข้อมูลการค้า ข้อมูลสินค้า รายละเอียดประเทศคู่แข่ง รวมทั้งความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้าตามเทศกาลต่างๆ เพื่อที่จะได้วางแผนในการส่งออกให้กับสินค้าไทย และจัดให้มีระบบเทเลคอนเฟอเร้นท์ เพื่อให้การทำงานระหว่างในประเทศกับทูตพาณิชย์มีความคล่องตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ จะวางระบบในการดูแลผู้บริโภคและผู้ประกอบการให้มีความชัดเจนให้มากขึ้น ดูแลไม่ให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และเห็นว่า ควรจะมีการจัดระบบในเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้าเกษตรใหม่ เพราะขณะนี้ประเทศคู่ค้าของไทยหลายๆ ประเทศมีการเก็บ VAT สินค้าเกษตร แต่ไทยไม่เก็บ ทำให้ประเทศเหล่านั้น เมื่อส่งสินค้าเกษตรเข้ามาขายในไทย เท่ากับว่าไทยอุดหนุนสินค้าเกษตรของประเทศอื่น แต่ในทางกลับกัน เมื่อไทยส่งสินค้าเกษตรไป สินค้าของไทยจะถูกเรียกเก็บ VAT ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับไทย จึงต้องมีการแก้ไข โดยจะมีการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า บุคคลที่มีความเหมาะสมในการได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอธิบดีกรมการค้าภายในคนใหม่แทนนายศิริพล คาดว่าน่าจะเป็นนายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีความอาวุโส และปัจจุบันก็ดูแลงานด้านการค้าภายในประเทศอยู่