ผู้จัดการรายวัน-ไทยผนึกอาเซียนและจีน ค้านเอเปกเจรจาทำเอฟทีเอภายในกลุ่ม เหตุมีเป้าหมายโบกอร์ ที่สมาชิกต้องเปิดเสรีการค้า การลงทุนระหว่างกันภายในปี 2553 อยู่แล้ว หากมุ่งเจรจาเอฟทีเอ เป้าหมายโบกอร์อาจล้มเหลวได้ เตรียมเสนอผู้นำเอเปกตัดสินใจทำหรือไม่ทำในการประชุม 8-9 ก.ย.นี้ พร้อมยันท่าทีเอเปกต้องการผลักดันการเจรจารอบโดฮาให้สำเร็จ
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 5-6 ก.ย.นี้ นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยประเด็นสำคัญที่จะหารือคือ การพิจารณาถึงผลการศึกษาการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดมากขึ้นในภูมิภาค รวมถึงเขตการค้าเสรีในเอเชีย-แปซิฟิก (เอฟทีเอเอพี) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมผู้นำเอเปกปีที่ผ่านมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อาวุโสศึกษาการเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างกัน และให้รายงานผลการศึกษาในปีนี้
ทั้งนี้ ไทย และอาเซียน มีท่าทีเหมือนกัน คือ ไม่อยากให้เอเปกมุ่งความสนใจไปในเรื่องการทำเอฟทีเอระหว่างกัน เพราะจะทำให้เป้าหมายโบกอร์ ซึ่งเป็นการเปิดเสรีด้านการค้า การลงทุนระหว่างกันภายในปี 2553 จะถูกลดความสำคัญลง และอาจทำให้สมาชิกเอเปกไม่ยอมดำเนินการเพื่อให้เป้าหมายโบกอร์บรรลุผลสำเร็จได้ ส่วนจีนก็ไม่ต้องการให้ทำเอฟทีเอเอพีเช่นกัน เพราะจีนลดภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ลงในอัตราสูงแล้ว ก่อนที่จะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
“ไทย อาเซียน จีน ไม่อยากให้เอเปกมุ่งทำเอฟทีเอเอพี เพราะเอเปกมีเป้าหมายโบกอร์ ที่จะต้องเปิดเสรีการค้า การลงทุนระหว่างกันภายในปี 2553 อยู่แล้ว และมีอีกหลายอย่างที่เอเปกต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโบกอร์ หากหันความสนใจมาสู่เอฟทีเอเอพี เป้าหมายโบกอร์อาจไม่บรรลุผล”นายวินิจฉัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศที่อยากให้มีการเจรจาเอฟทีเอเอพี อย่างเช่น สหรัฐฯ สิงคโปร์ บราซิล ชิลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ การตัดสินใจทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำเอเปกจะมีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาเอฟทีเอเอพีหรือไม่ในการประชุมผู้นำเอเปกวันที่ 8-9 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังจะหารือถึงการผลักดันให้ประเทศสมาชิก WTO เดินหน้าเจรจาเปิดเสรีภายใต้กรอบโดฮา หลังจากที่หยุดการเจรจามานานแล้ว เพราะสมาชิกยังมีท่าทีแตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเปิดตลาด และลดการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตร และการลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งนายปาสกาล ลามี ผู้อำนวยการใหญ่ WTO จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปกครั้งนี้ด้วย
นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 5-6 ก.ย.นี้ นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยประเด็นสำคัญที่จะหารือคือ การพิจารณาถึงผลการศึกษาการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดมากขึ้นในภูมิภาค รวมถึงเขตการค้าเสรีในเอเชีย-แปซิฟิก (เอฟทีเอเอพี) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมผู้นำเอเปกปีที่ผ่านมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อาวุโสศึกษาการเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างกัน และให้รายงานผลการศึกษาในปีนี้
ทั้งนี้ ไทย และอาเซียน มีท่าทีเหมือนกัน คือ ไม่อยากให้เอเปกมุ่งความสนใจไปในเรื่องการทำเอฟทีเอระหว่างกัน เพราะจะทำให้เป้าหมายโบกอร์ ซึ่งเป็นการเปิดเสรีด้านการค้า การลงทุนระหว่างกันภายในปี 2553 จะถูกลดความสำคัญลง และอาจทำให้สมาชิกเอเปกไม่ยอมดำเนินการเพื่อให้เป้าหมายโบกอร์บรรลุผลสำเร็จได้ ส่วนจีนก็ไม่ต้องการให้ทำเอฟทีเอเอพีเช่นกัน เพราะจีนลดภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ลงในอัตราสูงแล้ว ก่อนที่จะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
“ไทย อาเซียน จีน ไม่อยากให้เอเปกมุ่งทำเอฟทีเอเอพี เพราะเอเปกมีเป้าหมายโบกอร์ ที่จะต้องเปิดเสรีการค้า การลงทุนระหว่างกันภายในปี 2553 อยู่แล้ว และมีอีกหลายอย่างที่เอเปกต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโบกอร์ หากหันความสนใจมาสู่เอฟทีเอเอพี เป้าหมายโบกอร์อาจไม่บรรลุผล”นายวินิจฉัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศที่อยากให้มีการเจรจาเอฟทีเอเอพี อย่างเช่น สหรัฐฯ สิงคโปร์ บราซิล ชิลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ การตัดสินใจทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำเอเปกจะมีท่าทีอย่างไรต่อการเจรจาเอฟทีเอเอพีหรือไม่ในการประชุมผู้นำเอเปกวันที่ 8-9 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังจะหารือถึงการผลักดันให้ประเทศสมาชิก WTO เดินหน้าเจรจาเปิดเสรีภายใต้กรอบโดฮา หลังจากที่หยุดการเจรจามานานแล้ว เพราะสมาชิกยังมีท่าทีแตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเปิดตลาด และลดการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตร และการลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งนายปาสกาล ลามี ผู้อำนวยการใหญ่ WTO จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปกครั้งนี้ด้วย