บอร์ดทีโอทีตั้ง ‘พล.ร.อ.บรรณวิทย์’ เป็นกรรมการบอร์ดเอซีทีโมบายกับซูเปอร์บอร์ดไทยโมบายโดยเป็นการรับมอบอำนาจจากพล.อ.สพรั่ง พร้อมเปิดใจหาเสียงพนักงานเคลียร์ปัญหาบอร์ดแตกคอ ล้วงลูกไร้ผลงาน หลังถูกถล่มรายวัน ด้านบรรณวิทย์อาสาแก้ปัญหาหนี้ 3 พันล้านภายใน 1 เดือน ด้าน ‘พรชัย’ กรรมการมูลนิธิรู้รักสามัคคี ทีโอทียื่นหนังสือนายกฯพิจารณาการทำงานบอร์ดสร้างปัญหาให้ทีโอที
พ.อ.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการ บริษัท ทีโอที กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าบอร์ดมีมติเห็นชอบให้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ปรึกษาประธานบอร์ดทีโอทีเข้าเป็นกรรมการในบริษัท เอซีที โมบาย ผู้ให้บริการโครงข่ายของกิจการร่วมค้าไทยโมบายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 1900 เมกะเฮิรตซ์และมอบหมายอำนาจให้เป็นตัวแทนพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานบอร์ดทีโอทีในการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกิจการร่วมค้าไทยโมบาย (ซูเปอร์บอร์ด)
ทั้งนี้บอร์ดทีโอทีพิจารณาแต่งตั้งพล.ร.อ.บรรณวิทย์ถูกต้องตามกฏหมาย ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท เอซีที โมบายนั้นทางบอร์ดจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกพล.ร.อ.บรรณวิทย์ ตามความเหมาะสมเองตามข้อบังคับซึ่งบอร์ดทีโอทีไม่สามารถก้าวก่ายได้ ส่วนตำแหน่งประธานบอร์ดไทยโมบายนั้นยังคงเป็นนายสือ ล้ออุทัย รักษาการปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ตามระเบียบข้อตกลงระหว่างทีโอทีกับบริษัท กสท โทรคมนาคม
นายชิต เหล่าวัฒนา โฆษกคณะกรรมการ ทีโอที กล่าวถึงมติที่ประชุมว่าบอร์ดได้อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง 14 เรื่อง และการสนับสนุนกิจการอื่นของรัฐ อาทิ การจัดประกวดราคาซื้ออุปกรณ์ในรูปแบบอี-ออคชั่น ในการทำโครงข่ายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งโครงการนี้ทีโอที จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ให้มีลักษณะที่สามารถใช้งานร่วมกับกสทได้ เนื่องจากเป็นโครงการร่วมกันและใช้ร่วมกับโครงข่ายของ กสท อีกทั้งยังได้อนุมัติการเข้าสนับสนุนกีฬาซีเกมส์และงานไอซีทีเอ็กซ์โป
สำหรับความไม่ชัดเจนในตัวรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรณีอำนาจในการเซ็นเอกสารอนุมัตินายชิตกล่าวว่าบอร์ดยืนยันมติวันที่ 17 ส.ค.ซึ่งเลิกจ้าง นายสมควร บรูมินเหนทร์โดยมารยาทนายสมควรต้องหยุดเซ็นเอกสารตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.แล้วซึ่งขณะนี้บอร์ดส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เนื่องจากพบว่าการลดค่าปรับจำนวน 125 ล้านบาท ในโครงการขยายโครงข่ายสื่อสัญญาณความเร็วสูง (ที-เนป) ให้กับบริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น มีมูลความผิดจริง
**“บรรณวิทย์” จะเคลียร์หนี้ใน 1 เดือน
ด้านพล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดทุนสะสมของกิจการร่วมค้าไทยโมบาย จำนวนกว่า 7,200 ล้านบาท และบริษัท เอซีที โมบาย ที่ขาดทุนประมาณ 270 ล้านบาทนั้น ตนจะพยายามเร่งสะสางปัญหาเรื่องการขาดทุนและหนี้สินต่างๆให้ได้ข้อยุติภายในระยะเวลา 1 เดือนส่วนการหากำไรในระยะต่อไปนั้นคงต้องเป็นการดำเนินการของคณะกรรมการชุดต่อไป
“ไม่น่าเชื่อแค่เพียงระยะเวลา 4-5 ปี ทำธุรกิจขาดทุนป่นปี้ได้ถึงขนาดนี้ซึ่งผมจะเข้าไปหาวิธีห้ามเลือดให้หยุดไหลให้ได้ภายใน 1 เดือน แล้วจะรู้ผลทันทีว่ามีความไม่ชอบมาพากลอะไรบ้างในกิจการร่วมค้าไทยโมบายและเอทีซีโมบาย”
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 14.30 น. ของของวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการบริษัท ทีโอทีพร้อมด้วยพล.ร.อ.บรรณวิทย์ นายชิต เหล่าวัฒนาและพ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้เปิดห้องประชุมออดิทอเรียมของทีโอทีเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกระแสข่าวความวุ่นวายในทีโอที ซึ่งพนักงานทีโอทีเข้าร่วมฟังประมาณ 500 คนและยังได้เปิดถ่ายทอดเสียงตามภายในทั่วบริเวณพื้นที่ทีโอที
**“สพรั่ง”หาเสียงพนักงาน
พล.อ.สพรั่ง กล่าวชี้แจงว่าบอร์ดและที่ปรึกษาทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรที่เป็นวาระซ่อนเร้น อีกทั้งตนเองไม่เคยคิดปรารถนาร้ายกับ ทีโอที เหตุที่เลือกมาชี้แจงในวันนี้ เพื่อต้องการหยุดสถานการณ์ที่บานปลายโดยตนรับราชการมา 37 ปี สิ่งที่ท้าทาย คือศัตรูในสนามรบ กับวิกฤตของชาติ โดยความรู้สึกที่อึดอัดคือ ความกดดันจากข้าศึก และเคยอดอาหารนานถึง 14 วัน ซึ่งถือเป็นความอึดอัดที่ต้องอยู่รอดในสนามรบ แต่การทำงานในรัฐวิสาหกิจ เป็นความอึดอัดทางกิเลส เพราะคนที่ทำงานมาด้วยกันไม่ไว้ใจกัน โดยใช้วิชามารในการทำลายกัน
ทั้งนี้ตนได้ถูกแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดจากรมว.ไอซีทีต่างจากบอร์ดการท่าอาศยานไทย(ทอท.)ที่ให้ผมไปรบ เมื่อเทียบกันแล้วที่ทีโอทีทำงานสบายกว่า โดยบุคคลที่เลือกพิจารณาเข้ามาเป็นกรรมการนั้นได้เลือกบุคคลที่มีวุฒิภาวะ มีคุณวฒิ และความมุ่งมั่นสูงและตั้งใจทำงาน แต่ด้วยความตั้งใจอาจทำให้เกิดเรื่องและทำให้หลายฝ่ายเข้าใจในเจตนารมณ์ที่ผิด
“ที่ชี้แจงวันนี้ก็เพื่อต้องการหยุดสถานการณ์ที่บานปลาย โดยสิ่งที่ต้องแก้ไข คือต้องสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจ บ้านเมืองเรามีปัญหาก็เพราะคนที่ใช้วิธีสกปรก ดังนั้นขอให้ทุกคนรักษาองค์กรไว้ ซึ่งถ้ารักความจริงใจจะไม่เป็นคนบ้องตื้น โดยข่าวที่ออกมานั้นเป็นสิ่งที่เค้าทำลายผมไม่ใช่เพื่อให้หลุดจากบอร์ดทีโอที และบอร์ด ทอท. ซึ่งถ้าผมจะได้เป็นอะไรหรือไม่ได้เป็นอะไร ก็ไม่ใช่เพราะ 2 บอร์ดนี้แน่นอน” พล.อ.สพรั่ง กล่าว
พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ผมไม่ได้กลัวความกดดัน แต่ผมกลัวอย่างเดียวคือ ความดีที่เหนือกว่าผม โดยสิ่งที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ทั้งในทีโอที และ ทอท. ไว้จบภารกิจที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายก่อนแล้วผมจะมาเล่าให้ฟัง ส่วนเรื่องที่บอกว่าทีโอทีจะล่มสลายนั้นเป็นเรื่องของในอดีตที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน การที่ตนเข้ามาทีโอที ก็เพื่อช่วยพยุง ประคับประคอง ผมคิดว่าองค์กรนี้ ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะล่มจม องค์กรนี้ตั้งมาในช่วงของการปฏิรูป ร่วมกับกองทัพเพราะฉะนั้นความยิ่งใหญ่ของทีโอทีจะต้องอยู่ต่อไป
“คำว่าล่มสลายจะไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของทีโอทีนโยบายการบริกหารของผม คือ จะเร่งรัดโครงการต่างๆที่จำเป็น ยอมรับว่าช่วงแรกๆที่เข้ามามีการกลั่นกรองงานมาก ตรวจสอบถึงสองครั้ง (double check) แต่ตอนนี้อยากจะบอกว่า จะให้ทำเร็วขึ้นโดยให้กลั่นกรองในชั้นสุดท้าย เพื่อเร่งรัดงานและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดตามมา สิ่งที่เราต้องทำ คือ การให้มีล๊อบบี้ยิสต์เข้ามาช่วยเราในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงร่างกม. ที่จะกระทบอำนาจองค์กรของเรา เพื่อไม่ให้สมบัติชาติสูญหาย”
**กล่อมพนักงานโยนบาปสื่อ
ส่วนกรณีข่าวหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ว่าบอร์ดแตกคอกัน ตนขอย้ำว่าไม่มี ถ้ายังไม่เชื่อใจก็ให้จับกลุ่มมาถามได้ ผมไม่ได้บอกว่าสื่อไม่มีความจำเป็น ซึ่งสื่อมีความจำเป็นในการช่วยกระตุ้นองค์กรที่เพิกเฉยได้ แต่สำหรับตนไม่จำเป็น อย่ามาบอกว่าบอร์ดคนนั้นคนนี้เป็นนอมินี ตนเองรับไม่ได้ อย่าใส่ร้ายป้ายสีกัน ซึ่งตนสงสารกับผู้ที่ถูกกล่าวหาและอยากเห็นคนชั่วกลับใจ โดยตนอยากให้ทีโอทีดี อยากเห็นทีโอทีเดินไปข้างหน้าต่อไป ซึ่งถ้าเรายังไม่เข้มแข็ง พวกก่อการร้ายก็จะเดินหน้าต่อไป มันเป็นเหมือนตัวฉวยโอกาส
พล.อ.สพรั่ง กล่าวอีกว่า ส่วนตัวตั้งใจเป็นประธานบอร์ดทีโอที ถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เพื่อจะไปทำหน้าที่อื่นในสิ่งที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ขอร้องให้ทำงานจนถึง ธันวาคม และคงต้องรอถึงเลือกตั้งเสร็จและมีรัฐบาลชุดใหม่
“ผมไม่เคยกลัวใครทั้งสิ้น ผมกลัวคนที่มีคุณธรรมสูง เพราะสามารถตำหนิความไม่ดีของผมได้ ผมต้องขอโทษน้องๆ พนักงาน ถ้าภาพอะไรที่ทำให้ผิดหวัง แต่ผมขอบอกว่าผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาประมาณ 12.20 น.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายชิต เหล่าวัฒนา คณะกรรมการ ทีโอที และนายนุกูล บวรสิรินุกูล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ(สรท.) ได้ชี้แจงร่วมกันถึงกรณีสหภาพฯออกมาเรียกร้องให้ดำเนินการเรื่องความชัดเจนในการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของนายสมควร บรูมินเหนทร์ และความเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนแปลงบอร์ด ทีโอที
นายสุรชัยชี้แจงว่าสาระสำคัญมี 3 ประเด็น คือ 1. การที่บอร์ดลดอำนาจนายสมควร ในขณะนั้นเป็นการลดอำนาจหน้าที่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง 2. มติบอร์ดวันที่ 17 สิงหาคม ที่เลิกจ้างนายสมควร ในช่วงเวลา 15 วันตามกฎหมายเปิดโอกาสให้นายสมควรสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ บอร์ดจึงมีมติให้นายสมควรชี้แจงข้อเท็จจริงจากผลการสอบสวน 3. การดำเนินการให้เกิดผลเลิกจ้าง นายสมควร เหตุใดบอร์จึงไม่ดำเนินการทางคดีแพ่งและอาญานายสมควรเพื่อเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับองค์กร ซึ่งขณะนี้ทีโอทีได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เรื่องการเลิกจ้างนายสมควร หากกระทรวงการคลังตอบกลับเห็นชอบตามมติดังกล่าว ทีโอที จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทันที
นายนุกูล กล่าวว่าจากเข้ารับฟังการชี้แจงสหภาพฯพอใจกับเหตุผลที่เกิดขึ้น และ สหภาพฯจะดำเนินการทวงถามคำตอบจากกระทรวงการคลัง กรณีการเห็นชอบการปลดนายสมควรหรือไม่ เพื่อช่วยบอร์ดอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามนายสมควร บรูมินเหนทร์ ได้ทำเรื่องส่งไปยังกระทรวงการคลังแล้วว่าศาลปกครองยังให้ความคุ้มครองอยู่ หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้ทำหนังสือแจ้งมายังทีโอทีว่ายกคำร้องที่ทีโอทีอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองนายสมควรให้มีอำนาจหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสมควรขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอย่างรอบคอบ
**ยื่นร้อง “สุรยุทธ์” พิจารณาปัญหาบอร์ด
นายพรชัย มีมาก กรรมการมูลนิธิรู้รักสามัคคี ทีโอที กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาถึงการทำงานของคณะกรรมการบริษัทที่ส่งผลให้ ทีโอที ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวจากการที่บอร์ดยังทำหน้าที่อย่างไม่ชัดเจน ไม่มีประสิทธิภาพ ในช่วงการเข้ามาทำหน้าที่ในระยะเวลา 8 เดือนแล้ว โดยในอีก 1 สัปดาห์ตนจะติดตามผลของการยื่นหนังสือครั้งนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างไร
“จะต้องติดตามดูว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ ในเมื่อประธานบอร์ยังเชื่อมั่นคนของตัวเองมากกว่าจะหาข้อมูลเชิงลึก”
พ.อ.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการ บริษัท ทีโอที กล่าวภายหลังการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าบอร์ดมีมติเห็นชอบให้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ปรึกษาประธานบอร์ดทีโอทีเข้าเป็นกรรมการในบริษัท เอซีที โมบาย ผู้ให้บริการโครงข่ายของกิจการร่วมค้าไทยโมบายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 1900 เมกะเฮิรตซ์และมอบหมายอำนาจให้เป็นตัวแทนพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานบอร์ดทีโอทีในการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกิจการร่วมค้าไทยโมบาย (ซูเปอร์บอร์ด)
ทั้งนี้บอร์ดทีโอทีพิจารณาแต่งตั้งพล.ร.อ.บรรณวิทย์ถูกต้องตามกฏหมาย ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท เอซีที โมบายนั้นทางบอร์ดจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกพล.ร.อ.บรรณวิทย์ ตามความเหมาะสมเองตามข้อบังคับซึ่งบอร์ดทีโอทีไม่สามารถก้าวก่ายได้ ส่วนตำแหน่งประธานบอร์ดไทยโมบายนั้นยังคงเป็นนายสือ ล้ออุทัย รักษาการปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)ตามระเบียบข้อตกลงระหว่างทีโอทีกับบริษัท กสท โทรคมนาคม
นายชิต เหล่าวัฒนา โฆษกคณะกรรมการ ทีโอที กล่าวถึงมติที่ประชุมว่าบอร์ดได้อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง 14 เรื่อง และการสนับสนุนกิจการอื่นของรัฐ อาทิ การจัดประกวดราคาซื้ออุปกรณ์ในรูปแบบอี-ออคชั่น ในการทำโครงข่ายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งโครงการนี้ทีโอที จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์ให้มีลักษณะที่สามารถใช้งานร่วมกับกสทได้ เนื่องจากเป็นโครงการร่วมกันและใช้ร่วมกับโครงข่ายของ กสท อีกทั้งยังได้อนุมัติการเข้าสนับสนุนกีฬาซีเกมส์และงานไอซีทีเอ็กซ์โป
สำหรับความไม่ชัดเจนในตัวรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรณีอำนาจในการเซ็นเอกสารอนุมัตินายชิตกล่าวว่าบอร์ดยืนยันมติวันที่ 17 ส.ค.ซึ่งเลิกจ้าง นายสมควร บรูมินเหนทร์โดยมารยาทนายสมควรต้องหยุดเซ็นเอกสารตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.แล้วซึ่งขณะนี้บอร์ดส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว เนื่องจากพบว่าการลดค่าปรับจำนวน 125 ล้านบาท ในโครงการขยายโครงข่ายสื่อสัญญาณความเร็วสูง (ที-เนป) ให้กับบริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น มีมูลความผิดจริง
**“บรรณวิทย์” จะเคลียร์หนี้ใน 1 เดือน
ด้านพล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาการขาดทุนสะสมของกิจการร่วมค้าไทยโมบาย จำนวนกว่า 7,200 ล้านบาท และบริษัท เอซีที โมบาย ที่ขาดทุนประมาณ 270 ล้านบาทนั้น ตนจะพยายามเร่งสะสางปัญหาเรื่องการขาดทุนและหนี้สินต่างๆให้ได้ข้อยุติภายในระยะเวลา 1 เดือนส่วนการหากำไรในระยะต่อไปนั้นคงต้องเป็นการดำเนินการของคณะกรรมการชุดต่อไป
“ไม่น่าเชื่อแค่เพียงระยะเวลา 4-5 ปี ทำธุรกิจขาดทุนป่นปี้ได้ถึงขนาดนี้ซึ่งผมจะเข้าไปหาวิธีห้ามเลือดให้หยุดไหลให้ได้ภายใน 1 เดือน แล้วจะรู้ผลทันทีว่ามีความไม่ชอบมาพากลอะไรบ้างในกิจการร่วมค้าไทยโมบายและเอทีซีโมบาย”
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 14.30 น. ของของวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการบริษัท ทีโอทีพร้อมด้วยพล.ร.อ.บรรณวิทย์ นายชิต เหล่าวัฒนาและพ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้เปิดห้องประชุมออดิทอเรียมของทีโอทีเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกระแสข่าวความวุ่นวายในทีโอที ซึ่งพนักงานทีโอทีเข้าร่วมฟังประมาณ 500 คนและยังได้เปิดถ่ายทอดเสียงตามภายในทั่วบริเวณพื้นที่ทีโอที
**“สพรั่ง”หาเสียงพนักงาน
พล.อ.สพรั่ง กล่าวชี้แจงว่าบอร์ดและที่ปรึกษาทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรที่เป็นวาระซ่อนเร้น อีกทั้งตนเองไม่เคยคิดปรารถนาร้ายกับ ทีโอที เหตุที่เลือกมาชี้แจงในวันนี้ เพื่อต้องการหยุดสถานการณ์ที่บานปลายโดยตนรับราชการมา 37 ปี สิ่งที่ท้าทาย คือศัตรูในสนามรบ กับวิกฤตของชาติ โดยความรู้สึกที่อึดอัดคือ ความกดดันจากข้าศึก และเคยอดอาหารนานถึง 14 วัน ซึ่งถือเป็นความอึดอัดที่ต้องอยู่รอดในสนามรบ แต่การทำงานในรัฐวิสาหกิจ เป็นความอึดอัดทางกิเลส เพราะคนที่ทำงานมาด้วยกันไม่ไว้ใจกัน โดยใช้วิชามารในการทำลายกัน
ทั้งนี้ตนได้ถูกแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดจากรมว.ไอซีทีต่างจากบอร์ดการท่าอาศยานไทย(ทอท.)ที่ให้ผมไปรบ เมื่อเทียบกันแล้วที่ทีโอทีทำงานสบายกว่า โดยบุคคลที่เลือกพิจารณาเข้ามาเป็นกรรมการนั้นได้เลือกบุคคลที่มีวุฒิภาวะ มีคุณวฒิ และความมุ่งมั่นสูงและตั้งใจทำงาน แต่ด้วยความตั้งใจอาจทำให้เกิดเรื่องและทำให้หลายฝ่ายเข้าใจในเจตนารมณ์ที่ผิด
“ที่ชี้แจงวันนี้ก็เพื่อต้องการหยุดสถานการณ์ที่บานปลาย โดยสิ่งที่ต้องแก้ไข คือต้องสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจ บ้านเมืองเรามีปัญหาก็เพราะคนที่ใช้วิธีสกปรก ดังนั้นขอให้ทุกคนรักษาองค์กรไว้ ซึ่งถ้ารักความจริงใจจะไม่เป็นคนบ้องตื้น โดยข่าวที่ออกมานั้นเป็นสิ่งที่เค้าทำลายผมไม่ใช่เพื่อให้หลุดจากบอร์ดทีโอที และบอร์ด ทอท. ซึ่งถ้าผมจะได้เป็นอะไรหรือไม่ได้เป็นอะไร ก็ไม่ใช่เพราะ 2 บอร์ดนี้แน่นอน” พล.อ.สพรั่ง กล่าว
พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ผมไม่ได้กลัวความกดดัน แต่ผมกลัวอย่างเดียวคือ ความดีที่เหนือกว่าผม โดยสิ่งที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ทั้งในทีโอที และ ทอท. ไว้จบภารกิจที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายก่อนแล้วผมจะมาเล่าให้ฟัง ส่วนเรื่องที่บอกว่าทีโอทีจะล่มสลายนั้นเป็นเรื่องของในอดีตที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน การที่ตนเข้ามาทีโอที ก็เพื่อช่วยพยุง ประคับประคอง ผมคิดว่าองค์กรนี้ ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะล่มจม องค์กรนี้ตั้งมาในช่วงของการปฏิรูป ร่วมกับกองทัพเพราะฉะนั้นความยิ่งใหญ่ของทีโอทีจะต้องอยู่ต่อไป
“คำว่าล่มสลายจะไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของทีโอทีนโยบายการบริกหารของผม คือ จะเร่งรัดโครงการต่างๆที่จำเป็น ยอมรับว่าช่วงแรกๆที่เข้ามามีการกลั่นกรองงานมาก ตรวจสอบถึงสองครั้ง (double check) แต่ตอนนี้อยากจะบอกว่า จะให้ทำเร็วขึ้นโดยให้กลั่นกรองในชั้นสุดท้าย เพื่อเร่งรัดงานและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดตามมา สิ่งที่เราต้องทำ คือ การให้มีล๊อบบี้ยิสต์เข้ามาช่วยเราในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงร่างกม. ที่จะกระทบอำนาจองค์กรของเรา เพื่อไม่ให้สมบัติชาติสูญหาย”
**กล่อมพนักงานโยนบาปสื่อ
ส่วนกรณีข่าวหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ว่าบอร์ดแตกคอกัน ตนขอย้ำว่าไม่มี ถ้ายังไม่เชื่อใจก็ให้จับกลุ่มมาถามได้ ผมไม่ได้บอกว่าสื่อไม่มีความจำเป็น ซึ่งสื่อมีความจำเป็นในการช่วยกระตุ้นองค์กรที่เพิกเฉยได้ แต่สำหรับตนไม่จำเป็น อย่ามาบอกว่าบอร์ดคนนั้นคนนี้เป็นนอมินี ตนเองรับไม่ได้ อย่าใส่ร้ายป้ายสีกัน ซึ่งตนสงสารกับผู้ที่ถูกกล่าวหาและอยากเห็นคนชั่วกลับใจ โดยตนอยากให้ทีโอทีดี อยากเห็นทีโอทีเดินไปข้างหน้าต่อไป ซึ่งถ้าเรายังไม่เข้มแข็ง พวกก่อการร้ายก็จะเดินหน้าต่อไป มันเป็นเหมือนตัวฉวยโอกาส
พล.อ.สพรั่ง กล่าวอีกว่า ส่วนตัวตั้งใจเป็นประธานบอร์ดทีโอที ถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ เพื่อจะไปทำหน้าที่อื่นในสิ่งที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายแต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ขอร้องให้ทำงานจนถึง ธันวาคม และคงต้องรอถึงเลือกตั้งเสร็จและมีรัฐบาลชุดใหม่
“ผมไม่เคยกลัวใครทั้งสิ้น ผมกลัวคนที่มีคุณธรรมสูง เพราะสามารถตำหนิความไม่ดีของผมได้ ผมต้องขอโทษน้องๆ พนักงาน ถ้าภาพอะไรที่ทำให้ผิดหวัง แต่ผมขอบอกว่าผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาประมาณ 12.20 น.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายชิต เหล่าวัฒนา คณะกรรมการ ทีโอที และนายนุกูล บวรสิรินุกูล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ(สรท.) ได้ชี้แจงร่วมกันถึงกรณีสหภาพฯออกมาเรียกร้องให้ดำเนินการเรื่องความชัดเจนในการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของนายสมควร บรูมินเหนทร์ และความเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนแปลงบอร์ด ทีโอที
นายสุรชัยชี้แจงว่าสาระสำคัญมี 3 ประเด็น คือ 1. การที่บอร์ดลดอำนาจนายสมควร ในขณะนั้นเป็นการลดอำนาจหน้าที่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง 2. มติบอร์ดวันที่ 17 สิงหาคม ที่เลิกจ้างนายสมควร ในช่วงเวลา 15 วันตามกฎหมายเปิดโอกาสให้นายสมควรสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ บอร์ดจึงมีมติให้นายสมควรชี้แจงข้อเท็จจริงจากผลการสอบสวน 3. การดำเนินการให้เกิดผลเลิกจ้าง นายสมควร เหตุใดบอร์จึงไม่ดำเนินการทางคดีแพ่งและอาญานายสมควรเพื่อเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับองค์กร ซึ่งขณะนี้ทีโอทีได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เรื่องการเลิกจ้างนายสมควร หากกระทรวงการคลังตอบกลับเห็นชอบตามมติดังกล่าว ทีโอที จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทันที
นายนุกูล กล่าวว่าจากเข้ารับฟังการชี้แจงสหภาพฯพอใจกับเหตุผลที่เกิดขึ้น และ สหภาพฯจะดำเนินการทวงถามคำตอบจากกระทรวงการคลัง กรณีการเห็นชอบการปลดนายสมควรหรือไม่ เพื่อช่วยบอร์ดอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตามนายสมควร บรูมินเหนทร์ ได้ทำเรื่องส่งไปยังกระทรวงการคลังแล้วว่าศาลปกครองยังให้ความคุ้มครองอยู่ หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้ทำหนังสือแจ้งมายังทีโอทีว่ายกคำร้องที่ทีโอทีอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองนายสมควรให้มีอำนาจหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสมควรขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอย่างรอบคอบ
**ยื่นร้อง “สุรยุทธ์” พิจารณาปัญหาบอร์ด
นายพรชัย มีมาก กรรมการมูลนิธิรู้รักสามัคคี ทีโอที กล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาถึงการทำงานของคณะกรรมการบริษัทที่ส่งผลให้ ทีโอที ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวจากการที่บอร์ดยังทำหน้าที่อย่างไม่ชัดเจน ไม่มีประสิทธิภาพ ในช่วงการเข้ามาทำหน้าที่ในระยะเวลา 8 เดือนแล้ว โดยในอีก 1 สัปดาห์ตนจะติดตามผลของการยื่นหนังสือครั้งนี้มีความคืบหน้าเป็นอย่างไร
“จะต้องติดตามดูว่านายกรัฐมนตรีจะแก้ปัญหาอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ ในเมื่อประธานบอร์ยังเชื่อมั่นคนของตัวเองมากกว่าจะหาข้อมูลเชิงลึก”